พานาโซนิคชี้ตลาดซิเคียวริตี้ในเอเชียแปซิฟิก มีการเติบโตต่อเนื่องและมีมูลค่ากว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลจากการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานของทุกประเทศ คาดปีนี้พานาโซนิคโตเพิ่มเป็น 17% ส่วนตลาดไทยล่าสุดเปิดตัวโซลูชันและกล้องซีซีทีวีใหม่ หวังสร้างการเติบโตในไทยปีนี้เพิ่มสูงกว่า 20% และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง12%
นายฮิโรอากิ ซากาโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิสเต็มส์ คอมมูนิเคชั่น เอเซีย แปซิฟิก กล่าวว่าตลาดเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยในเอเชียแปซิฟิก นับว่าเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดด้วยอัตราเฉลี่ย 4-6% ทุกปี โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยพานาโซนิคมีส่วนแบ่งอันดับ 1 การเติบโตของตลาดดังกล่าวเนื่องจากประเทศในแถบนี้ยังต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ จึงมีความจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยตามมา
สำหรับอัตราการเติบโตของพานาโซนิคในภูมิภาคนี้ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 10% ในขณะที่อัตราการเติบโตของตลาดอยู่ที่ 9% ส่วนในปีนี้พานาโซนิคคาดว่าจะเพิ่มเป็น 17% โดยตลาดที่มีแนวโน้มการขยายตัวสูงคือประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยพานาโซนิคมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ การบริการทั้งก่อนและหลังการขายผ่านทีมงานในระดับภูมิภาค
'ล่าสุดพานาโซนิคได้ทำการเปิดตัว i-Pro SmartHD Solution ในประเทศไทยซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับสินค้าซีเคียวริตี้ โดยมีการเติบโตระดับสองหลักมาตลอดระยะเวลา 4 ปี ปัจจุบันพานาโซนิค ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดในสินค้ากล้อง CCTV ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 12% จากมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ'
นายโทชิฮิโร มาจิมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลล์ จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเติบโตของตลาดในเมืองไทยเกิดจากการให้ความสำคัญและมีการสนับสนุนการทำตลาดจากบริษัทแม่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา โดยภาพรวมตลาดซีเคียวริตี้ของไทยในปีที่แล้วมีอัตราการเติบโตกว่า 15% ส่วนพานาโซนิคโตกว่าตลาดคืออยู่ที่ 20% และปีนี้เริ่มที่จะโฟกัสเรื่องโซลูชันมากขึ้น และตั้งเป้าโตมากกว่าปีที่ผ่านมาเช่นกัน
สำหรับกลุ่มเป้าหมายในปีนี้จะโฟกัสในกลุ่มแบงก์ โรงงาน รีเทล กลุ่มพลังงานต่างๆ และจะมีการหาพาร์ทเนอร์ร่วมกันทำตลาดมากขึ้น จากที่ผ่านมามีช่องทางการจัดจำหน่ายชัดเจนอยู่แล้วและมีโฮลเซลเลอร์กว่า 5 ราย ประกอบกับการมีช่องทางที่หลากหลาย และมีการดูแลพาร์ทเนอร์เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีสัดส่วนตลาดภาครัฐ 40% และเอกชน 60% ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้จะปรับสัดส่วนเป็นรัฐ 50%เอกชน 50%
'เอกชนเป็นตลาดหลักของเรา และมีแชร์สูงมากในกลุ่มโรงงานญี่ปุ่น ส่วนตลาดภาครัฐเองก็ยังมีความน่าสนใจเพราะคาดว่าน่าจะมีความสนใจด้านความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ส่วนการเติบโตของตลาดในปีที่ผ่านมาเนื่องจากหน่วยงานราชการ และเอกชนเริ่มเห็นความจำเป็นแล้ว โดยเฉพาะการติดตามพื้นที่สาธารณะและอาคารทั่วไป โดยสินค้าจะมุ่งนำเสนอเจาะกลุ่มบีทูบีมากกว่าบีทูซี'
ด้านนางสาวราณี สิทธิแก้ว ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสดูแลสินค้าซีซีทีวีในประเทศไทย บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลล์ จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ พานาโซนิคนำเสนอเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยที่มุ่งเน้นให้ชุมชนในประเทศไทยมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งสินค้าในหมวดนี้จัดเป็นสินค้าหลักในส่วนงาน ระบบของพานาโซนิคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความหลากหลาย สามารถสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
'ปีนี้ก็ตั้งใจผลักดันให้มีอัตราการโตมากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันพานาโซนิคมีโครงการที่เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไปมากกว่า 20 โครงการ ทั้งนี้แม้จะมีคู่แข่งในตลาดมากกว่า 10 แบรนด์ รวมไปถึงการมีกล้องจากจีนเข้ามาอยู่ในตลาดด้วย แต่พานาโซนิคมั่นใจว่าด้วยการรับประกันสินค้า 3 ปี มีผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มแข็งและหลากหลาย รวมไปถึงมีทีมงานที่มีประสบการณ์สูง มากกว่า 10 ปี น่าจะทำให้ในปีนี้ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำได้ไม่ยาก'
นางสาวราณี กล่าวว่า การทำตลาดที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอกล้อง CCTV ด้วยระบบ i-Pro SmartHD นับว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีลูกค้าในตลาดให้การยอมรับและเลือกใช้ รวมถึงโซลูชันสำหรับรักษาความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบของพานาโซนิคเป็นจำนวนมาก อาทิ กลุ่มผู้ค้าย่านราชประสงค์ เซเว่นอีเลฟเว่น หน่วยงานราชการ ธนาคารต่างๆ และมหาวิทยาลัยชื่อดัง เป็นต้น
ในปีนี้พานาโซนิคได้นำเสนอ i-Pro SmartHD Solution ที่ไม่ได้มีดีแค่ตัวกล้อง แต่เป็นทั้งระบบ เพื่อความสมบูรณ์แบบด้านการรักษาความปลอดภัยครบวงจร มีฟังก์ชัน Face Analytics ที่ประกอบด้วย Face Matching และ Face Search ช่วยในการแจ้งเตือนคนร้าย ก่อนเกิดเหตุ และการติดตามคนร้ายอย่างทันท่วงทีหลังเกิดเหตุ
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ล่าสุด ซีรีส์ 6 ที่ได้มีการพัฒนาชิปตัวรับภาพแบบใหม่ ทำให้สามารถมองภาพในที่มืด และการมองภาพย้อนแสง ทำได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมีฟังก์ชันและคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้น อาทิการจับภาพได้ 60 เฟรมต่อวินาที มากกว่าภาพเรียลไทม์ในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 30 เฟรมต่อวินาที จึงสามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างลงตัวในทุกแอปพลิเคชัน
Company Related Link :
Panasonic