xs
xsm
sm
md
lg

“Surface” เดิมพันไมโครซอฟท์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยเป็น 1 ใน 29 ประเทศเป้าหมายของไมโครซอฟท์ที่ต้องการจะสื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความสามารถของวินโดวส์ 8 ที่ไม่ต้องผูกอยู่กับพีซีอีกต่อไป ผ่านการขายแท็บเล็ต Surface
การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ภายใต้แบรนด์ไมโครซอฟท์ (Microsoft) อย่างแท็บเล็ต Surface ในประเทศไทยช่วงเดือนมิถุนายน ถือว่าไทยเป็น 1 ใน 29 ประเทศเป้าหมายสำคัญของไมโครซอฟท์ ที่ต้องการจะสื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความสามารถของวินโดวส์ 8 ที่ไม่ต้องผูกอยู่กับพีซีอีกต่อไป

ในเมื่อพี่ใหญ่ในวงการชิปหน่วยประมวลผลอย่างอินเทลยังเบนเข็มหลักขององค์กร จากเดิมที่เน้นผลิตชิปสำหรับพีซีทั้งโน้ตบุ๊ก และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (เดสก์ท็อป) ไปยังตลาดโมบิลิตีดีไวซ์ (อุปกรณ์พกพา) ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ย่อมแสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในตลาดอย่างชัดเจน

ไมโครซอฟท์ก็เห็นถึงอัตราการเติบโตในตลาดดังกล่าวเช่นเดียวกัน จึงได้ทำการยกเครื่องวินโดวส์ 8 ใหม่หมดเพื่อให้ออกมารองรับการใช้งานแบบหน้าจอสัมผัส แต่ด้วยความที่เหล่าผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งหลายยังยึดติดกับฟอร์มเฟกเตอร์เดิมๆ ของโน้ตบุ๊ก จึงเลือกที่จะส่งโน้ตบุ๊กไฮบริดออกมาวางจำหน่ายสำหรับวินโดวส์ 8 และเลือกไปทำแท็บเล็ตจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ออกมาจำหน่ายแทน

ดังนั้น สิ่งที่ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องทำในช่วงปีที่ผ่านมาคือหาทางทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้บริโภคและเหล่าผู้ผลิตหรือเวนเดอร์ทั้งหลายเห็นถึงความสามารถในการใช้งานระบบสัมผัสของวินโดวส์ 8 จึงได้เกิดแนวคิดที่จะผลิตแท็บเล็ตภายใต้แบรนด์ตนเองอย่าง “Surface” ออกมาวางจำหน่าย

แต่ด้วยการที่ไมโครซอฟท์เป็นบริษัทที่เน้นไปในแง่ของการพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นหลัก เมื่อต้องเกิดโปรเจกต์ใหม่ในการผลิตฮาร์ดแวร์จึงเกิดความยากลำบากแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับเมื่อผลิตสินค้าออกมาแล้วไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก จึงทำให้ Surface เริ่มทำตลาดในบางประเทศก่อนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อไลน์การผลิตเริ่มเข้าที่ ทางไมโครซอฟท์ก็เริ่มขยายการทำตลาดออกสู่ประเทศกำลังพัฒนาที่เล็งเห็นแนวโน้มในการเติบโตได้ชัดเจน ดังจะเห็นได้จากการที่ไทยกลายเป็นประเทศแรกที่มีการเปิดตัวและจำหน่าย Surface ทั้งรุ่น RT และ Pro พร้อมๆ กัน ต่างจากประเทศอื่นที่จะค่อยๆ ทยอยเข้ามาทำตลาดทีละรุ่น

แน่นอนว่าผลตอบรับของผู้บริโภคในการจัดงานเปิดตัว Surface พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยดีเกินกว่าที่ไมโครซอฟท์จะคาดคิด เพราะเกือบ 200 คิวแรกที่ไมโครซอฟท์ทำโปรโมชันพิเศษแถม Touch Cover และไมโครเอสดีการ์ด ขายหมดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ที่สำคัญคือ รุ่นที่ขายดีที่สุดกลับไม่ใช่รุ่นที่ราคาต่ำสุดอย่าง Surface RT กลับเป็น Surface Pro รุ่นที่มีราคาแพงที่สุด เพราะจำหน่ายหมดไปตั้งแต่ยังไม่ครบ 100 คิวแรกเท่านั้น หรืออาจเกิดจากปริมาณสินค้าที่เข้ามาในช่วงแรกมีจำกัด ทำให้ไม่เพียงพอจำหน่ายในงานวันเปิดตัวก็เป็นได้

นอกเหนือไปจากนี้ ในแง่ของช่วงเวลาการวางจำหน่ายครั้งนี้ถือว่าไมโครซอฟท์คาดการณ์ได้เหมาะเจาะในการเข้าตีตลาดแท็บเล็ต เพราะแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ ในตลาดยังไม่มีความคืบหน้าในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาจำหน่ายในช่วงเวลาอันใกล้ อย่างน้อยๆ Surface ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกแท็บเล็ตที่น่าใช้ไปได้ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน จนกว่าจะมี iPad รุ่นใหม่ออกมาทำตลาด

