ไอบีเอ็มฟันธงปีนี้ตลาดไอทีไทยสดใสและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงและการเข้ามาของเออีซีทำให้ธุรกิจต้องใช้ไอทีในการสร้างความได้เปรียบ ชี้โลกกำลังเข้าสู่ยุค The New Era of Computing ที่ระบบคอมพิวเตอร์จะไม่ได้ทำหน้าที่เพียงประมวลผลข้อมูลเท่านั้นแต่สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ และฝ่ายไอทีจะเข้ามามีบทบาททางการตลาดเพิ่มขึ้น เผยเตรียมทั้งโซลูชันและบุคลากรเข้ารุกตลาดไอทีในไทยอย่างเต็มที่
นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้ตลาดไอทีสดใสมากและมีแนวโน้มที่จะขยายตัว เนื่องจากความต้องการของตลาดที่ต้องนำไอทีเข้าไปเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมลูกค้าที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ธุรกิจจึงต้องหาทางตอบสนองความต้องการเหล่านั้น นอกจากนี้การเติบโตของสมาร์ทโฟน โซเซียลมีเดีย จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการตลาด รวมไปถึงการเข้ามาใช้งานคลาวด์ที่ก่อให้เกิดข้อมูลมหาศาล (Big Data) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) ได้กลายเป็นปัจจัยใหม่ที่สำคัญและมีบทบาทต่อการทำธุรกิจมากขึ้น
“ปัจจุบันกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ เรียกว่า The New Era of Computing เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของคอมพิวติ้ง ที่ระบบคอมพิวเตอร์นอกจากจะเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ประมวลผลข้อมูล สำหรับองค์กรใหญ่หรือเป็น Enterprise IT แล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในการเรียนรู้ วิเคราะห์ คาดการณ์ เสริมศักยภาพในการทำงานได้มากกว่าเดิม และในอนาคตอันใกล้นี้ คอมพิวเตอร์จะสามารถเลียนแบบและยกระดับความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัส (cognitive computing) ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการรับรู้และประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์ได้อีกทางหนึ่ง”
การเกิดสิ่งใหม่ๆ เหล่านี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ รูปแบบ ที่จะสามารถนำมาผสมผสานกันเพื่อทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ ซึ่งในปัจจุบันตลาดไอทีในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างมาก และเริ่มมีการใช้ไอทีในกลุ่มเอสเอ็มอีมากขึ้น แม้ในตลาดต่างจังหวัดเองไอทีก็ได้เข้าไปมีบทบาทในอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นด้วย รวมไปถึงการรับมือกับประชาคมอาเซียนหรือเออีซี ที่จะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันรูปแบบใหม่ๆ
นางพรรณสิรีกล่าวต่อว่า เทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ ธุรกิจจะมีการนำไอทีมาใช้ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในส่วนงานของฝ่ายไอทีเท่านั้น แต่ฝ่ายอื่นก็ต้องนำเอาไอทีเข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็วสร้างโอกาสของการเติบโต โดยฝ่ายไอทีจะออกมาอยู่ข้างหน้าออฟฟิศ แทนที่จะอยู่เบื้องหลังและจะมีบทบาทในการทำธุรกิจมากขึ้น ด้วยการใช้ข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ในการนำมาวิเคราะห์เรื่องความต้องการของลูกค้า ซึ่งการพยากรณ์ล่วงหน้านี่เองนอกจากจะเป็นการสร้างโอกาสในการขายแล้ว ยังจะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดตลาดใหม่ ผู้ซื้อใหม่ ซึ่งผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ทำให้ไอบีเอ็มต้องทำการปรับกลยุทธ์เช่นกัน โดยไอบีเอ็มจะนำเสนอการสร้างธุรกิจแบบ Hi Value ที่จะไม่ใช่เพียงการขายของเพื่อตอบสนองความต้องการตลาดเท่านั้น แต่จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริมในการทำธุรกิจ โดยที่ผ่านมาไอบีเอ็มได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านของการเพิ่มทักษะของพนักงาน เทรนด์ช่วยในเรื่องของการเข้าหาลูกค้าในตลาดใหม่ให้มากขึ้นด้วย หลังจากที่ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สามารถนำมารวมกันเป็นโซลูชันที่ตรงความต้องการ รวมไปถึงการมีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญไว้คอยให้คำแนะนำ
“ไอบีเอ็มได้สร้างเทคโนโลยี และโซลูชันที่สามารถนำไปสร้างคุณค่าที่มากขึ้นให้แก่ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ Smarter Planet เช่น Smarter Cities, Smarter Banking, Smarter Healthcare เพื่อช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขัน รวมไปถึงโซลูชัน Analytics ที่สามารถนำไปศึกษา customer insight เพื่อพัฒนาต่อยอดเป็นกลยุทธ์ขององค์กรต่อไป นอกจากโซลูชั่นเหล่านี้แล้ว ไอบีเอ็มยังมี PureSystem ระบบที่รวมความอัจฉริยะ และความเชี่ยวชาญไว้ในหนึ่งเดียว จากการผสานรวมและการอ็อพติไมซ์องค์ประกอบสำคัญทั้งหมดที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ข้อมูลในยุคนี้ ซึ่งได้แก่ ระบบเครือข่าย หน่วยเก็บข้อมูล การคำนวณ การจัดการ ฯลฯ และจัดเตรียมระบบการจัดการแบบมุมมองเดียว ผลลัพธ์ที่ได้คือระบบที่สามารถตั้งค่าได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและอัปเกรด”
