ใครเป็นนักพัฒนาแอปพลิเคชันอย่ารอช้า นี่คือบทความที่คุณไม่ควรพลาดซึ่งจะชี้ให้คุณเห็นช่องทางสร้างรายได้ในปีนี้ ส่วนใครที่ไม่ได้เป็นนักพัฒนาฯ บทความนี้อาจจะจุดประกายให้คุณอยากลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ก็ได้
***จับตาสิ่งสร้างรายได้ให้นักพัฒนาปี 2555
โดย @charathBank
ผ่านพ้นปี 2554 เข้าสู่ปี 2555 อย่างรวดเร็ว นอกจากเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลานั่นคือเทคโนโลยีที่ทำให้เราต้องวิ่งตามให้ทันอยู่เสมอ และสำหรับอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีและไอที นับวันจะยิ่งมีการแข่งกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตลาดนี้กว้างมากๆ ไม่ว่าจะในประเทศเราเองหรือมองไปถึงตลาดทั่วโลกเลย ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองกับเทคโนโลยี และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานที่นับวันจะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น
ในเมื่อตลาดไอทีมีกลุ่มเป้าหมายแทบจะทุกวัย และแนวโน้มความต้องการมีมากขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลด ดังนั้นการทำเงินจากอุตสาหกรรมนี้ย่อมถูกจับตาเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้เลยขอหยิบ Trend หรือแนวโน้มของเทคโนโลยีที่น่าจะสามารถจะทำเงินได้ในปี 2555 มาให้ลองพิจารณาดูสำหรับผู้ที่สนใจครับ โดยจะยึดจากผลสำรวจของนักพัฒนาในปี 2554 โดยเวป Bestvendor.com ในหัวข้อ “อะไรคือสิ่งที่เค้าเลือกใช้ในการพัฒนา Application หรือระบบ” มาเป็นหลัก
Mobile และ Tablet Application
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าในปีที่ผ่านมา Smartphone และ Tablet คือ 2 สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด มองไปทางไหนก็เจอแต่คนใช้งาน 2 สิ่งนี้ทั้งนั้น ทั้งนี้เพราะทุกค่ายหันมาทำตลาด ออกรุ่นใหม่ๆ มาขายอย่างมากมายหลายสิบรุ่นภายในปีเดียว และแนวโน้มของราคาจากที่เคยแพงสุดกู่ ก็ลดลงมาให้เราคว้ามาใช้งานได้ง่ายขึ้น
นอกจากความหลากหลายของอุปกรณ์ที่มีขาย สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นขุมทองของนักพัฒนาเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ Application ต่างๆ ที่จะถูกใช้งานอยู่บนอุปกรณ์ทั้งสอง
หลายคนอาจมองว่าตลาด Application มีมาได้ 1-2 ปีแล้ว น่าจะอิ่มตัวแล้ว แต่อย่างที่บอกมาว่านับวันอุปกรณ์ต่างๆ นั้นยิ่งจะออกมาวางขายเรื่อยๆ นั่นก็คือจำนวนของผู้ใช้งานก็ต้องมีเพิ่มตามไปด้วยเป็นเงาตามตัว ยิ่งรวมไปกับ Tablet ที่เข้ามาตีตลาดอย่างจริงจังในปีที่แล้ว ยิ่งทำให้ตลาด Application ถูกขยายเพิ่มไปช่องทางนึง
หากมองเจาะลึกลงไปว่าจะทำ Application อะไรดีให้โดนใจและคนใช้งานกล้าจะคว้าเงินซื้อ ตอนนี้คงต้องบอกว่า “เกม” ยังคงเป็นสิ่งที่ยังขายได้อยู่ เพราะทุกเพศ ทุกวัย ยังไงก็ต้องเล่นเกม แต่โจทย์ที่นักพัฒนาต้องคำนึงถึงให้มากขึ้นนั่นคือ ความง่ายที่จะเข้าใจตัวเกมและง่ายในการบังคับควบคุมการเล่นที่จะสามารถทำให้เล่นได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ต้องอาศัยแนวคิดที่อาจจะต้องนอกกรอบสักหน่อยและความสามารถของอุปกรณ์ เพื่อที่จะทำเกมออกมาให้ครองใจคนเล่น และเล่นไปได้นานจนวางมือไม่ลง ตัวอย่างเกมที่นึกได้ง่ายที่สุดคงหนีไม่พ้นนกยั๊วะ Angry Birds
อีกอันที่น่าสนใจ และมี Application มาจับตลาดทางนี้บ้างแล้ว นั่นคือการถ่ายรูป เพราะบน Smartphone นั้นจะมีกล้องติดมาด้วยในตัว แถมประสิทธิภาพของกล้องยิ่งทำให้ถ่ายภาพได้สวยขึ้นเรื่อยๆ และ App จะเป็นส่วนที่ทำให้รูปดูน่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง
อีกประเภท คือ App ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะแนะนำที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก ซึ่ง App ประเภทนี้มักจะมาในรูปแบบ Brand ต่างๆ เป็นคนว่าจ้างให้เขียน ซึ่งก็ถือเป็นช่องทางในการทำรายได้ หากต้องการจับกลุ่มลูกค้าในไทยก่อน
สำหรับ Tablet ที่ทุกวันนี้คนมักเอามาใช้แทน Laptop หรือ Notebook ด้วยความที่พกพาสะดวกและใช้งานง่าย Application ที่ทำออกมาเพื่อดึงเงินคนกลุ่มนี้คงต้องมองถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก เช่น ใช้เป็นสมุดจดบันทึก ตารางนัดหมาย
ที่น่าใจอีกอย่างสำหรับ Tablet นั่นคือ Digital Magazine ในปีที่ผ่านมาถือว่าออกตัวได้สวยงาม เพราะสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่ทำหนังสือวางแผงเริ่มหันมาจับตลาดนี้อย่างจริงจัง ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน Tablet ที่เพิ่มมากขึ้น การพัฒนาสื่อสิ่งพิมพ์ดิจิตอลจึงเป็นทางอีกทางที่น่าสนใจที่จะศึกษาและจับมาทำเป็นเงินอย่างมาก เพราะในไทยมีผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ไม่มากเท่าที่ควร
และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำคัญที่สุดในการพัฒนา App ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม นั่นคือจะต้องมีการเชื่อมต่อกับ Social Network เนื่องจากว่ามันเป็นช่องทางหนึ่งในการโปรโมทที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เพราะมันคือการให้ผู้ใช้งานนั้นบอกต่อปากต่อปาก หรือ Viral ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากในการโปรโมท Application
และคำถามที่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ที่สนใจทำ App ในช่วงแรกๆ ที่จะถาม นั่นคือ ถ้าเราทำ App แบบแจกฟรี แต่เราอยากได้เงินจะทำอย่างไร? เพราะเป็นที่รู้กันว่าใครๆ ก็ชอบของฟรี (ผมก็คนหนึ่งหล่ะ)
อันที่จริงแล้วนักพัฒนาสามารถได้เงินจาก App Free เหล่านั้น จากการวางโฆษณาบน Application ซึ่งจะแสดงบนหน้าจอระหว่างการใช้งาน แต่ข้อเสียของมันคืออาจทำให้รกสายตาคนใช้งานได้ และนี่คือช่องทางที่จะได้เงิน ได้แก่การเสนอการเอาโฆษณาออก, การขาย App โดยแฝงคุณสมบัติเพิ่มเติมการใช้งานหลังจากการซื้อให้ใช้ได้มากกว่าเดิม รวมไปถึงการขายส่วนเสริมภายใน Application ได้ หากต้องการเติมเต็มสิ่งที่ต้องการ
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Mobile Application
Apple iOS
http://developer.apple.com/library/ios/navigation/
http://maniacdev.com/
http://www.icodeblog.com/
http://iphonedevelopertips.com/
http://www.thaiiosdev.com/
http://www.idevthai.com/
Android
(ต่างประเทศ)
http://developer.android.com/guide/index.html
http://www.vogella.de/articles/Android/article.html
