xs
xsm
sm
md
lg

พบพ่อแม่มะกันหลายคนช่วยลูก"โกงอายุ"เพื่อใช้ Facebook

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เป็นเรื่องจริงที่น่าเป็นห่วงเหลือเกินในยุคที่เยาวชนอายุต่ำกว่าเกณฑ์หลายล้านคนสามารถลงชื่อใช้งานเครือข่ายสังคมสุดเสรีอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) โดยการสำรวจพบว่าพ่อแม่ในสหรัฐฯจำนวนมากเป็นผู้ช่วยเหลือบุตรหลาน"โกงอายุ"หรือใส่อายุปลอมเพื่อให้สามารถใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้

เฟซบุ๊กนั้นกำหนดอายุผู้ใช้งานต่ำสุดไว้ที่ 13 ปี ตามกฏหมายปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็กบนโลกออนไลน์ที่รัฐบาลสหรัฐฯกำหนด แต่การสำรวจโดยนักวิจัยจากไมโครซอฟท์ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯหลายแห่ง พบว่าผู้ปกครองของกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นเด็กอายุ 12 ปีที่ใช้งานเฟซบุ๊กในขณะนี้ มากกว่า 50% รับทราบว่าบุตรลงชื่อใช้งานเฟซบุ๊กได้

ขณะที่ผู้ปกครองของเด็กอายุ 10 ปีนั้นรับรู้กิจกรรมออนไลน์ของบุตรหลานน้อยกว่า โดย 1 ใน 5 เท่านั้นที่รู้ว่าลูกน้อยลงชื่อใช้งานเฟซบุ๊ก

สรุปคำให้สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างในสหรัฐฯถูกเปิดเผยไว้ในงานวิจัยเรื่อง “Why Parents Help Their Children Lie to Facebook About Age” ที่มาของชื่องานวิจัยชิ้นนี้คือ ผู้ปกครอง 7 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่างลงมือให้ความช่วยเหลือในการลงชื่อใช้งานเฟซบุ๊กของบุตรหลานอย่างเต็มใจ ทำให้งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งหาคำตอบว่าทำไมผู้ปกครองจึงช่วยเหลือบุตรหลานใส่ข้อมูลอายุปลอม เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เฟซบุ๊กวางไว้เพื่อเยาวชนตามกฏหมาย

สื่อที่เป็นปากเป็นเสียงแทนผู้บริโภคอเมริกันอย่าง Consumer Reports รายงานว่า สมาชิกเฟซบุ๊กที่เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่าเกณฑ์นั้นมีจำนวนมากกว่า 7 ล้านคนในขณะนี้ ทั้งหมดคือตัวเลขที่พิสูจน์ให้หน่วยงานสหรัฐฯทราบว่าการกำหนดอายุในบริการออนไลน์นั้นไม่สามารถปกป้องเยาวชนบนโลกออนไลน์ได้จริง ซึ่งคาดว่าจะทำให้มาตรฐานบริการออนไลน์ในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปในทางอื่น

ดานาห์ บอยด์ (Danah Boyd) นักวิจัยของไมโครซอฟท์ซึ่งเป็นผู้วิจัยร่วมในโครงการนี้สรุปว่า สาเหตุสำคัญคือผู้ปกครองจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับมาตรการปิดกั้นไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ใช้งานเฟซบุ๊ก ผู้ปกครองเหล่านี้จึงให้ความช่วยเหลือบุตรหลานในการสร้างชื่อบุญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก

เบื้องต้น การสำรวจครั้งนี้พบว่าบริษัทให้บริการออนไลน์จะต้องใช้มาตรฐานใหม่ที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่ต้องการส่งเสริมให้บุตรหลานมีตัวตนบนโลกออนไลน์ก่อนวัยเพื่อสื่อสารกับญาติและเพื่อนฝูง โดยพ่อแม่กลุ่มนี้ต้องการให้บุตรหลานเป็นส่วนหนึ่งของเฟซบุ๊ก ระบบสื่อสารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกบนสถิติผู้ใช้งานเกือบ 800 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม การสำรวจนี้ถูกมองว่ายังมีช่วงโหว่เพราะกลุ่มตัวอย่างไม่ได้ถูกให้ข้อมูลก่อนว่า เฟซบุ๊กจะเก็บบันทึกข้อมูลการใช้งานของบุตรหลานเพื่อนำไปประมวลผลเป็นโฆษณาที่ตรงตามความต้องการ ซึ่งเชื่อว่าหากกลุ่มตัวอย่างได้รับรู้ประเด็นนี้ พ่อแม่หลายคนอาจเปลี่ยนความคิดและให้คำตอบที่มีความตื่นตัวต่อปัญหาที่อาจตามมามากขึ้น

การสำรวจครั้งนี้ควบคุมโดย Harris Interactive ทำการสำรวจโดยสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ปกครองอายุ 26 ปีขึ้นไปจำนวน 1,007 คน ซึ่งอาศัยกับบุตรอายุ 10-14 ปี เป็นการสำรวจที่เกิดขึ้นในช่วงที่หน่วยงานสหรัฐฯกำลังถกเถียงว่าควรเปลี่ยนแปลงขอบเขตกฎหมายปกป้องสิทธิส่วนบุคคลเยาวชนบนโลกออนไลน์หรือ Children’s Online Privacy Protection Act (COPPA) ให้ครอบคลุมแอปพลิเคชันบนโลกโทรศัพท์มือถือ แทนที่จะมีผลกับบริการที่เข้าถึงได้ด้วยคอมพิวเตอร์อย่างเดียว

นอกจาก 20% ของผู้ปกครองที่รู้ว่าบุตรหลานวัย 10 ขวบเล่นเฟซบุ๊ก ราว 32% ของผู้ปกครองเยาวชนวัย 11 ปีก็รับรู้ว่าบุตรหลานเล่นเฟซบุ๊ก เช่นเดียวกับ 55% ของผู้ปกครองเยาวชนวัย 12 ปีที่กลายเป็นสาวกเฟซบุ๊กก่อนวัยอันควร

แน่นอนว่าผลงานวิจัยนี้ยังทำให้เกิดความกังวลด้านอาชญากรรม ที่อาจเกิดขึ้นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในการโพสต์ข้อความสู่โลกอินเทอร์เน็ตของเยาวชนด้วย เนื่องจากผู้ปกครองจำนวนมากยังไม่ตระหนักรู้ถึงภัยร้ายที่อาจเกิดขึ้นเพราะเครือข่ายสังคม ซึ่งคาดว่าจะต้องมีมาตรการอื่นๆรองรับเพิ่มขึ้นในอนาคต

Company Related Link :
Facebook
กำลังโหลดความคิดเห็น