*** เลือกซื้อรุ่นไหนดี

หนึ่งในปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นหลังจากไมโครซอฟท์เปิดตัว Surface คงหนีไม่พ้นในแง่ของความแตกต่างระหว่าง Surface RT กับ Surface Pro ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่ก็เรียกได้ว่าทำงานกันคนละพื้นฐานของระบบปฏิบัติการเลยก็ว่าได้

ถ้ามองง่ายๆ Surface Rt เป็นเหมือนแท็บเล็ตที่ทำงานบนสถาปัตยกรรมพิเศษที่คิดค้นขึ้นเพื่อใช้กับหน่วยประมวลผลประหยัดพลังงานแบบเดียวกับแท็บเล็ตแอนดรอยด์และไอแพด เพียงแต่ Surface RT นำอินเตอร์เฟซของวินโดวส์ 8 มาใช้ แน่นอนว่าต้องมีความแตกต่างจากวินโดวส์ 8 รุ่นปกติที่ใช้งานพอสมควร ดังนั้นจึงส่งผลให้เกิดปัญหาสำคัญคือโปรแกรมที่สามารถใช้งานคู่กันได้ยังมีจำนวนน้อยมาก เพราะถูกจำกัดให้ติดตั้งโปรแกรมที่มาจาก Windows Store ของไมโครซอฟท์ได้เท่านั้น แถมยังไม่สามารถนำโปรแกรมในวินโดวส์ 8 หรือวินโดวส์ 7 มาใช้ร่วมกันได้อีกด้วย

แต่จุดนี้ถ้ากลุ่มผู้ใช้งาน Surface RT ไม่ได้กังวลถึงแอปพลิเคชันนอกเหนือจากนี้เท่าใดนัก เพียงแต่ต้องการใช้งานเพื่อท่องอินเทอร์เน็ต เช็กอีเมล ทำงานเอกสาร หรือการใช้งานทั่วๆ ไป Surface RT สามารถตอบสนองได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในแง่ของการทำเอกสารด้วยโปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิศ (Microsoft Office) ที่พัฒนามาให้สอดรับกับการใช้งานเต็มรูปแบบ รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานกว่า 9-10 ชั่วโมงแบบแท็บเล็ตทั่วไป จึงเทียบได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดในการใช้งานบนแท็บเล็ตก็ว่าได้

กลับกัน ในส่วนของผู้ที่สนใจ Surface Pro สิ่งใดที่โน้ตบุ๊ก หรือเดสก์ท็อปสามารถใช้งานได้ ทั้งในแง่ของการลงโปรแกรมเพิ่มเติมทุกชนิด กับเครื่องประสิทธิภาพสูงเทียบเท่าอัลตราบุ๊ก ทำให้ Surface Pro สามารถตอบสนองการใช้งานโดยรวมได้ดีกว่า Surface RT อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น การลงโปรแกรมปรับแต่งภาพอย่าง Adobe Photoshop หรือแม้กระทั่งลงเกมออฟไลน์ภาพ 3 มิติก็ทำได้

สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ Surface Pro คงหนีไม่พ้นในแง่ของเวลาในการใช้งาน เนื่องมาจากใช้สเปกเดียวกับอัลตราบุ๊กซึ่งใช้หน่วยประมวลผล 3rd Gen Intel Core i5 ทำให้เมื่อใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพต่อเนื่องกันได้ไม่เกิน 4-5 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เชื่อมความต้องการของผู้บริโภคให้หลงรัก Surface ที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นแป้นคีย์บอร์ด Touch Cover ที่สามารถตอบสนองกับนิ้วมือแบบเดียวกับพิมพ์บนหน้าจอสัมผัส แต่ Touch Cover ให้อารมณ์และความรู้สึกที่ดีกว่า พร้อมทำหน้าที่เป็นทั้งเคสปิดหน้าจอ คีย์บอร์ด และทัชแพดแทนเมาส์ให้เหล่าผู้ที่ยังยึดติดกับการใช้งานในรูปแบบโน้ตบุ๊กได้ใช้งานกัน เพราะถือเป็นนวัตกรรมที่ยังไม่มีคู่แข่งรายใดลอกเลียนแบบออกมา ซึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับขาตั้งตัวเครื่องอะลูมิเนียมเนื้อดีที่ถูกออกแบบมาให้ได้มุม 45 องศาก็เปรียบเสมือนกับเป็นโน้ตบุ๊กดีๆ นี่เอง

อีกจุดหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับการใช้งานอุปกรณ์พกพาในสมัยนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของการโอนย้ายข้อมูลผ่านยูเอสบีไดรฟ์ที่ Surface สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกจากความยืดหยุ่นของวินโดวส์ 8 ที่ผู้ใช้ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ทำให้แทบไม่มีปัญหาในการโอนย้ายไฟล์เพื่อใช้ในการทำงานแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ถ้าสังเกตที่สเปกเครื่องของทั้ง 2 รุ่นจะเห็นได้ว่าเป็นสเปกเครื่องในระดับไฮเอนด์เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว แต่ถ้าถามว่ายังสูงอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ก็ยอมรับว่าสามารถใช้งานได้ต่อไปสบายๆ ไม่ต่ำกว่า 2 ปี แต่ที่สำคัญคือยังไม่มีรุ่นที่รองรับการใช้งาน 3G ออกมา

ในขณะที่ความเคลื่อนไหวในตลาดโลกตอนนี้กำลังจ้องมองไปที่การเปิดตัว Surface รุ่นถัดไป เนื่องจากทางอินเทลก็เพิ่งเปิดตัวหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ซึ่งประหยัดพลังงานและให้ประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม และไมโครซอฟท์เคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าเตรียมที่จะทำแท็บเล็ตขนาดหน้าจอเล็ก และราคาต่ำกว่าเดิมออกมา ประกอบกับข่าวลือที่เริ่มจะหนาหูเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8.1 หรือวินโดวส์บลูที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้

สิ่งที่ต้องจับตาดูกันต่อไปในอนาคตอันใกล้คงหนีไม่พ้นเรื่องของเหล่าผู้ผลิตพีซี ที่จะนำแนวคิดต้นแบบของ Surface จากไมโครซอฟท์ไปสานต่อ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะเรียกคืนความยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟท์ในตลาดซอฟต์แวร์ได้หรือไม่นั่นเอง

***ราคาจำหน่าย Surface

- Surface RT
Surface RT 32 GB (เฉพาะตัวเครื่อง) 16,500 บาท
Surface RT 64 GB (เฉพาะตัวเครื่อง) 19,500 บาท
Surface RT 32 GB Bundle (พร้อม Touch Cover สีดำ) 19,500 บาท
Surface RT 64 GB Bundle (พร้อม Touch Cover สีดำ) 22,500 บาท

- Surface Pro
Surface Pro 64 GB (เฉพาะตัวเครื่อง) 28,500 บาท
Surface Pro 128 GB (เฉพาะตัวเครื่อง) 31,500 บาท

***ทางเลือกอื่นถ้าไม่ชอบ RT หรือ PRO

1. Sony Vaio Duo โน้ตบุ๊กไฮบริดสเปกเทพ หน้าจอทัชสกรีนที่สามารถสไลด์คีย์บอร์ดออกมาได้ มีการนำเทคโนโลยีของโซนี่มาเพิ่มมูลค่าอย่างกล้องเซ็นเซอร์ Exmor R รองรับการใช้ปากกาสไตลัสคู่กับแอปพลิเคชัน เฉพาะที่ให้มาในเครื่อง แต่ราคาค่อนข้างสูง

2. Apple MacBook Air (4th Gen Intel) จุดเด่นเป็นโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง ใช้งานได้ต่อเนื่องกว่า 9 ชั่วโมง พกพาสะดวก พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อกับสินค้าตระกูลไอ ความเสถียรของการใช้งาน OS X แน่นอนว่าไม่มีไวรัส แต่มีข้อเสียตรงที่ไม่รองรับระบบทัชสกรีน และใช้งานเอกสารร่วมกับวินโดวส์ค่อนข้างลำบาก

3. Apple iPad with Retina แท็บเล็ตตระกูลไอที่มีแอปพลิเคชันรองรับการใช้งานมากที่สุด มีอุปกรณ์เสริมให้เลือกหลากหลาย หน้าจอคมชัดที่สุด เสียแต่ว่าต้องพึ่งพา iTunes ในการโอนย้ายไฟล์แทบทุกชนิด

4. Samsung Galaxy Note 10.1 จุดเด่นตรงที่มีปากกาช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้งาน มีระบบ MultiScreen ช่วยให้แบ่งการทำงานครึ่งหน้าจอไปพร้อมๆ กันได้ และแอปพลิเคชันให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรีค่อนข้างมาก แต่ข้อเสียคือระบบแอนดรอยด์ยังไม่ค่อยเสถียรกับการทำงาน
งานเปิดตัว Surface พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้ผลตอบรับดีเกินกว่าที่คาด
ผู้ซื้อ Surface 200 คิวแรกจะได้รับแถม Touch Cover และไมโครเอสดีการ์ด ปรากฎว่าสามารถขายหมดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
รุ่นที่ขายดีที่สุดกลับไม่ใช่รุ่นที่ราคาต่ำสุดอย่าง Surface RT กลับเป็น Surface Pro รุ่นที่มีราคาแพงที่สุด
แผนภาพแสดงความแตกต่างระหว่าง Surface RT และ Surface Pro
Sony Vaio Duo
Apple MacBook Air (4th Gen Intel)
Apple iPad with Retina
Samsung Galaxy Note 10.1
กำลังโหลดความคิดเห็น