http://forum.xda-developers.com/
(ไทย)
http://droidsans.com//
http://www.thaiandroid.org/
http://www.codeandroid.in.th/
http://www.thaiandroidphone.com
Web Service และ Cloud
ด้วยจำนวนคนในโลกที่สามารถเข้าถึงของอินเทอร์เนตที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลและการใช้งานก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
การที่จะต้องมาติดตั้งโปรแกรมลงในเครื่องก่อนใช้งาน อาจจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยลงไป เพราะเนื่องจากอุปกรณ์ที่เข้าใช้งานยิ่งมีขนาดเล็กลง อย่างเช่น Smartphone หรือ Tablet ทำให้การติดตั้งโปรแกรมใหญ่ๆ เป็นเรื่องที่ยุ่งยากขึ้น
ดังนั้นการพัฒนา Application ที่ใช้ Web Service จึงน่าถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากว่ามันสามารถใช้งาน Application ผ่านหน้าจอ Web Browser ได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม โดยด้านหลังจะมีการติดต่อกับ Application หรือ Server ตัวอื่นๆ ผ่านระบบเครือข่ายเพื่อทำการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ต้องการ โดยทุกอย่างทำผ่าน Protocol HTTP หรือบนอินเทอร์เนตนั่นเอง ซึ่งสามารถทำผ่านระบบที่ต่างกันได้อย่างสบายๆ
จุดเด่นของ Web Services นอกจากจะใช้งานผ่าน Web Browser บนอินเทอร์เนตแล้ว นั่นคือการทำงานที่สามารถบริการให้ได้ตลอดตามความต้องการของธุรกิจ และความสามารถในการรองรับปริมาณผู้ใช้งานค่อนข้างมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นระบบที่ต้องการความปลอดภัยในการใช้งานค่อนข้างสูง เช่นการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบออนไลน์ หรือการรับส่งข้อมูลกันภายในองค์กร เป็นต้น
อีกตัวอย่างหนึ่งของ Web Service ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมานั่นคือ Cloud
เนื่องจากว่าอุปกรณ์ของเรานับวันจะยิ่งเล็กลง แต่การเข้าถึงข้อมูลของเราทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นแล้วจึงมีการทำที่ที่เอาไว้เก็บข้อมูลต่างๆ ที่เราต้องการ โดยเข้าผ่าน Application หรือผ่านหน้า Web Browser เพื่อที่จะเข้าถึงยังข้อมูลนั้นๆ เปรียบเสมือนเราโยนขึ้นไปบนก้อนเมฆ ซึ่งไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน ประเทศอะไร เพียงเรามีอินเทอร์เนตและรหัสเข้าถึงข้อมูลนั้น ก็สามารถโหลดมาใช้ได้ทันที
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Web Service
http://www.w3schools.com/webservices/default.asp
http://www.thaixml.com/essentials/index.htm
http://www.mindphp.com
สำหรับทิศทางของการพัฒนาในปีนี้ น่าจะเป็นปีของทั้ง 2 ตัวนี้ ค่อนข้างแน่นอน รวมไปถึง Open Source ที่จะมีให้เลือกใช้งานมากขึ้นกว่าเดิมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักพัฒนา
แต่ทุกอย่างในด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงวันต่อวัน จึงเป็นหน้าที่ของนักพัฒนาที่ต้องขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมในด้านของทิศทางการใช้งานของผู้ใช้งานปัจจุบัน เพื่อให้เราสามารถพัฒนาและก้าวตามทันตามความต้องการของทั้งตลาดทั้งในและนอกประเทศด้วย
ที่มาของข้อมูล : ผลสำรวจ Developer’s Toolkit bestvendor.com