ไมโครซอฟท์แนะ จัดการลิขสิทธ์บนคลาวด์

หลังจากองค์กรธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มขานรับต่อการเข้ามาของคลาวด์คอมพิวติง ทำให้การออกกฎข้อบังคับต่างๆ ในการใช้งานบริการคลาวด์อยู่ในความสนใจมากขึ้น ขณะเดียวกันภาคธุรกิจและภาครัฐต่างก็ตื่นตัวในการนำคลาวด์คอมพิวติงมาใช้งานเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพบริการ การประเมินผล และการจัดการทรัพยากร

การศึกษาวิจัยของไมโครซอฟท์ ระหว่างปี 2009 - 2010 เกี่ยวกับทัศนคติของผู้คนต่อคลาวด์คอมพิวติงในสหรัฐฯพบว่า 86% ของนักธุรกิจชั้นนำให้ความสนใจแก่เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติง ในขณะที่ 90% ยังคงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย การเข้าถึงข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจส่วนใหญ่เชื่อว่ารัฐบาลจำเป็นที่จะต้องวางมาตรการทางกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับคลาวด์คอมพิวติงที่เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานคลาวด์ต่อไปในอนาคต

จูล แอล ซิกัล ที่ปรึกษาทั่วไปทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา ฝ่ายกฎหมายและกิจการองค์กร ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่ควรจะทำ คือ ทำความเข้าใจว่า คลาวด์คืออะไร ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสิ่งที่ผู้ใช้งานพูดถึงคลาวด์กับเทคโนโลยียุคเก่า คือ การทำงานของคอมพิวเตอร์ การประมวลผล และการทำงานบนคลาวด์

"หากพิจารณาถึงการเปลี่ยนผ่านของคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา การก้าวไปสู่ยุคคลาวด์คอมพิวติ้งนับเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากโมเดลการทำงานรูปแบบเดิม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายดังกล่าวอาจจะสามารถแก้ไขได้ผ่านทางกฎหมายที่มีอยู่"

แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากกฎเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้กับโลกของคอมพิวเตอร์ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา?

"ทรัพย์สินทางปัญญาถูกกำหนดขึ้นสำหรับการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ในตลาด กฎส่วนใหญ่จึงถูกกำหนดขึ้นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ดังนั้นถ้าซอฟต์แวร์ซึ่งถูกคุ้มครองด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในแผ่นดิสก์ หรือ ไฟล์สำหรับการดาวน์โหลดลงบนคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่ถูกบันทึกไว้บนคลาวด์"

ข้อกำหนดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการบัญญัติกฎหมายใหม่ ซึ่งองค์กรธุรกิจและรัฐบาลจะต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางออกให้แก่ปัญหาดังกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เช่น การปกป้องข้อมูล สิทธิและการใช้งาน ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมาย ลำดับของกฎหมายในบริบทของการใช้งานคลาวด์ในหลายแง่มุม

จุดแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งของการทำงานในรูปแบบบริการคลาวด์คอมพิวติงคือ การละเมิดลิขสิทธิ์สามารถกระทำได้เบื้องหลังไฟร์วอลโดยที่เราไม่สามารถมองเห็นได้

จูล แอล ซิกัล ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์บนคลาวด์และควบคุมการใช้งานสำหรับผู้ใช้งานและการตอบโต้กับซอฟต์แวร์ดังกล่าวผ่านทางอินเทอร์เฟส ซึ่งเครื่องหมายการค้าอาจมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นสำหรับการให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งในอนาคต เพราะสิ่งที่ผู้ใช้งานจะรับรู้และประทับใจต่อซอฟต์แวร์นั้นขึ้นอยู่กับการตอบโต้ต่ออินเทอร์เฟซของซอฟต์แวร์

บริษัทซอฟต์แวร์ขนาดเล็กอาจถูกมองว่าไม่มีบทบาทมากนักสำหรับบริการคลาวด์คอมพิวติง แต่ซิกัลเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้จะได้รับประโยชน์มหาศาลจากบริการดังกล่าว เนื่องด้วยการทำงานที่มีประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในงบประมาณที่ต่ำกว่า ผนวกกับประโยชน์จากการชำระค่าบริการตามที่ใช้งานจริง

อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินทางปัญญา และการคุ้มครองทางกฎหมายควรได้รับการวางแผนอย่างรอบคอบยิ่งขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทเหล่านี้ปกป้องผลประโยชน์ของตนเองจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ในขณะที่บริษัทขนาดเล็กยังคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุนกับบริการคลาวด์คอมพิวติ้งอย่างเต็มตัว แต่บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งได้เริ่มสร้างระบบนิเวศน์ทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาของตนเองผ่านทางการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่

"เราได้เห็นการแทรกซึมของบริการคลาวด์คอมพิวติงในบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่างๆ รวมทั้ง app stores ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาในหลายแพลตฟอร์ม วินโดวส์โฟนมี app store ส่วน Apple ก็มี app store สำหรับ iPhone กูเกิลก็มี app store สำหรับแอนดรอยด์ บริษัทจำนวนมากต่างกำลังเสริมสร้างระบบนิเวศน์ผ่านทาง app stores ของตน ซึ่งนักพัฒนาจะได้รับเครื่องมือในการสร้างสรรค์แอปพลิเคชันที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์"

ระบบทรัพย์สินทางปัญญาแบบเสมือนจริงยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อพิจารณาว่าใครคือผู้ที่มีสิทธิในการเผยแพร่แอปพลิเคชัน และใครที่จะต้องแก้ไขแอปพลิเคชันของตนเองเพื่อเคารพต่อกฎหมายลิขสิทธิ์ โดยที่เราสามารถใช้กฎหมายเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร หรือ โอเพนซอร์สที่เกี่ยวข้องกับแอพพลิเคชั่นมาใช้ได้

บริบทเหล่านี้มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น นักพัฒนาจึงควรได้รับการคุ้มครองและต้องการระบบนิเวศน์ทรัพย์สินทางปัญญาที่จะส่งผลดีต่อพวกเขาอย่างแท้จริง

"กฎหมายที่มีอยู่ถูกร่างขึ้นมาเพื่อสามารถนำมาปรับใช้ได้ในเกือบทุกกรณี ขึ้นอยู่ว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกยกมาบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใด"