xs
xsm
sm
md
lg

เอไอเอสผุด AIS The StartUp 2015 พร้อมแนะโซลูชัน IOT มาแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอไอเอส เผยธุรกิจสตาร์ทอัปของไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น คาดปีนี้จะมีเงินทุนหมุนเวียนในตลาดนี้กว่า 10,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีอยู่เพียง 1,250 ล้านบาท เผยธุรกิจดาวรุ่งในปีนี้จะมุ่งไปที่โซลูชันที่สามารถตอบรับการมาของตลาด IOT มากกว่าแอปบนมือถือ พร้อมต่อยอดโครงการ AIS The StartUp ครั้งที่ 5 หวังเฟ้นหาธุรกิจเข้ามาร่วมสร้างบริการใหม่ๆ ในธุรกิจโทรคมนาคม ผู้ชนะเลิศจะได้เงินรางวัล 1 ล้านบาท พร้อมมีโอกาสต่อยอดไปสู่ตลาดต่างประเทศ

นายปรัธนา ลีลพนัง (คนที่ 2 จากซ้าย) รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจสตาร์ทอัปเมืองไทยเริ่มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งในตัวสตาร์ทอัปเองและในส่วนของนักลงทุน โดยเอไอเอสคาดว่าในปีนี้ตลาดเงินหมุนเวียนในธุรกิจสตาร์ทอัปจะมีประมาณ 10,000 ล้านบาท และมีจำนวนสตาร์ทอัปเพิ่มขึ้นเป็น 2,000-3,000 ราย จากปีก่อนหน้านี้มีเงินหมุนเวียนอยู่ที่ประมาณ 1,250 ล้านบาท และมีจำนวนสตาร์ทอัปประมาณ 1,000 ราย

โดยในปีนี้ธุรกิจสตาร์ทอัปที่น่าจะเป็นดาวรุ่งคือ ในส่วนของโซลูชันที่สามารถตอบรับการมาของตลาด Internet of Things (IOT) ซึ่งกำลังกลายเป็นเทรนด์ในอนาคต เนื่องจากการมาของเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และมีตลาดที่กว้างมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปเจาะในตลาดนี้

“สำหรับเทรนด์ของสตาร์ทอัปเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่จะเน้นการสร้างโซลูชันเพื่อตอบสนองการใช้งานขององค์กรต่างๆ ที่เรียกได้ว่าได้รับการตอบสนองที่ดีจากองค์กรนั้นๆ เนื่องจากสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ และบริการที่ต่อยอดให้แก่ธุรกิจได้มากขึ้น แตกต่างจากการทำแอปพลิเคชันบนมือถือที่ในปัจจุบันมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก และในตลาดเองก็มีแอปพลิเคชันเหล่านี้มากมายอยู่แล้ว การจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจำเป็นต้องมีงบประมาณในการทำตลาด ซึ่งสตาร์ทอัปส่วนใหญ่ยังขาดในเรื่องนี้”

นายปรัธนา กล่าวว่า ล่าสุดเอไอเอสได้เปิดตัวโครงการ AIS The StartUp 2015 ขึ้นเป็นปีที่ 5 เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาและนำผลงานออกสู่ตลาดจริง โดยในครั้งนี้มีเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ 1,000,000 บาท พร้อมบินไปร่วมงาน Regional Operator Workshop และ Regional Challenge เพื่อสร้างโอกาสในการพบนักลงทุนจากทั่วโลก ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอไอเอส และพันธมิตรในเครือสิงเทล

โครงการล่าสุดนี้ได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด The New Generation of Digital Partnerships ที่เน้นหาดิจิตอลพาร์ตเนอร์หน้าใหม่เข้ามาร่วมสร้างสรรค์บริการที่ตอบโจทย์การใช้งาน และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิตอล โดยการแข่งขันในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้แก่ผลิตภัณฑ์ดิจิตอลที่สอดคล้องต่อพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ เช่น ดิจิตอลเกม, บริการด้านความบันเทิงและไลฟ์สไตล์, On-demand Economy (แพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชันที่อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้า และบริการต่างๆ บนออนไลน์), IOT Smart Living (การติดต่อสื่อสารกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางแอปพลิเคชัน), Payment และ FinTech (ระบบชำระเงินและเทคโนโลยีด้านการเงิน), Social enterprise หรือกิจการเพื่อสังคม และ Mobile advertising

โดยรางวัลที่ทีมชนะเลิศจะได้รับ คือ เงินสด 1,000,000 บาท จากเอไอเอส รองชนะเลิศรางวัลเงินสด 2,000 เหรียญสหรัฐ จากซัมซุง เอเชีย ค่าเดินทางไป-กลับ และที่พักสำหรับการเข้าร่วมงาน Regional operator Workshop ที่ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนตุลาคม และสำหรับการเข้าร่วมงาน Regional Challenge ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังมอบรางวัลพิเศษ Best FinTech StartUp Award เป็นเงินสด 100,000 บาท ให้แก่ทีมที่นำเสนอโครงการเกี่ยวกับ FinTech โดยการแข่งขันครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบริษัทพันธมิตรในแวดวงธุรกิจต่างๆ ร่วมเป็นกรรมการตัดสินในรอบสุดท้าย และร่วมให้การสนับสนุนมอบรางวัลแก่เหล่าสตาร์ทอัป เช่น ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ธนาคารกสิกรไทย, InVent, Samsung และ Singtel Group

นอกจากนี้ เอไอเอสยังมีนโยบายให้การสนับสนุนสตาร์ทอัปทุกทีมที่แม้จะไม่ได้รับรางวัล ด้วยการให้โอกาสในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอไอเอสอย่างเต็มที่ในทุกมิติ ด้วยเงินทุนสนับสนุนตลอดทั้งโครงการ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยทีมที่น่าสนใจ และมีทิศทางที่ดีจะได้รับทุนสนับสนุนจากเอไอเอส มูลค่าตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 6,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นทุนสนับสนุนในระยะเริ่มต้น และทุนสนับสนุนการเข้าสู่ตลาด ตลอดจนที่ปรึกษาระหว่างการทำธุรกิจ

ด้าน นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย หนึ่งในพันธมิตรในการจัดงาน AIS The StartUp 2015 ในฐานะกรรมการ และให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ รวมถึงธนาคารกสิกรไทย ได้มีการสนับสนุนรางวัลพิเศษ คือ รางวัล Best FinTech StartUp Award เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท ให้แก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่สามารถแสดงให้เห็นถึง Financial Solution ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถนำไปใช้งานได้จริง เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเงิน

นอกจากนี้ ธนาคารจะจัดเวิร์กชอป Digital Technology to Transform the Financial Service & Experience ขึ้นในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ เพื่อเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับ FinTech พร้อมแบ่งปันประสบการณ์จากแขกรับเชิญที่ประสบความสำเร็จจากการพัฒนา FinTech ในไทยให้แก่ผู้เข้าร่วมเวิร์กชอป
กำลังโหลดความคิดเห็น