xs
xsm
sm
md
lg

สหภาพฯ กสท ผนึกพลัง 41 สหภาพฯ ยื่นวุฒิสภาถอดถอน กสทช.ทั้งคณะ 6 ส.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สหภาพฯ กสท ทีโอที อสมท ผนึกพลังสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เตรียมยื่นหนังสือถึงวุฒิสภา 6 ส.ค.นี้หวังถอดถอน กสทช.ทั้งคณะ หลังพบพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ทุนโทรคมนาคมต่างชาติบ่อนทำลายรัฐวิสาหกิจ ส่งผลกระทบด้านการเงินอย่างรุนแรง และกระเทือนความมั่นคงของประเทศ

นายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวันที่ 6 ส.ค. 2556 นี้ทางสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ร่วมกับสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ส.พรท.) โดยมี สหภาพฯ กสท โทรคมนาคม สหภาพฯ ทีโอที สหภาพฯ อสมท และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจอีก 41 แห่ง เตรียมเข้ายื่นหนังสือต่อวุฒิสภาเพื่อขอให้พิจารณาการดำรงสถานภาพของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และขอให้มีการถอดถอน กสทช.ทั้งคณะ

นื่องจากสหภาพฯ กสท เล็งเห็นว่าพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ในมาตรา 84 วรรค 3 ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่ระบุว่า เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 3 ปีนับแต่กฎหมายบังคับใช้ รัฐวิสาหกิจต้องนำรายได้จากผลประกอบการในส่วนที่ได้รับในการให้สัมปทานแก่ผู้ได้สัมปทาน ที่รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ซึ่งเป็นการออกกฎหมายให้ กสท ต้องส่งรายได้ที่เกิดจากสัญญาสัมปทานที่มีอยู่ก่อนวันที่กฎหมายใช้บังคับให้ กสทช. ส่งผลให้ กสท เสียสิทธิที่เกิดจากสัญญาสัมปทาน มีผลกระทบกระเทือนต่อสัญญาสัมปทาน ซึ่งขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 305 ที่ระบุว่า การใช้กฎหมายมาตรา 47 ต้องไม่กระทบกระเทือนถึงการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาสัมปทาน

รวมทั้งการที่ กสทช.ออกประกาศเรื่องการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2556 (อินฟราสตรักเจอร์แชริ่ง) ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 2556 และร่างประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ... ซึ่งล่าสุด กสทช.เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ไปเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2556 โดยประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวถือเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่เอกชน และยังส่งผลให้รัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจด้านโทรคมนาคมได้รับผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง

อีกทั้งการที่ กสทช.ออกใบอนุญาตการให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz แก่ผู้ประกอบการรายเดิมที่อยู่ในตลาดนั้นก็เป็นการประมูลที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรายเดิมอยู่แล้ว แต่กลับอ้างมาโดยตลอดว่าการประมูลดังกล่าวมีการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้วบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลเป็นบริษัทในเครือของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่ในประเทศเพียง 3 รายเท่านั้น และยังเป็นบริษัทที่มีทุนต่างชาติ ซึ่งได้เปรียบในการแข่งขัน และท้ายสุดรัฐวิสาหกิจก็จะได้รับความเสียหาย ต้องประสบภาวะขาดทุน และประเทศชาติก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย

“สุดท้ายเอกชนซึ่งเป็นของทุนต่างชาติก็เข้าครอบงำกิจการโทรคมนาคมของชาติ ก่อให้เกิดความสั่นคลอนในความมั่นคงของประเทศ เพราะระบบการรักษาความปลอดภัย ความลับทางด้านสารสนเทศที่รับ-ส่ง บนเครือข่ายโทรคมนาคมไม่ปลอดภัยและไม่มีความน่าเชื่อถือต่อไป”

ขณะเดียวกัน นายสุวิทย์ มิ่งมล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท กล่าวว่า การดำเนินงานของ กสทช. ตั้งแต่แรกก็มุ่งเน้นไปสู่การจัดประมูลทีวีดิจิตอลเพียงอย่างเดียวซึ่งเป็นเรื่องของตัวเงินมากกว่า กลับกันการสนับสนุนด้านคอนเทนต์ที่ดีมีสาระยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก ถึงแม้ล่าสุดจะมีประกาศส่วนลดค่าธรรมเนียมแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการชำระเงิน เช่นเดียวกับการปรับลดสัดส่วนเนื้อหาของช่องรายการข่าวจาก 75% เป็น 50% ก็สะท้อนถึงการไม่สนับสนุนคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ ดังนั้นเจตนารมณ์ทั้งหมดของ กสทช.อาจจะเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ว่าต้องการให้เกิดการส่งเสริมการเข้าถึงเนื้อหาที่ดีของคนในสังคม

นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎหมายของ กสทช.ในการกำกับดูแลช่องทีวีดาวเทียม และเคเบิลทีวีก็ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากยังคงพบการโฆษณาเกินจริง และเนื้อหาลามกอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร โดยถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ สู้ให้มีการกำกับภายใต้หน่วยงานเดิมยังดีเสียกว่า

Company Relate Link :
สหภาพฯ กสท
กำลังโหลดความคิดเห็น