xs
xsm
sm
md
lg

AIS ปั้นซูเปอร์บรอดแบนด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทีมผู้บริหารเอไอเอสนำโดยวิเชียร เมฆตระการ (เนคไทสีแดง) ในวันแถลง AIS Vision 2011 ตอกย้ำทุกคุณภาพการให้บริการ ทุ่มหมื่นล้านปูพรมเน็ตเวิร์กความเร็วสูง
ทนเฉยไม่ไหว ถึงแม้ไม่อยากละลายเงินกับการขยายโครงข่าย 3G บนความถี่เดิม หรือ 3G HSPA ความถี่ 900 MHz แต่เอไอเอสจำเป็นต้องเข้าเกียร์เดินหน้า สู้ศึกโมบายอินเทอร์เน็ตทุกรูปแบบ หลังจากที่ปล่อยให้น้องกลาง ดีแทค กับ น้องเล็ก ทรูมูฟ เซตมาตรฐานโมบาย อินเทอร์เน็ตมาก่อนหน้านี้

จากถ้อยแถลง AIS Vision 2011 ของวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส ย้ำว่าเป้าหมายในปีนี้มุ่งไปที่ 4 กลยุทธ์หลัก คือ คุณภาพเครือข่าย คุณภาพบริการ คุณภาพดีไวซ์ และ คุณภาพแอปพลิเคชัน ซึ่งเอไอเอสรวมเรียกว่า 'Quality DNAs' หรือการเน้นคุณภาพชนิดเข้มข้น

'จริงๆ แล้ว เอไอเอสได้เน้นเรื่องคุณภาพมาหลายปีแล้ว แต่สำหรับปีนี้ เอไอเอสจะเพิ่มระดับความเข้มข้นของคุณภาพในทุกมิติ'

หากย้อนดูผลดำเนินงานของเอไอเอสในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เอไอเอสยังคงครองความเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งการตลาด 53.4% หรือคิดเป็นการเติบโตในภาพรวมถึง 7.5% โดยมีลูกค้าและการใช้งานทางด้านวอยซ์เพิ่มขึ้น 9-10% ส่วนด้านดาต้าก็เติบโตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งาน โมบาย ดาต้าเติบโตกว่า 100% โดยมีผู้ใช้มากกว่า 7.5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2552 ซึ่งเป้าหมายในปีนี้เอไอเอสมองว่า ปริมาณการใช้งานโมบายดาต้าจะโตเพิ่มขึ้น 200% ขณะที่การใช้งานทางด้านเสียงก็ยังคงโตเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้หน้าใหม่ในตลาดประมาณ 2-3 ล้านราย

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2554 น่าจะเติบโตอีกประมาณ 3-5% ซึ่งเชื่อว่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือจะยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แม้แต่การใช้งานพื้นฐานด้านเสียง รวมทั้งจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอีกมากสำหรับการใช้งานโมบาย อินเทอร์เน็ต โซเชียลเน็ตเวิร์ก สมาร์ทดีไวซ์ รวมถึงแอปพลิเคชันในทุกๆ ระบบปฏิบัติการ โดยคาดว่า การแข่งขันของโอเปอเรเตอร์จะเป็นไปอย่างรุนแรงในแกนของโทเทิล โซลูชัน ซึ่งถือว่าจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าได้เพิ่มเติมขึ้นจากที่ผ่านมา

'เอไอเอสได้ดำเนินการเพื่อตอบรับเทรนด์การแข่งขันดังกล่าวโดยตลอด จึงทำให้ปี 2554 เรามีความพร้อมในการให้บริการด้วยรูปแบบของโทเทิลโซลูชันอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้เอไอเอสยังคงความเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์มือถือ'

มาร์ค ชอง ชิน ก๊อก หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหารด้านปฏิบัติการหรือซีโอโอคนใหม่ของเอไอเอส ที่มาแทนนายฮุย เว็ง ชีออง ขยายความว่าคุณภาพดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดไปยังองค์ประกอบรากฐานของความเป็นเอไอเอส ซึ่งนับเป็นหัวใจหลักในการส่งมอบบริการจากทุกมิติ ผ่านดีไวซ์ เน็ตเวิร์ก แอปพลิเคชัน รวมถึงคัสตอมเมอร์ เซอร์วิสสู่ผู้ใช้บริการ

เริ่มจากคุณภาพเน็ตเวิร์ก ปีนี้เป็นอีกปีที่เอไอเอสใส่เม็ดเงินพัฒนาเครือข่ายมากขึ้นถึง 10,000 ล้านบาท หลังจากที่เอไอเอสชะลอการลงทุนเรื่องเน็ตเวิร์กในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

