วีเลิฟชอปปิ้งเอาใจขาชอปเปิดตัวแอปฯ บนสมาร์ทโฟน เชื่อกระตุ้นคนเข้าชมเว็บ 7 แสนรายต่อวันในสิ้นปี ระบุอีคอมเมิร์ซยังเติบโตได้อีกมากหากเอสเอ็มอีไทยเข้ามาเปิดร้านออนไลน์เพิ่มขึ้น ตั้งเป้ามูลค่าซื้อขายสิ้นปี 13,000 ล้านบาท
นางสาวมนสินี นาคปนันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์ แอนด์ มีเดีย กล่าวว่า ธุรกิจชอปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยถือว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดูได้จากยอดการเข้าเว็บไซต์วีเลิฟชอปปิ้งดอตคอม ซึ่งเป็นเว็บอีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งในไทยและอาเซียนเวลานี้ประมาณ 450,000 ราย ซึ่งดีกว่าที่เคยตั้งไว้ว่าสิ้นปีจะมีประมาณ 400,000 รายเท่านั้น ทำให้วีเลิฟชอปปิ้งปรับเป้าจำนวนผู้เข้าชมเว็บน่าจะแตะหลัก 700,000 รายต่อวันภายในสิ้นปีนี้
การที่มีจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเพิ่มช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ช่วยกระจายในลักษณะบอกต่อๆ กันไป รวมถึงการสร้างหลักประกันเรื่องความเชื่อมั่นในร้านค้าที่เป็นสมาชิกในเว็บไซต์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้วันนี้วีเลิฟชอปปิ้งจึงได้เพิ่มช่องทางในการชอปปิ้งในส่วนของแอปพลิเคชันบนมือถือซึ่งเป็นช่องทางที่จะทำให้มีผู้เข้าชมมากขึ้นเพราะสมาร์ทโฟนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 4 ล้านเครื่อง
แอปพลิเคชันวีเลิฟชอปปิ้งมีฟีเจอร์เด่นๆ อยู่ 4 ฟีเจอร์ คือ 1. กูรู พิคส์ โดยมีกูรูในแต่ละด้าน 10 รายมาคอยอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ในแต่ละหมวดสินค้า 2. ชอปบายโลเคชัน เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกให้นักชอปค้นหาร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ ได้ง่ายโดยใช้เทคโนโลยีโลเคชันเบส ซึ่งเป็นรายแรกของเว็บอีคอมเมิร์ซไทยที่นำมาใช้ 3. 10 ดีลเด่นในแต่ละวันเป็นการรวบรวมสินค้าราคาสุดพิเศษ และ 4. ข่าวโปรโมชัน โดยจะทำการอัปเดตโปรโมชันพิเศษจากทุกแหล่งชอปปิ้งให้ทุกวัน
“มูลค่าสินค้าที่ซื้อขายผ่านวีเลิฟชอปปิ้งในปีที่แล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากปี 2553 ที่มีประมาณ 8,500 ล้านบาท แต่สำหรับปีนี้คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีน่าจะมีมูลค่าถึง 13,000 ล้านบาท”
นางสาวมนสินีกล่าวว่า จำนวนสินค้าที่มีวางขายในวีเลิฟชอปปิ้งมากถึง 7.5 ล้านรายการ แต่มีการซื้อขายเกิดขึ้นผ่านอีคอมเมิร์ซประมาณ 2% เท่านั้นซึ่งถือว่ามากสำหรับประเทศไทย แต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศอย่างจีนแล้วถือว่าน้อยมาก เพราะจีนมีการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซ 30-35% จากสินค้าที่วางขายเป็นพันล้านรายการ
ทั้งนี้ การที่จะเพิ่มทรานเซกชันอีคอมเมิร์ซในไทยให้เพิ่มขึ้น จำเป็นจะต้องเพิ่มรายการสินค้าที่วางขายให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าปลายปีน่าจะมีถึง 10 ล้านรายการ โดยจะดึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้ามาเปิดร้านออนไลน์ให้มากขึ้นจากเวลานี้มีเพียง 15% เท่านั้น รวมไปถึงการสร้างแพลตฟอร์มที่ดึงซัปพลายเออร์รายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนให้เกิดการซื้อขายออนไลน์ให้มากขึ้น
“คาดว่าไตรมาส 3 น่าจะเปิดแพลตฟอร์มสำหรับซัปพลายเออร์ รวมถึงการปรับค่าบริการสำหรับร้านค้าที่ใช้บริการของวีเลิฟชอปปิ้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตได้อีก 15%”
Company Related Link :
We Love Shopping