หัวเว่ยเผยธุรกิจเอ็นเตอร์ไพร์สในไทยเติบโตขึ้น 40% ในปีที่ผ่านมา ชี้เกิดจากธุรกิจยังมีการลงทุนและการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ 40-50% ด้วยกลยุทธ์อัดเม็ดเงินหนุนพาร์ตเนอร์ในทุกด้านทั้งการตลาด การฝึกอบรมให้ความรู้ และเตรียมเพิ่มจำนวนผู้ขายอีกเท่าตัวเป็น 200 ราย มั่นใจนโยบาย National Data Center จะช่วยให้หัวเว่ยเติบโตได้อีก พร้อมปล่อย 2 โซลูชันใหม่เจาะลูกค้าเก่าและเล็งเข้าธุรกิจการผลิต
นายเอิร์นเนส จางหลิน ประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพร์ส หัวเว่ย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ผลประกอบการธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ยประเทศไทยในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการลงทุนของกลุ่มธุรกิจที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการใช้งานเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เกิดการขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ในธุรกิจการเงินการธนาคารมีการเปลี่ยนแปลงในการนำคลาวด์เข้ามาให้บริการ เช่นเดียวกับภาคการศึกษาที่มีการลงทุนเพิ่มเติม
ธุรกิจเอ็นเทอร์ไพร์สเป็นธุรกิจใหม่ของหัวเว่ย เพิ่งก่อตั้งมาได้แค่ 4 ปี แต่เป็นธุรกิจที่เติบโตเร็ว ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับธุรกิจนี้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญในเอเชียแปซิฟิกที่หัวเว่ยมุ่งเจาะตลาดใน 3 ประเทศประกอบด้วยไทย ฮ่องกง และอินเดีย
“ในปีนี้เราขออัตราการเติบโตประมาณ 40-50% โดยจะใช้กลยุทธ์ผ่านพาร์ตเนอร์ที่เหมาะสมในการนำเสนอโซลูชันที่เหมาะกับลูกค้า นอกจากนี้จะมีการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อช่วยให้พาร์ตเนอร์ให้เข้าถึงลูกค้า ในเรื่องของการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย เช่นการทำเวิร์กชอป การพาไปดูเทคโนโลยี รวมไปถึงช่วยทางด้านการทำตลาด อาทิ การจัดอีเวนต์ การสร้างโอกาสในการรู้จักลูกค้าให้มากขึ้นด้วย”
นายเอิร์นเนส กล่าวว่า ธุรกิจเอ็นเทอร์ไพร์สในไทยนั้นกำลังเติบโต ในขณะที่ฮ่องกงเป็นประเทศทันสมัย มีอินเทอร์เน็ตใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนอินเดียเป็นประเทศที่ใหญ่ ซึ่งทั้ง 3 ตลาดมีความแตกต่างกัน แต่มีอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาเท่ากันคือ 40% โดยหัวเว่ยใช้กลยุทธ์ในการทำตลาดผ่านพาร์ตเนอร์เหมือนกัน ปัจจุบันมีพาร์ตเนอร์ในไทย 100 ราย ในปีนี้จะเพิ่มเป็น 200 ราย กลยุทธ์ทางการตลาดในการทำให้ลูกค้าเลือกหัวเว่ยคือร่วมวางแผน ส่งมอบ และการดูแลรักษา ร่วมกับพาร์ตเนอร์เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
ปัจจุบันหัวเว่ยมีลูกค้าอยู่ในกลุ่มภาครัฐ ไอเอสพี การเงิน สาธารณูปโภค ทรานสปอร์ต การศึกษา เฮลท์แคร์ บรอดคาสต์และมีเดีย ประมาณ 70% ที่เหลือเป็นตลาดกลุ่มอื่นๆ ซึ่งในปีนี้จะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่กลุ่มลูกค้าเหล่านี้เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังให้ความสนใจกลุ่มของภาคการผลิตเพิ่มขึ้นด้วย
กลยุทธ์ทางการตลาดของหัวเว่ยจะเน้นสนองความต้องการของลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าสามารถรองรับกับการแข่งขันในยุคปัจจุบันให้ได้ ซึ่งโซลูชันของหัวเว่ยค่อนข้างครอบคลุมทุกความต้องการ นำเสนอนวัตกรรมที่จะนำส่งให้ถึงพาร์ตเนอร์เป็นแบบวันสต็อปเซอร์วิสให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีทีมงานวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะให้แก่ลูกค้าได้
“ไทยยังเหมาะที่จะเป็นประเทศที่น่าลงทุน และทางด้านภูมิศาสตร์ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงจากจีนที่จะช่วยนำความเจริญเข้ามามากขึ้น รวมไปถึงการเชื่อมต่อเคเบิลใยแก้วไปทั่วโลกที่จะส่งเสริมทางด้านดิจิตอลอีโคโนมีให้เป็นไปตามเป้าหมาย”
นายฟ่าน รุ่ยฉี รองประธาน กลุ่มผลิตภัณฑ์ไอที บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า สำหรับโอกาสในการทำธุรกิจในปีนี้นั้น นอกเหนือไปจากการเปิดตัวโซลูชันใหม่ผ่านงาน HCC Thailand 2015: Huawei IT New Product Release แล้ว ด้วยนโยบาย National Data Center ที่เป็นนโยบายรัฐนั้น จะช่วยเสริมให้ธุรกิจของหัวเว่ยสามารถเติบโตได้จาก 2 โซลูชันประกอบด้วย 1.OceanStor V3 Series เป็นสตอเรจรุ่นใหม่ที่ออกแบบให้ใช้งานกับดาต้าเซ็นเตอร์ระดับองค์กร มาพร้อมชุดฮาร์ดแวร์อัจฉริยะ สามารถผนวกรวมได้ถึง 5 ระดับ คือ การผนวก Storage Area Network (SAN) และ Network Attached Storage (NAS) การผนวกรวมสตอเรจไฮเอนด์ระดับกลางและโลว์เอนด์ การรวม Solid State Drive (SSD) และฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) การรวมสตอเรจเข้ากับแบ็กอัป และการรวมสตอเรจแบบต่างๆ เข้าด้วยกัน
2.FusionServer V3 เป็นโซลูชันเซิร์ฟเวอร์สำหรับบิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติง เวอร์ชวลไลเซชัน และการใช้งานต่างๆ ในองค์กร โดยเป็นเซิร์ฟเวอร์แบบเปิดและผนวกรวมของหัวเว่ยที่สามารถขยายได้ตามปริมาณงาน และเพิ่มการใช้งานได้หลายมิติ รวมทั้งการเร่ง Input และ Output
Company Related Link :
หัวเว่ย