“แมคอาฟี” ชี้ทางสว่างองค์กร ลงทุนซีเคียวริตีแบบโซลูชัน

แมคอาฟีแนะองค์กรไทยควรลงทุนระบบซีเคียวริตีที่เป็นโซลูชันแทนการซื้อแบบแยกส่วน ลั่นยอดขายในไทยเติบโตต่อเนื่อง ปีนี้ตั้งเป้าโต 50%

นายกิตติพงศ์ ทุมนัส ผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท แมคอาฟี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางการทำตลาดในประเทศไทยของแมคอาฟีภายหลังจากที่อินเทลเข้าซื้อกิจการในส่วนของทีมบริหารในไทยนั้นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากลักษณะธุรกิจของแมคอาฟีเป็นธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ขณะที่ธุรกิจหลักอินเทลเป็นเรื่องของชิปเซต ซึ่งแตกต่างกันหากดูตามแผนเชิงกลยุทธ์ของอินเทลแล้ว แมคอาฟีจะดูแลโครงสร้างการทำธุรกิจของอินเทลในส่วนของซีเคียวริตี ส่วนความร่วมมือกับอินเทล ประเทศไทยอย่างไรนั้นจะมีการประกาศออกมาอีกครั้งเร็วๆ นี้

ส่วนกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ของแมคอาฟีจะเน้นการทำตลาดในลักษณะโซลูชันแบบครบวงจรมากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่แมคอาฟีจะต้องทำก็คือ การให้ความรู้แก่ตลาดองค์กรถึงแนวโน้มการลงทุนระบบซีเคียวริตีที่มองการลงทุนในแบบภาพรวม มองเป็นโซลูชันแบบครบวงจร ที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การวางแผนระบบซึ่งทำให้ประหยัดงบประมาณการลงทุนในระยะยาว ไม่ใช่แค่การซื้อซีเคียวริตีจากหลายๆ แบรนด์แล้วนำมาเชื่อมต่อเป็นระบบซีเคียวริตี ทำให้เกิดปัญหาตามมาที่ต้องแก้ไขคือต้องมาหาทางทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้

“เริ่มมีบางบริษัทที่มีแนวคิดการลงทุนในลักษณะเป็นโซลูชันมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นการลงทุนในลักษณะนี้ในปีหน้า”

ทั้งนี้ บริษัทขนาดใหญ่ในไทยยังมีการลงทุนระบบซีเคียวริตีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำระบบซีเคียวริตีให้สอดคล้องกับกฎระเบียบต่างๆ ที่ออกมา ขณะที่บริษัทขนาดกลางจนถึงเอสเอ็มอียังมีการลงทุนระบบซีเคียวริตีไม่มากนัก โดยรายได้กว่า 80% ของแมคอาฟีไทยยังคงมาจากบริษัทขนาดใหญ่

ปัจจุบันแมคอาฟีไทยจัดจำหน่ายสินค้าเข้าสู่ตลาดผ่านพาร์ตเนอร์ 100% โดยแบ่งการขายเป็น 2 ช่องทาง คือ ช่องทางแรกขายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มี 4 ราย คือบริษัท อินแกรม ไมโคร, บริษัท เดอะแวลลูซิสเต็มส์ ทั้ง 2 บริษัทจะเน้นการทำตลาดที่เป็นผลิตภัณฑ์ ส่วนอีก 2 รายคือบริษัท เอเชีย แปซิฟิก กับบริษัท ทรานซิชั่น ซิสเต็มส์ จะเน้นการทำตลาดที่เป็นโซลูชันเป็นหลัก ส่วนช่องทางที่สองคือการขายเข้าไปที่ซิสเต็มส์ อินทิเกเตอร์ (เอสไอ) ที่เวลานี้มีอยู่ประมาณ 60 ราย

“ปีนี้แมคอาฟีไทยหวังยอดขายเติบโตให้ได้ 50% อาจน้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 89% แต่ก็ถือว่ามีการเติบโตที่สูง ซึ่งเป็นผลมาจากฐานตลาดที่ใหญ่ขึ้นและอยู่ระหว่างศึกษาตลาดเพื่อลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ คาดว่าตลาดจะโตแบบก้าวกระโดดได้อีกครั้งช่วงปี 2556”

Company Related Link :
McAfee