ในประเทศไทยการจัดงานมหกรรมโทรศัพท์มือถือ หรือมหกรรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ที่ภาคเอกชนเป็นผู้จัด ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่แต่ละแบรนด์นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในราคาพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการจับจ่ายใช้สอยได้เข้ามาเลือกซื้อกัน
แต่การจัดงาน Thailand Mobile Expo 2015 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีการนำสินค้าไฮเทคที่เพิ่งมีการเปิดตัวสู่สาธารณะชนเมื่อต้นปีภายในงาน Consumer Elcctronics Show (CES 2015) มาให้บรรดาผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีได้สัมผัสกันด้วย นอกเหนือไปจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ทีมงานจะพาไปรู้จักกับ 25 Gadgets ที่ทางทีมผู้จัดงาน บริษัท เอ็มวิชั่น จำกัด เลือกนำมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ลองสัมผัสกันภายในงาน แน่นอนว่าผู้ที่เข้าชมงานสามารถเข้าไปทดลองเล่นได้เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องของการจำหน่ายอาจจะต้องรอดูอีกทีว่าแต่ละแบรนด์มีแผนที่จะนำเข้ามาขาย หรือจะมีบริษัทใดนำเข้ามาจำหน่ายหรือไม่
โดยของเล่นสุดล้ำเหล่านี้จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ Smart Watch และ Fitness Tracker ส่วนที่เหลือจะเป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนสนุกขึ้นอย่างกล้องถ่ายภาพ หุ่นยนต์บังคับ รวมไปถึง โดรนที่ไว้ใช้เก็บภาพจากมุมสูงด้วย
ในส่วนของ Smart Watch ประกอบไปด้วย Asus ZenWatch ที่เป็น Android Wear ตัวแรกจากเอซุส ชูจุดเด่นในแง่ของการออกแบบ และอินเตอร์เฟสการใช้งานคอนเซปต์ Zen หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.63 นิ้ว มีหน่วยประมวลผลภายในเป็น Snapdragon 400 ROM 4 GB กันน้ำมาตรฐาน IP55 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,700 บาท) ที่ขาดไม่ได้คือ Moto 360 หน้าจอ 1.56 นิ้ว ซีพียู TI OMAP 3 กันน้ำกันฝุ่น IP67 เริ่มวางจำหน่ายในราคา 249.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,500 บาท)
ถัดมาเป็น LG G Watch R นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นที่ 2 จากแอลจี ที่ชูจุดเด่นในแง่ของหน้าปัดทรงกลม จอ P-OLD ขนาด 1.3 นิ้ว ซีพียู Snapdragon 400 ROM 4 GB กันน้ำกันฝั่นมาตรฐาน IP67 มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เปิดตัวที่ 299.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นบาท) ส่วน Sony SmartWatch 3 หน้าจอ 1.6 นิ้ว ซีพียูควอดคอร์ 1.2GHz ROM 4 GB รองรับการเชื่อมต่อทั้งบลูทูธ และ NFC ตามสไตล์โซนี่ วางขายในราคา 249.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,500 บาท)
นอกจากนี้ก็ยังมีแบรนด์ทางเลือกอย่าง Withning Activite Pop ชูจุดเด่นความเรียบหรูเหมือนนาฬิกาสวิสที่สามารถเปลี่ยนสายยางสีได้ วางจำหน่ายในราคา 150 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,900 บาท) Meizu Inwatch Pi ที่เป็นนาฬิกาหน้าปัดทรงกลม ที่ดูหรูหรารองรับการแจ้งเตือน ติดตามการเคลื่อนไหว ราวเปิดตัวประมาณ 399 หยวน (ประมาณ 2,100 บาท)
ปิดท้ายที่ Fitbit Surge นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกของ Fibit ซึ่งโด่งดังมาจากอุปกรณ์ Fitness Tracker ที่เพิ่มความสามารถของนาฬิกาเข้ามาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ หน้าจอ Monochrome ทัชสกรีน ใช้งานได้ต่อเนื่อง 7 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคาเปิดตัว 249 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,200 บาท)
สินค้าอีกชนิดที่เริ่มได้รับความนิยมในต่างประเทศ และเชื่อว่าผู้บริโภคหลายๆรายเริ่มให้ความสนใจคืออุปกรณ์ที่เป็น Fitness Tracker ที่จะใช้วัดกิจกรรมในแต่ละวันของผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นก้าวเดิน การนอน การคำนวนปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญไป ซึ่งภายในงานก็จะมีการนำ Microsoft Band อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ชิ้นแรกจากไมโครซอฟท์ มาให้ได้สัมผัส โดยราคาเปิดตัวอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,500 บาท)
