24 ส.ค.เป็นวันครบรอบ 1 ปีการเปิดสำนักงานกูเกิลในประเทศไทย ภายใต้พันธกิจหลัก 4 ด้านที่ต้องเร่งดำเนินการไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผลักดันให้ผู้บริโภคเข้าถึงคอนเทนต์มากขึ้น การนำนวัตกรรมเข้าสู่ประเทศไทย การกระตุ้นเนื้อหาภาษาไทยบนโลกออนไลน์ และการผลักดันธุรกิจไทยไปออนไลน์ ซึ่งโจทย์ทั้ง 4 ข้อวันนี้ได้รับการตอบสนองในระดับน่าพอใจ
อริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำประเทศไทย บริษัท กูเกิล ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึง 1 ปีที่ผ่านไปกับเรื่องราวที่ได้เรียนรู้จากผู้ใช้ และความสำเร็จจากการที่ผู้ประกอบการนำกูเกิลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจในประเทศไทย ด้วย 'ธุรกิจไทยโกออนไลน์'
***เรียนรู้อะไรจากคนไทย
เป็นที่รู้กันว่าการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตของชาวไทยที่นิยมใช้งานกันกว่า 99% เกิดขึ้นบนกูเกิล ทำให้ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมการใช้งานเสิร์ชเอนจิ้นของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีการใช้คำค้นหาเป็นประเภทเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อย่างเช่นการเปรียบเทียบเครื่องสำอางค์แบบไหนดีที่สุด โดยไม่เน้นการระบุชื่อแบรนด์ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่จะใช้คำค้นหากว้างๆ
ซึ่งในจุดนี้ทำให้การโฆษณาของสินค้าแต่ละประเภททำได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ขณะเดียวกันการมาของสมาร์ทโฟนที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งจากราคาที่ถูกลง และแพกเกจการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากได้เลือกใช้โทรศัพท์ในการค้นหาข้อมูลแทน
จากข้อมูลการสำรวจล่าสุดพบว่าปริมาณการค้นหาข้อมูลจากกูเกิลบนอุปกรณ์พกพาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 15-20% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 10% เท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณการเสพสื่อผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 17 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับโทรทัศน์ที่ลดลงเหลือ 11 ชั่วโมง และนิตยสาร 3 ชั่วโมง
เหตุผลหลักที่ทำให้สื่ออินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมมากขึ้นเกิดจากอุปกรณ์พกพาทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา นั่นหมายถึงเป็นโอกาสให้นักการตลาด รวมถึงธุรกิจทั้งหลายมีพื้นที่ในการสื่อสารไปยังผู้บริโภคมากขึ้น
'เมื่อผู้บริโภคมีอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเลือกเสพแต่ข้อมูลที่ตนเองสนใจได้ ขณะเดียวกันการรับข่าวสารก็ทำได้รวดเร็วมากขึ้นจากการย่อทั้งโลกมาอยู่ในมือ ดังนั้นสื่ออย่างนิตยสารรายเดือนก็จะขาดความสดของข้อมูลนั้นๆ ผู้บริโภคจึงเลือกใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น'
ผลต่อเนื่องที่ตามมาคือจำนวนประชากรที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ได้อยู่ในกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา วัยทำงานเท่านั้น เพราะผลสำรวจจากนีลสันระบุว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตถึง 11 ชั่วโมง ผ่านแท็บเล็ตซึ่งถือเป็นอุปกรณ์พกพาที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ และใช้งานง่ายกว่าคอมพิวเตอร์
ขณะที่ในฝั่งของผู้ประกอบการในประเทศไทย ก็มีผลตอบรับจากโครงการส่งเสริมให้นำธุรกิจเข้าสู่อินเทอร์เน็ตอย่าง 'ธุรกิจไทยโกออนไลน์' ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วม 1 แสนรายในระยะเวลา 1 ปี แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของนักธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องการแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
'กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อม ส่วนใหญ่พร้อมเข้าสู่โลกออนไลน์ เพียงแต่อยากได้ประสบการณ์ของกูเกิลเพื่อแนะนำให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นมากกว่า เพียงแต่ว่ายังไม่กล้าเดินหน้าบนหลากหลายแพลตฟอร์ม'
