นักวิเคราะห์หวั่นใจ วิกฤติน้ำท่วมหลายพื้นที่ในไทย ทำให้โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟสำหรับเก็บข้อมูลดิจิตอลต้องหยุดสายพานการผลิตต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขาดตลาดในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้ เบื้องต้นเชื่อจำนวนการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟโลกในไตรมาส 4 ปีนี้จะลดลงราว 50% และอาจส่งผลต่อเนื่องในช่วงต้นปีหน้า ชี้ความเสียหายรุนแรงกว่าสึนามิที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
เว็บไซต์โฟร์บส์ดอทคอมรายงานผลการวิเคราะห์ของนักวิจัยอุตสาหกรรมต่างประเทศ ว่าผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมโรงงานในพระนครศรีอยุธยานั้นกำลังทวีความตึงเครียดขึ้นต่อเนื่องต่อตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟโลก โดยในช่วงที่ผู้ผลิตฮาร์ดไดร์ฟจำเป็นต้องแก้สถานการณ์ด้วยการย้ายฐานการผลิตจากโรงงานในไทยไปยังโรงงานในประเทศอื่น พบว่ายังคงมีแนวโน้มที่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟจะขาดตลาดต่อไปอีก 2-3 เดือน
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโรงงานในไทยนั้นเป็นฐานการผลิตใหญ่ของอุตสาหกรรมฮาร์ดไดร์ฟโลก เช่น เวสต์เทิร์นดิจิตอล (Western Digital) มีการผลิตในไทยเป็นสัดส่วนถึง 60% โดยหลังจากที่อุปกรณ์การผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดไดร์ฟของเวสต์เทิร์นดิจิตอลในโรงงานที่บางปะอินได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมขัง ทำให้โรงงานเวสต์เทิร์นดิจิตอล ในมาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐฯ ต้องเร่งปริมาณการผลิตเต็มที่โดยไม่มีชิ้นส่วนจากโรงงานในไทยมาทดแทน
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงมีแนวโน้มสูงว่าเวสต์เทิร์นดิจิตอลอาจไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันความต้องการในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ถึงต้นปีหน้า
เช่นเดียวกับคู่แข่ง บริษัทซีเกท (Seagate) ฮิตาชิจีเอสที (Hitachi GST) และโตชิบาเอชดีดี (Toshiba HDD) ล้วนประกาศปิดโรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟในไทยเพราะวิกฤติน้ำท่วมเช่นกัน โดยทั้งหมดประกาศว่าจะย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานในประเทศอื่นเช่นจีน สิงคโปร์ และญี่ปุ่นเพื่อให้สามารถจัดส่งสินค้าในระยะสั้นได้ แต่ในระยะยาวนั้นยังต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป
ดังนั้นในภาพรวม นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่ากำลังการผลิตฮาร์ดไดร์ฟโลกในไตรมาส 4 ปีนี้จะลดลงราว 50% โดยประเมินว่าฮาร์ดไดร์ฟในคลังของหลายบริษัทจะมีเพียงพอจำหน่ายในช่วง 4-5 เดือนเท่านั้น ทำให้มีโอกาสที่ฮาร์ดไดร์ฟจะขาดตลาดโลกในช่วงกลางเดือนหน้า (พ.ย. 54)
ผลการประเมินเหล่านี้ถือเป็นการตอกย้ำว่าวิกฤติอุทกภัยในไทยกำลังสั่นสะเทือนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก โดยวิกฤติน้ำท่วมทำให้โรงงานและเครื่องมือในการผลิตได้รับความเสียหาย ขณะที่แรงงานบุคลากรของโรงงานก็ไม่สามารถเดินทางเข้าไปทำงานเช่นเดิมได้
ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ซึ่งมีโรงงานในไทยล้วนเคยออกมาแถลงว่าห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักของบริษัท จะส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าป้อนตลาดในไตรมาสนี้แน่นอน แต่ยังไม่เคยมีใครประเมินถึงสัดส่วนการผลิตที่จะลดลงในภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ชัดเจนเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม การประเมินของโฟร์บส์ที่เชื่อว่าปริมาณการผลิตฮาร์ดไดร์ฟโลกจะลดลง 50% นั้นสูงกว่าการประเมินของ เดฟ สตีวินสัน (Dave Stevinson) ประธานฝ่ายขายของบริษัท VIP Computers มากนัก โดยฝ่ายหลังเชื่อว่าสายการผลิตฮาร์ดไดร์ฟโลกจะได้รับผลกระทบจากโรงงานในไทยราว 20% เท่านั้น ซึ่งคิดเป็น 30 ล้านชิ้นจากทั้งหมด 170 ล้านชิ้นในช่วงไตรมาส 4 ทั้งหมดนี้คิดเป็นความเสียหายที่สูงกว่าสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
Company Related Link :
Forbes