Fitbit Charge HR ที่เพิ่มเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจเข้าไปในสายรัดข้อมือรุ่นใหม่ของ Fitbit ที่มีหน้าจอแสดงผลเวลา ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 149 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,900 บาท) iFit Act สายรัดข้อมือจากค่ายน้องใหม่หน้าตาน่ารัก สนนราคาเปิดตัวที่ 49 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,500 บาท) iFit Active สายรัดข้อมือที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผลเพิ่มเติม ราคา 79 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,600 บาท)
MiBand สายรัดข้อมือจากแบรนด์สมาร์ทโฟนชื่อดังจากจีนอย่าง Xiaomi ที่ชูจุดเด่นใช้งานได้นาน 30 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ในราคา 79 หยวน (ประมาณ 500 บาท) Netatmo June อุปกรณ์สวมใส่ที่จะมาช่วยวัดรังสี UV เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถรับมือกับแสงแดดได้ และยังเป็นอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายด้วย
ยังมี Ricoh Theta M15 กล้องถ่ายภาพที่ให้มุมมองแบบ 360 องศา ในการถ่ายภาพเพียงครั้งเดียววางจำหน่ายในราคา 299.95 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,500 บาท) Instacube เป็นกรอบรูปดิจิตอลที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อดึง รูปจากโปรไฟล์ หรือ Hastag จาก Instagram มาแสดงผลได้ทันที ราคา 149 เหรียญสหรัฐ (4,900 บาท) Polaroid Socialmatic กล้องโพลารอยด์ที่สามารถพิมพ์ภาพออกมา พร้อมกับแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์ก สนนราคา 388 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,000 บาท)
รวมถึง Gadget จากบรรดานักพัฒนารุ่นใหม่ในแวดวง Kickstarter อย่าง Luxi ที่นำมาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นเครื่องวัดแสงในการถ่ายภาพราคา 29.95 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 พันบาท) 3Doodler เครื่องพิมพ์ภาพ 3มิติ ในรูปร่างของปากกา ราคา 149 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,900 บาท) Ozobot หุ่นยนต์บังคับที่ควบคุมจากสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ราคา 60 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,000 บาท)
Thermodo อุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิของอากาศ จากการติดตั้งผ่านช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน ราคา 29.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 พันบาท) Power Up 3.0 อุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนเครื่องบินกระดาษให้กลายเป็นเครื่องบินบังคับผ่านสมาร์ทโฟน ในราคา 49 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,500 บาท)
Wowwee Mip Robot หุ่นยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่สามาถใช้สมาร์ทโฟนบังคับในราคา 99.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,500 บาท) Ehang Ghost โดรน ขนาดใหญ่ที่ใช้การบังคับผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ถ่ายภาพและวิดีโอ ราคา 879 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 28,000 บาท) Micro Drone 2.0 โดรนขนาดจิ๋วที่สามารถหมุนได้ 360 องศา ราคา 69.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,500 บาท) และ DJI Inspire 1 โดรนติดกล้องที่สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ส่งภาพกลับมายังสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้
Gadget เหล่านี้ สามารถเข้าไปลองจับได้ภาย Gadget Zone นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการร่วมมือกับนิตยสาร Compgamer จัดโซน Mobile Game Zone ที่จะมีเกมดังๆกว่า 100 เกม มาเปิดให้โหลดกันฟรีๆ ณ งาน Thailand Mobile Expo 2015 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ได้ตั้งแต่วันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2558
***สมาร์ทโฟนน่าจับตา
ในส่วนของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายภายในงานครั้งแรก นอกจาก Galaxy Note EDGE ที่ถือเป็นรุ่นไฮเอนด์ที่ผู้บริโภคหลายคนให้ความสนใจและเปิดราคามาอยู่ที่ 28,900 บาทแล้ว ก็จะมีสมาร์ทโฟนรุ่นราคาระดับกลางๆ ระหว่าง 8,000-12,000 บาท ที่น่าสนใจหลากหลายรุ่น
ไม่ว่าจะเป็นซัมซุง Galaxy E7 ที่เปิดราคามา 11,500 บาท Huawei G7 9,990 บาท Wiko RIDGE FAB ราคา 6,990 บาท และ Vivo X5Max ที่ยังไม่เปิดราคา แต่ทั้ง 4 รุ่น ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว รับ 4G ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั้งหมด ยังไม่นับรวมกับสมาร์ทโฟนจอขนาด 5 นิ้วราคาต่ำกว่าหมื่นบาทอีกหลายรุ่น