แต่เมื่อเหล่าผู้ประกอบการได้รับความรู้ถึงการทำธุรกิจออนไลน์ และให้ความสำคัญมากขึ้นแล้ว จากเดิมที่เน้นหากลยุทธ์ระยะสั้นในการโปรโมต กลับกลายเป็นการวางแผนทำธุรกิจในระยะที่ยาวนานขึ้น ให้มีคอนเทนต์ที่หลากหลายแพลตฟอร์มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้งโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือการหาจุดที่เหมาะสมให้แก่ผู้บริโภคในแต่ละรูปแบบ
จะเห็นได้ว่าจากก้าวย่างในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นการวางรากฐานไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเทรนด์ที่เหล่าธุรกิจออนไลน์ต้องมุ่งมั่นเพื่อให้ทันกับยุคสมัยแห่งโลกอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถกลายเป็นศูนย์กลางประชาคมเศษรฐกิจอาเซียน และออกสู่ธุรกิจนานาชาติได้ต่อไป
***ปีที่ 2 กูเกิลไทยเข้มข้นมากขึ้น
เทรนด์สำคัญที่จะเข้ามาเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจออนไลน์ของไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของปริมาณสมาร์ทโฟนที่จะคงอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดต่อไป รวมกับการมาของ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ประกอบกับการเข้ามาของบริษัทระดับโลกที่เข้ามาลุยในธุรกิจอีคอมเมิร์ช ถือเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของธุรกิจออนไลน์ได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าการตลาดดิจิตอล ก็จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เริ่มเต็มรูปแบบมากขึ้น จากเดิมที่หลายๆฝ่ายยังไม่ค่อยมั่นใจถึงผลตอบรับที่จะได้
ขณะที่ในส่วนของผลิตภัณฑ์และการให้บริการของกูเกิล จะเน้นไปที่การพัฒนาประสิทธิภาพให้เข้าถึงพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ชาวไทยมากขึ้น แน่นอนว่ารวมไปถึงระบบการค้นหาด้วยเสียง ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วงการเก็บข้อมูลเสียงจากหลายๆภาค เพื่อให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนจะเปิดให้บริการ
ในส่วนของแอนดรอยด์ ทางกูเกิลประเทศไทย ยืนยันว่าจะไม่มีการนำผลิตภัณฑ์เข้ามาจำหน่ายเอง แต่จะร่วมมือกับผู้ผลิตทั้งหลายในการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพ และปริมาณผู้ใช้งานแอนดรอยด์ด้วยเช่นเดียวกัน จากก่อนหน้านี้ทางกูเกิลเคยร่วมมือกับซัมซุงในการพัฒนาสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตร่วมมือเอซุส
อีกบริการที่ถือเป็นประโยชน์แก่ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติคงหนีไม่พ้น 'กูเกิล สตรีทวิว' ที่ได้รับผลตอบรับในการใช้งานที่ดี โดยข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับสตรีทวิว ส่วนใหญ่จะเป็นการถามว่าเมื่อไหร่จะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งจะมีการเพิ่มสถานที่ไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง
สิ่งต่างๆเหล่านี้คือประสบการณ์ที่กูเกิลได้เรียนรู้จากผู้ใช้งานชาวไทย และสัญญาว่าจะนำนวัตกรรมที่ตอบสนอง และเหมาะกับการใช้งานเข้ามาให้บริการต่อไปอย่างแน่นอน
-----------------
รู้ไว้ใช่ว่า กูเกิล ประเทศไทย
- มีอัตราการเติบโตของบริษัทสูงที่สุดในอาเซียน (ยกเว้นสิงค์โปร์) จากวันที่เปิดบริษัทมีพนักงาน 3 คน เป็น 20 คนภายใน 1 ปี และยังรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องตามคุณสมบัติและความเหมาะสม
-ได้รับสวัสดิการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวพนักงานต่อเนื่อง 10 ปี หากมีพนักงานเสียชีวิต เช่นเดียวกับในต่างประเทศ
-เนื่องจากสำนักงานตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงมีห้องอาหารกลางวันขนาดใหญ่ ให้พนักงานกินฟรีทั่วเซ็นทรัลเวิลด์
-พนักงานหญิงที่ลาคลอดได้สิทธิพิเศษสั่งอาหารส่งถึงบ้านฟรี 1 เดือน เพื่อให้มีเวลารับมือกับลูกตัวน้อย
-TGIF : Thanks God It's Friday สังสรรค์พนักงานทุกเย็นวันศุกร์ พร้อมทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสานสัมพันธ์ในสำนักงาน