เอฟบีไอเร่งสอบปม"แฮกเปลี่ยนเกรด"ในมหาวิทยาลัยมะกัน

นักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยซานตาคลารา (Santa Clara University) โพสต์ข้อความทวีตเตอร์ว่าได้รับการสอบถามจากเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐฯจำนวน 3 นายเมื่อวันจันทร์ (14) ที่ผ่านมา คาดว่าเป็นการสอบสวนกรณีผลการเรียนหรือเกรดของนักศึกษาหลายวิชานั้นถูกเปลี่ยนแปลงทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้านมหาวิทยาลัยรับ ได้ติดต่อให้เอฟบีไอสืบหาตัวการจริงตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

Mark Loiseau นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีสุดท้ายวัย 25 ปี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเน็ตว่าได้พบกับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ 3 นายที่หน้าห้องพักนอกมหาวิทยาลัยช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ย. พร้อมกับภาพถ่ายและผลการศึกษาของตัว Loiseau เอง โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเขาถูกต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าไปแก้ไขผลการเรียนของตัวเขาเองและนักศึกษารายอื่น

Loiseau ให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าการโกหกเจ้าพนักงานเป็นความผิด ก่อนจะขอเข้าตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของ Loiseau

คำบอกเล่าของ Loiseau พบว่าเอฟบีไอลงมือตรวจสอบเหตุระบบคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยซานตาคลาราถูกแฮกอย่างจริงจัง โดย Loiseau ระบุว่าเจ้าหน้าที่มาพบเขาพร้อมข้อมูลหลายชุดจาก Google และ Verizon ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่เหล่านี้จำเป็นต้องให้ข้อมูลตามกฏหมาย

Loiseau เล่าว่าเอฟบีไอสงสัยตัวเขาเพราะ Loiseau ลบประวัติการโทรหรือ history ในบริการ Google Voice ไป ทั้งที่ Loiseau มีการโทรผ่าน Google Voice ช่วงเวลาก่อนและหลังเกิดเหตุ ทั้งหมดนี้ Loiseau ระบุว่าเอฟบีไอมาพบเขาพร้อมข้อมูลประวัติการใช้โทรศัพท์ของเขาจากโอเปอเรเตอร์อย่าง Verizon ปึกใหญ่ ซึ่งยังไม่มีการรายงานเพิ่มเติมถึงผลการสอบสวน Loiseau ในขณะนี้

หลังข้อความทวีตถูกเผยแพร่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยซานตาคลารา Michael Engh ยอมรับว่ามหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการสอบสวนเหตุผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริง โดยให้ข้อมูลว่าระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยถูกลักลอบเข้าถึง จนทำให้ผลการเรียนของนักศึกษาปัจจุบันกลุ่มหนึ่ง และนักศึกษาราว 60 คนที่จบการศึกษาไปแล้วถูกเปลี่ยนแปลงโดยไม่ชอบ เบื้องต้นคาดว่าการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2010 ถึงกรกฎาคม 2011 โดยผลการเรียนทั้งหมดถูกแก้ไขให้ดีขึ้น

มหาวิทยาลัยซานตาคลารานั้นเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ก่อตั้งในปี 1851 มีสถานที่ตั้งอยู่ในใจกลางแหล่งใจกลางธุรกิจไอทีของสหรัฐฯอย่าง Silicon Valley

สำหรับการสอบสวน ตัวแทนมหาวิทยาลัยชี้แจงว่าได้เริ่มต้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักศึกษารายหนึ่งรายงานต่อมหาวิทยาลัยว่าผลการเรียนของเธอต่างไปจากเดิมที่เธอจำได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยตรวจสอบกระบวนการเปลี่ยนแปลงของฐานข้อมูลผลการเรียนโดยละเอียดจึงพบว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติ มหาวิทยาลัยจึงแจ้งความกับสำนักงานตำรวจท้องถิ่นก่อนที่เอฟบีไอจะยื่นมือตรวจสอบอย่างจริงจัง

การตัดสินใจของมหาวิทยาลัยถือเป็นมิติใหม่ของวงการการศึกษา เพราะมหาวิทยาลัยซานตาคลาราเลือกที่จะใช้ระบบการสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบของกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นการสอบสวนภายใน ซึ่งหากเอฟบีไอสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาหรือบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย โทษที่ได้รับจะมีทั้งจำคุกและปรับ เนื่องจากการบุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงในสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องสงสัยอย่าง Loiseau ระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการติดต่อทนายความ ซึ่งเขาไม่อนุญาตให้เอฟบีไอเข้าตรวจค้นไฟล์ส่วนตัวทั้งวิดีโอและเพลงในคอมพิวเตอร์โดยไม่มีหมายค้น หรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะได้รับคำปรึกษาจากทนายความก่อน ยังไม่มีรายงานกรอบเวลาว่าการสืบสวนคดีดังกล่าวจะแล้วเสร็จเมื่อใดในขณะนี้