หรือจะตามเข้าไปอ่านมาแล้ว!!! ส่องกล้องมือถือ 77 รุ่น ในงาน Thailand Mobile Expo 2015 ได้
บทความประชาสัมพันธ์
แต่การจัดงาน Thailand Mobile Expo 2015 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีการนำสินค้าไฮเทคที่เพิ่งมีการเปิดตัวสู่สาธารณะชนเมื่อต้นปีภายในงาน Consumer Elcctronics Show (CES 2015) มาให้บรรดาผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีได้สัมผัสกันด้วย นอกเหนือไปจากการจำหน่ายสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ทีมงานจะพาไปรู้จักกับ 25 Gadgets ที่ทางทีมผู้จัดงาน บริษัท เอ็มวิชั่น จำกัด เลือกนำมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ลองสัมผัสกันภายในงาน แน่นอนว่าผู้ที่เข้าชมงานสามารถเข้าไปทดลองเล่นได้เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องของการจำหน่ายอาจจะต้องรอดูอีกทีว่าแต่ละแบรนด์มีแผนที่จะนำเข้ามาขาย หรือจะมีบริษัทใดนำเข้ามาจำหน่ายหรือไม่
โดยของเล่นสุดล้ำเหล่านี้จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ Smart Watch และ Fitness Tracker ส่วนที่เหลือจะเป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนสนุกขึ้นอย่างกล้องถ่ายภาพ หุ่นยนต์บังคับ รวมไปถึง โดรนที่ไว้ใช้เก็บภาพจากมุมสูงด้วย
ในส่วนของ Smart Watch ประกอบไปด้วย Asus ZenWatch ที่เป็น Android Wear ตัวแรกจากเอซุส ชูจุดเด่นในแง่ของการออกแบบ และอินเตอร์เฟสการใช้งานคอนเซปต์ Zen หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.63 นิ้ว มีหน่วยประมวลผลภายในเป็น Snapdragon 400 ROM 4 GB กันน้ำมาตรฐาน IP55 ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,700 บาท) ที่ขาดไม่ได้คือ Moto 360 หน้าจอ 1.56 นิ้ว ซีพียู TI OMAP 3 กันน้ำกันฝุ่น IP67 เริ่มวางจำหน่ายในราคา 249.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,500 บาท)
ถัดมาเป็น LG G Watch R นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นที่ 2 จากแอลจี ที่ชูจุดเด่นในแง่ของหน้าปัดทรงกลม จอ P-OLD ขนาด 1.3 นิ้ว ซีพียู Snapdragon 400 ROM 4 GB กันน้ำกันฝั่นมาตรฐาน IP67 มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ เปิดตัวที่ 299.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นบาท) ส่วน Sony SmartWatch 3 หน้าจอ 1.6 นิ้ว ซีพียูควอดคอร์ 1.2GHz ROM 4 GB รองรับการเชื่อมต่อทั้งบลูทูธ และ NFC ตามสไตล์โซนี่ วางขายในราคา 249.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,500 บาท)
นอกจากนี้ก็ยังมีแบรนด์ทางเลือกอย่าง Withning Activite Pop ชูจุดเด่นความเรียบหรูเหมือนนาฬิกาสวิสที่สามารถเปลี่ยนสายยางสีได้ วางจำหน่ายในราคา 150 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,900 บาท) Meizu Inwatch Pi ที่เป็นนาฬิกาหน้าปัดทรงกลม ที่ดูหรูหรารองรับการแจ้งเตือน ติดตามการเคลื่อนไหว ราวเปิดตัวประมาณ 399 หยวน (ประมาณ 2,100 บาท)
ปิดท้ายที่ Fitbit Surge นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นแรกของ Fibit ซึ่งโด่งดังมาจากอุปกรณ์ Fitness Tracker ที่เพิ่มความสามารถของนาฬิกาเข้ามาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ หน้าจอ Monochrome ทัชสกรีน ใช้งานได้ต่อเนื่อง 7 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ราคาเปิดตัว 249 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,200 บาท)
สินค้าอีกชนิดที่เริ่มได้รับความนิยมในต่างประเทศ และเชื่อว่าผู้บริโภคหลายๆรายเริ่มให้ความสนใจคืออุปกรณ์ที่เป็น Fitness Tracker ที่จะใช้วัดกิจกรรมในแต่ละวันของผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นก้าวเดิน การนอน การคำนวนปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญไป ซึ่งภายในงานก็จะมีการนำ Microsoft Band อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ชิ้นแรกจากไมโครซอฟท์ มาให้ได้สัมผัส โดยราคาเปิดตัวอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,500 บาท)
Fitbit Charge HR ที่เพิ่มเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจเข้าไปในสายรัดข้อมือรุ่นใหม่ของ Fitbit ที่มีหน้าจอแสดงผลเวลา ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 149 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,900 บาท) iFit Act สายรัดข้อมือจากค่ายน้องใหม่หน้าตาน่ารัก สนนราคาเปิดตัวที่ 49 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,500 บาท) iFit Active สายรัดข้อมือที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผลเพิ่มเติม ราคา 79 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,600 บาท)
MiBand สายรัดข้อมือจากแบรนด์สมาร์ทโฟนชื่อดังจากจีนอย่าง Xiaomi ที่ชูจุดเด่นใช้งานได้นาน 30 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ในราคา 79 หยวน (ประมาณ 500 บาท) Netatmo June อุปกรณ์สวมใส่ที่จะมาช่วยวัดรังสี UV เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถรับมือกับแสงแดดได้ และยังเป็นอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายด้วย
ยังมี Ricoh Theta M15 กล้องถ่ายภาพที่ให้มุมมองแบบ 360 องศา ในการถ่ายภาพเพียงครั้งเดียววางจำหน่ายในราคา 299.95 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,500 บาท) Instacube เป็นกรอบรูปดิจิตอลที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อดึง รูปจากโปรไฟล์ หรือ Hastag จาก Instagram มาแสดงผลได้ทันที ราคา 149 เหรียญสหรัฐ (4,900 บาท) Polaroid Socialmatic กล้องโพลารอยด์ที่สามารถพิมพ์ภาพออกมา พร้อมกับแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์ก สนนราคา 388 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,000 บาท)
รวมถึง Gadget จากบรรดานักพัฒนารุ่นใหม่ในแวดวง Kickstarter อย่าง Luxi ที่นำมาเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นเครื่องวัดแสงในการถ่ายภาพราคา 29.95 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 พันบาท) 3Doodler เครื่องพิมพ์ภาพ 3มิติ ในรูปร่างของปากกา ราคา 149 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,900 บาท) Ozobot หุ่นยนต์บังคับที่ควบคุมจากสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ราคา 60 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,000 บาท)
Thermodo อุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิของอากาศ จากการติดตั้งผ่านช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน ราคา 29.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 พันบาท) Power Up 3.0 อุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนเครื่องบินกระดาษให้กลายเป็นเครื่องบินบังคับผ่านสมาร์ทโฟน ในราคา 49 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,500 บาท)
Wowwee Mip Robot หุ่นยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่สามาถใช้สมาร์ทโฟนบังคับในราคา 99.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,500 บาท) Ehang Ghost โดรน ขนาดใหญ่ที่ใช้การบังคับผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ถ่ายภาพและวิดีโอ ราคา 879 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 28,000 บาท) Micro Drone 2.0 โดรนขนาดจิ๋วที่สามารถหมุนได้ 360 องศา ราคา 69.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,500 บาท) และ DJI Inspire 1 โดรนติดกล้องที่สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ส่งภาพกลับมายังสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตได้
Gadget เหล่านี้ สามารถเข้าไปลองจับได้ภาย Gadget Zone นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการร่วมมือกับนิตยสาร Compgamer จัดโซน Mobile Game Zone ที่จะมีเกมดังๆกว่า 100 เกม มาเปิดให้โหลดกันฟรีๆ ณ งาน Thailand Mobile Expo 2015 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ได้ตั้งแต่วันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2558
***สมาร์ทโฟนน่าจับตา
ในส่วนของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายภายในงานครั้งแรก นอกจาก Galaxy Note EDGE ที่ถือเป็นรุ่นไฮเอนด์ที่ผู้บริโภคหลายคนให้ความสนใจและเปิดราคามาอยู่ที่ 28,900 บาทแล้ว ก็จะมีสมาร์ทโฟนรุ่นราคาระดับกลางๆ ระหว่าง 8,000-12,000 บาท ที่น่าสนใจหลากหลายรุ่น
ไม่ว่าจะเป็นซัมซุง Galaxy E7 ที่เปิดราคามา 11,500 บาท Huawei G7 9,990 บาท Wiko RIDGE FAB ราคา 6,990 บาท และ Vivo X5Max ที่ยังไม่เปิดราคา แต่ทั้ง 4 รุ่น ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว รับ 4G ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั้งหมด ยังไม่นับรวมกับสมาร์ทโฟนจอขนาด 5 นิ้วราคาต่ำกว่าหมื่นบาทอีกหลายรุ่น
หรือจะตามเข้าไปอ่านมาแล้ว!!! ส่องกล้องมือถือ 77 รุ่น ในงาน Thailand Mobile Expo 2015 ได้
บทความประชาสัมพันธ์