กลุ่มสามารถชี้ธุรกิจในกลุ่มซีเคียวริตีของบริษัทในเครือยังซบ เหตุยังมุ่งเน้นโครงการภาครัฐที่ยังไม่ปล่อยงบประมาณ แต่มั่นใจไตรมาสสุดท้ายน่าจะได้เงินจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะทำให้บริษัทวิชั่นฯ มีรายได้ตลอดทั้งปีที่ 200-300 ล้านบาท พร้อมส่ง 2 ซอฟต์แวร์ใหม่สู่ตลาดหวังเจาะกลุ่มรักษาความปลอดภัย และบริหารจัดการเหตุการณ์ ส่วนปีหน้าเตรียมเบนเข็มเจาะตลาดเอกชนเพิ่มมากขึ้น
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถเทลคอม กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัท วิชั่น แอนด์ ซีเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มสามารถเทลคอมในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่ลดลง เนื่องจากโครงการราชการที่ดูแลอยู่ยังไม่มีการอนุมัติงบประมาณ แต่คาดว่ารัฐบาลจะสามารถตัดสินใจปล่อยงบ และอนุมัติภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะทำให้บริษัท วิชั่นฯ เริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยคาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเติบโตที่ลดลงของรายได้ดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทวิชั่นฯ จะเน้นรับงานราชการโครงการเป็นส่วนใหญ่ หรือประมาณ 70% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่มีลูกค้าเอกชนเพียง 30% เท่านั้น ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดในปีหน้าคาดว่าน่าจะหันเข้าไปหากลุ่มเอกชนมากขึ้น โดยจะเน้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มโอกาส และลดความเสี่ยงจากตลาดภาครัฐที่ยังชะลอตัว และน่าจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 40%
ล่าสุด บริษัทวิชั่นฯ ได้เปิดตัว 2 ซอฟต์แวร์ใหม่ คือ Nice Situator และ NICE Suspect Search ซึ่งได้รับสิทธิในการจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ NICE Security เพียงรายเดียวในประเทศไทย โดยจะเข้ามาช่วยเสริมตลาดจากผลิตภัณฑ์เดิมที่บริษัทวิชั่นฯ ได้ทำตลาดอยู่แล้ว และจะเน้นการนำเสนอสินค้า และบริการครบวงจรตามความต้องการของลูกค้า แบบ End-to-End Solutions ด้วยความร่วมมือจาก 3 พันธมิตร คือ บริษัท สามารถเทลคอม ผู้ให้บริการด้าน System Integrator บริษัทวิชั่นฯ ผู้ให้บริการติดตั้ง และดูแลระบบกล้องวงจรปิด และบริษัท NICE Systems ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ NICE Suspect Search เป็นระบบค้นหาบุคคลเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยจากการทดสอบ พบว่า จากเดิมที่ต้องการการค้นหาประมาณ 10 ชั่วโมง แต่หลังจากใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้เข้าช่วย จะลดเวลาเหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น โดยสามารถระบุตำแหน่งสถานที่ วัน เวลา และเส้นทางการเดินทางของบุคคลนั้น ซึ่งจะมีการดึงข้อมูลจากระบบกล้องวงจรปิด มาวิเคราะห์ และตรวจสอบบุคคลเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
ส่วนซอฟต์แวร์ NICE Situator เป็นระบบบริหารจัดการเหตุการณ์ โดยสามารถรวมศูนย์รับแจ้งเหตุจากทุกระบบ อาทิ Call Center, CCTV, Intrusion & Fire Alarm, Access Control, ระบบตรวจจับป้ายทะเบียน และบัตรประชาชน เป็นต้น แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สามารถป้องกัน และลดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
โดยลูกค้าสามารถนำซอฟต์แวร์เข้าไปใส่กับระบบเดิมที่รองรับได้ทันที นอกจากนี้บริษัทฯ ยังทำการติดตั้ง ดูแล และรักษาอุปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ทั้งในรูปแบบของ Turn Key ที่ครอบคลุมการออกแบบ ติดตั้ง และบริการซ่อมบำรุง หรืออาจจะจ้างในรูปแบบของ Outsourced Services ที่จะเป็นการเช่าอุปกรณ์ รวมไปถึงการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุง