ถอดรหัสสิ่งที่จะเกิดตามมาหากไทยถูกรวมเป็น 1 ในประเทศกลุ่มแรก (tier 1) ที่วางจำหน่ายไอโฟนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 6 แม้คนไทยจะรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงนี้แสดงว่า แอปเปิล (Apple) กำลังให้ความสำคัญกับตลาดไทยมากขึ้น
แต่อย่างน้อยความเคลื่อนไหวนี้ก็มีโอกาสเป็น “หมาก” ที่แอปเปิลต้องการใช้ประโยชน์ในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดเอเชีย ขณะเดียวกัน หมากเกมนี้ยังอาจช่วยให้แอปเปิลมีผลประกอบการประจำปีที่สวยงาม เพราะการแบ่งช่วงรายได้ที่เหมาะสม สำหรับตลาดไทย ตลาด 4G และการแข่งขันด้านเครือข่ายเพื่อให้รองรับความสามารถใหม่ของ iPhone 6 นั้นจะร้อนแรงขึ้นทันตาแน่นอน
***ประเทศ tier 1 ไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ
นอกจากอัตราการเติบโตของยอดขาย ความพร้อมของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือนโยบายของพันธมิตร อีกหนึ่งในปัจจัยที่นักสังเกตการณ์เชื่อกันว่า แอปเปิลใช้เป็นหลักในการคัดเลือกตลาดเพื่อวางจำหน่ายไอโฟนเป็นกลุ่มแรกหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการคือ ประชาชนในประเทศนั้นเป็นผู้ใช้ภาษาอังกฤษ แต่แนวโน้มที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ แอปเปิลต้องออกจากกรอบความคิดนี้ และหันไปวางจำหน่ายในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลดีมาก เมื่อแอปเปิลเลือกจีนและญี่ปุ่นเข้าเป็นหนึ่งในประเทศ tier 1
ย้อนไปวันที่ 20-22 กันยายน 2013 ซึ่งเป็น 3 วันแรกที่แอปเปิลเริ่มจำหน่าย iPhone 5s และ 5c ปรากฏว่า แอปเปิลออกแถลงการณ์ยืนยันยอดขายในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นทะลุหลัก 9 ล้านเครื่อง ซึ่งเหนือกว่าคำพยากรณ์ที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ทำให้แอปเปิลมั่นใจว่ายอดรายได้และกำไรตลอดไตรมาส ก.ค.-ก.ย. 2013 จะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่บริษัทเคยคาดไว้ ตัวเลขยอดขายนี้ทำให้มูลค่าหุ้นของแอปเปิลเพิ่มขึ้นอีก 5%
ตัวเลขยอดขายไอโฟน 3 วัน 9 ล้านเครื่องนั้นถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับสถิติ 5 ล้านเครื่อง เมื่อครั้งแอปเปิลเปิดตัว iphone 5 ช่วงปี 2012 โดยสถิติครั้งนั้นทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าแอปเปิลจะจำหน่ายไอโฟนรุ่นใหม่ได้ราว 6-7 ล้านเครื่อง ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดตัว ซึ่งปรากฏว่าแอปเปิลสามารถทำได้ดีกว่าถึง 2 ล้านเครื่อง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดจำหน่าย iPhone 5s และ 5c ช่วงสัปดาห์แรกทำสถิติสูงที่สุดในประวัติศาสตร์แอปเปิลช่วงปีที่แล้ว คือการเปิดจำหน่ายในประเทศกลุ่มแรก 11 ประเทศ จากเดิมที่เคยเปิดจำหน่าย 9 ประเทศ เมื่อครั้งเปิดตัว iPhone 5 โดยประเทศจีนคือ 1 ใน 2 ประเทศใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้าไปเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรก ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ความต้องการมหาศาลในจีนจะผลักดันตลาดไอโฟนให้เติบโตกระฉูดในพริบตา
เพื่อให้เกิดสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์อีกครั้ง จึงมีความเป็นไปได้ว่า แอปเปิลวางแผนเพิ่มจำนวนประเทศ tier 1 ขึ้นอีกอยู่แล้ว และประเทศนั้นควรจะอยู่ในตลาดกำลังเติบโตหรือ Emerging Market
เมื่อครั้งเปิดตัว iPhone 5 แอปเปิลกำหนดตลาดกลุ่มแรกที่วางจำหน่ายไอโฟนไว้ 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ มาถึงครั้งการเปิดตัว iPhone 5s และ 5c แอปเปิลเพิ่ม “เปอร์โตริโก” และ “จีน” เข้าไปเป็น 11 ประเทศ ซึ่งเปอร์โตริโกนั้นเป็นประเทศที่ประชาชนใช้งานภาษาสเปนมากกว่า แถมยังเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มตลาดใหม่ซึ่งกำลังเติบโต
ตลาดใหม่นั้นถือเป็นสังเวียนทองที่แอปเปิลและผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นกำลังแย่งชิง ซึ่งที่ผ่านมา ซัมซุง (Samsung) สามารถครองส่วนแบ่งใหญ่ในตลาดเหล่านี้ ซึ่งเมื่อแอปเปิลปรับกลยุทธ์ให้ iPhone 5S และรุ่นราคาประหยัดกว่าอย่าง iPhone 5C วางจำหน่ายในตลาดใหม่ได้เร็วขึ้น การสำรวจพบว่าซัมซุงมีส่วนแบ่งในตลาด Emerging Market น้อยลงจาก 32% เหลือ 29% ในปี 2013 ที่ผ่านมา ขณะที่แอปเปิลมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21%
ความสำเร็จนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกหากแอปเปิลเพิ่มตลาดที่มีศักยภาพเข้าเป็นประเทศในกลุ่ม tier 1 ซึ่งเบื้องต้นแหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคมคาดว่า ไทยอาจถูกรวมในกลุ่มประเทศ “tier 1 wave 2” ซึ่งวางจำหน่ายไอโฟนใหม่หลังประเทศชั้นนำอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือญี่ปุ่นราว 1-2 สัปดาห์เท่านั้น ขณะเดียวกัน ก็มีโอกาสเป็น “tier 1 wave 1” เหมือนที่จีนและเปอร์โตริโกได้รับเลือกมาแล้ว
ความเห็นนี้เกิดขึ้นหลังจากวันที่ 12 สิงหาคม 2014 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยถึงกรณี กสทช. ได้อนุมัติการนำไอโฟน 6 เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยครั้งนี้บริษัท แอปเปิล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) ได้มีการขออนุญาตนำเข้าเครื่อง iPhone รุ่นใหม่ในรหัส A1586 และ A1524 ในวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่ง กสทช. ได้ผ่านการอนุญาตไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวยอมรับว่าโอเปอเรเตอร์ไทยหลายรายกังวลว่า กระบวนการวางจำหน่าย iPhone 6 อาจจะเริ่มได้ล่าช้า เนื่องจากขั้นตอนการอนุมัติของ กสทช. นั้นกินเวลานาน แต่เมื่อ กสทช. ยืนยันว่าได้อนุมัติแล้ว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะถูกจัดเป็นกลุ่ม tier 1 สูงมาก แม้แอปเปิลจะยังไม่มีการยืนยันใดๆ อย่างเป็นทางการ
***วางแผนไว้แล้ว
รายงานจากแหล่งข่าวในการสายการผลิตหน้าจอไอโฟนนั้นระบุว่า แอปเปิลสั่งโรงงานผลิตหน้าจอขนาดใหญ่สำหรับไอโฟนรุ่นใหม่แบบไม่ยั้ง 70-80 ล้านชิ้นภายในปีนี้ ถือเป็นคำสั่งผลิตไอโฟนรุ่นใหม่ในช่วงเริ่มแรกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่แอปเปิลเปิดตลาดไอโฟนมา นี่เองที่สะท้อนความเป็นไปได้ว่าแอปเปิลอาจวางแผนจะรวบบางประเทศที่วางจำหน่ายไอโฟนจากกลุ่มที่ 2 (tier 2) เข้าเป็น tier 1 อยู่แล้ว
นอกจากหน้าจอรายงานจากสื่อต่างประเทศยังชี้ว่า แอปเปิลมีคำสั่งให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไอโฟนรายอื่นเตรียมพร้อมเพื่อผลิตไอโฟนมากกว่า 120 ล้านเครื่อง ซึ่งอาจเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับความต้องการมหาศาลในช่วงแรกของการจำหน่ายไอโฟน เนื่องจากจำนวนประเทศที่วางจำหน่ายในช่วงแรกเพิ่มขึ้น
ที่สำคัญ แอปเปิลออกประกาศรับสมัครวิศวกรตำแหน่ง “Siri Language Engineer” ที่เชี่ยวชาญภาษาอาหรับ โปรตุเกสแบบบราซิล เดนมาร์ก ดัตช์ นอร์เวย์ สวีเดน ตุรกี รัสเซีย และไทย เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณสะท้อนว่า ผู้ใช้ไอโฟนในภาษาเหล่านี้จะสามารถพูดคุยกับ Siri เป็นภาษาถิ่นได้ รวมถึงคนไทยที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม การรวบบางประเทศที่วางจำหน่ายไอโฟนจาก tier 2 เข้าเป็น tier 1 นั้น ยังมีข้อจำกัดเรื่องความพร้อมของเครือข่ายในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะความแพร่หลายของระบบ 4G ซึ่งเชื่อว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญของ iPhone 6 ที่กำลังเปิดตัว เพราะแม้ 4G หรือ LTE นั้นเป็นหนทางออนไลน์ความเร็วสูงพิเศษที่ชาวโลกต้องการใช้งาน แต่ปัญหาคือ 4G LTE นั้นไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในหลายประเทศ จุดนี้ทำให้ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของไอโฟนใหม่ในบางพื้นที่นั้นอาจจะไม่ต่างกับการเชื่อมต่อ 3G บนไอโฟนรุ่นเดิม
สำหรับประเทศไทย แม้ค่ายมือถือจะเริ่มประกาศว่า ได้เริ่มทดสอบ 4G LTE ในบางพื้นที่ของไทย แต่นาทีนี้ทรูได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่มีความพร้อม 4G สูงที่สุด จุดนี้ทำให้คุณสมบัติการรองรับ 4G LTE ของ iPhone 6 จะยกระดับการใช้งานของคนไทยในระดับน้อยมาก และไม่แน่ เราอาจยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าชาวไทยในวงกว้างจะได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติ LTE อย่างเต็มที่
ดังนั้น iPhone 6 อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตลาด 4G ประเทศไทยมีการแข่งขันมากขึ้น รวมถึงการรุกหนักด้านการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย เพื่อให้รองรับความสามารถใหม่ที่เน้นการเชื่อมต่อข้อมูลของ iPhone 6 ยิ่งกว่าเดิม
***ลือหึ่ง iPhone 6 แจ่มสุดขีด
ข่าวลือล่าสุดระบุว่า iPhone 6 นั้นจะวางจำหน่ายในราคาต่างกันตามขนาดหน้าจอ โดยสำนักข่าวอินเทอร์เนชันแนลบิสสิเนสไทมส์ ของออสเตรเลียรายงานข่าวลือจากเว็บไซต์สัญชาติจีนว่า iPhone 6 รุ่น 4.7 นิ้ว จะมีราคาจำหน่ายเริ่มที่ 5,288 หยวน ซึ่งคำนวณเป็น 851 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 27,500 บาท ขณะที่รุ่น 5.5 นิ้ว จะวางจำหน่ายที่ราคาเริ่มต้น 6,288 หยวน เทียบเท่า 1,012 เหรียญสหรัฐ หรือ 32,500 บาท
นอกจากสื่อออสซี เว็บไซต์อย่างจีเอสเอ็มอินไซเดอร์ (GSMInsider) และโฟนอารีนา (Phone Arena) ก็ล้วนนำเสนอข่าวลือเรื่องราคาของ iPhone 6 นี้ โดยเฉพาะข่าวลือที่ระบุว่า iPhone 6 จะวางจำหน่ายที่จีนในวันที่ 16 กันยายนนี้ ซึ่งคาดว่า จะมีหลายประเทศที่ใช้กำหนดการจำหน่าย iPhone 6 เดียวกันกับประเทศจีน
ท่ามกลางข่าวลือเหล่านี้ รายงานหลายแหล่งระบุว่า iPhone 6 จะเพิ่มอายุแบตเตอรี่โดยจะเปลี่ยนมาใช้รุ่นขนาดความจุ 2,100 mAh ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลจะเริ่มใช้แบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุเท่าเทียมกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น นอกจากนี้ ยังมีการการันตีว่า iPhone 6 จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ใหม่มากมายหลายชิ้น เช่น เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ความกดอากาศ และความชื้น รวมถึงเซ็นเซอร์ป้องกันการถ่ายภาพสั่น ซึ่งจะช่วยให้ความสามารถในการถ่ายภาพบน iPhone ดีขึ้นทันตา
อีกข่าวลือที่สำคัญคือ สถาบันการเงินมอร์แกน สแตนเลย์ (Morgan Stanley) เคยเปิดเผยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2013 ว่า แอปเปิลเตรียมรองรับชิปรับส่งข้อมูลไร้สายระยะใกล้ “NFC” เพื่อผลักดันการชำระเงินผ่านมือถือ ข่าวลือนี้เป็นสัญญาณแสดงว่า เทคโนโลยี NFC อาจกลายเป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในสหรัฐฯได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แอปเปิลได้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ NFC และหันไปใช้เทคโนโลยีอื่นแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
Company Related Link :
Apple Thailand
CyberBiz Social