สาเหตุที่ทำให้เอไอเอสต้องลงทุนเน็ตเวิร์กครั้งใหญ่ เป็นผลมาจากกระแสการใช้งานโมบาย อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความนิยมในสมาร์ทโฟนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ล่าสุดเอไอเอสได้สิทธิ์ขายไอโฟน4 ทำให้ความต้องการใช้งานโมบายดาต้าเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 200% จนทำให้เน็ตเวิร์กของเอไอเอสที่เคยเร็วเริ่มช้าลงไปถนัดตา ถึงแม้จะมีการนำเทคโนโลยี EDGE Plus เข้ามาเสริมในบางจุด แต่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ปีนี้ เอไอเอสจะใช้งบลงทุนทางด้านเครือข่าย 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุน 2 ส่วน ส่วนแรก 7,500 ล้านบาทเป็นการปรับเปลี่ยนเครือข่ายบนเทคโนโลยี 2G ให้พร้อมรับการใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตที่กำลังเติบโตไปแล้วล่วงหน้า รวมทั้งนำเทคโนโลยี EDGE Plus เข้ามาพัฒนาเพิ่มเติม จะมีทั้งการขยายพื้นที่การให้บริการ, เพิ่มความสามารถในการรองรับการใช้งานของเครือข่าย 2G เดิมที่ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เอไอเอสยังเตรียมเพิ่มเทคโนโลยีเครือข่ายเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบไลฟ์สไตล์การใช้งานในลักษณะของ Fix Wireless ด้วยเทคโนโลยีไวร์เลส บรอดแบนด์ถึงบ้าน ที่จะมีให้ความเร็วสูงสุดถึง 8 เมกะไบต์ต่อวินาที ซึ่งเอไอเอสเรียกว่า 'ซูเปอร์บรอดแบนด์' โดยเป็นการติดตั้งอุปกรณ์ให้บริการบรอดแบนด์ไร้สายเข้ากับเน็ตเวิร์กของเอไอเอสทั่วประเทศ ส่งกระจายสื่อสัญญาณไปยังอุปกรณ์ปลายทางที่เป็นแบบไร้สาย ภายใต้คลื่นความถี่ 5 กิกะเฮิรตซ์ ที่มีรัศมีทำการประมาณ 5 กิโลเมตร โดยจะมีอุปกรณ์แปลงคลื่นความถี่ดังกล่าวให้เป็นคลื่นความถี่สำหรับไว-ไฟที่ 2.4 กิกะเฮิรตซ์เพื่อให้บริการตามบ้านอีกทอดหนึ่ง

'ตอนนี้เอไอเอสได้ไลเซนส์เพื่อให้บริการแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาสแรกนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ 1 ซิม ทุกเครือข่าย'

เทคโนโลยีไวร์เลส บรอดแบนด์นอกจากจะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบสนองความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้กับผู้ใช้บริการของเอไอเอสแล้ว ยังจะเป็นอาวุธทางการตลาดชิ้นสำคัญที่เอไอเอสนำเข้ามาอุดช่องโหว่ในเรื่องไว-ไฟที่ทางทรูมูฟนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่เน้นย้ำตลอดว่ามีไว-ไฟอยู่กว่า 18,000 จุดได้เป็นอย่างดี ซึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้มากนัก แต่จะเริ่มทดลองให้บริการในบางพื้นที่ก่อน หลังจากนั้นถึงจะเปิดให้บริการในเชิงแมส โดยจะเห็นกิจกรรมการตลาดอย่างเข้มข้นภายในไตรมาส 2ของปีนี้

ส่วนที่สอง จะเป็นการลงทุนขยายพื้นที่ให้บริการของ 3G ด้วยเทคโนโลยี HSPA บนคลื่นความถี่ 900 MHz ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2551 ด้วยจำนวนสถานีฐาน 133 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายเครือข่าย 3G HSPAสำหรับสถานีฐาน 1,884 แห่ง ประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมภายในไตรมาสที่สอง บริเวณกทม.ชั้นใน และจังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา หัวหิน ภูเก็ต หาดใหญ่ และเชียงราย หลังจากนั้นในไตรมาสที่สามก็จะทยอยขยายพื้นที่ให้บริการในกทม.ชั้นนอก นครปฐม และขอนแก่น

โดยที่หากวัดจำนวนสถานีฐาน 3G HSPA แล้วถือว่าเอไอเอสมีจำนวนมากกว่าดีแทคและทรูมูฟ ที่ยังเป็นแค่ทดลองบริการแบบไม่เชิงพาณิชย์ ในขณะที่เอไอเอสสามารถทำการตลาดได้เต็มรูปแบบ หากการลงทุนในครั้งนี้ของเอไอเอสแล้วเสร็จก็จะทำให้เอไอเอส มีเน็ตเวิร์ก 3G ที่มีพื้นที่ให้บริการมากกว่าคู่แข่ง ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องช่องความถี่ที่มีอยู่ 12.5 MHz ค่อนข้างจะเกือบเต็ม

วิเชียรให้มุมมองเกี่ยวกับการลงทุน 3G ว่า การเปิดประมูลใบอนุญาต 3Gบนคลื่นความถี่ 2100 MHz ที่ยังต้องรอไปอีกนาน ทำให้เอไอเอสต้องตัดสินใจลงทุนบนเครือข่ายเดิมไปก่อนแต่ถือเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากเป้าหมายการให้บริการ 3Gของเอไอเอสยังอยู่บนคลื่น 2100 MHz เป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน เอไอเอสเชื่อมั่นว่า จะนำส่งบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าได้

ทั้งนี้เอไอเอสได้จัดสรรคลื่นความถี่ 900 MHz จำนวน 5 MHz ไว้ให้บริการ 3Gนอกเหนือจากการให้บริการ 3Gบนเครือข่าย 2100 MHz ทีโอที ในฐานะพันธมิตรซึ่งจะทำให้เครือข่าย 3Gของเอไอเอสเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมมากที่สุด

เพื่อให้ครบองค์ประกอบ DNAs (ดีไวซ์ เน็ตเวิร์ก แอปพลิเคชั่นและเซอร์วิส) ในส่วนของดีไวซ์ หรืออุปกรณ์ปลายทางนั้น เอไอเอสจะมีการนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการในทุกๆ เซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นเบสิกโฟน สมาร์ทโฟน รวมถึงสมาร์ทดีไวซ์ใหม่ๆ ในหลากหลายระบบปฏิบัติการ พร้อมแพกเกจการใช้งานที่เหมาะสมทั้งวอยซ์และดาต้า

ด้านแอปพลิเคชัน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เอไอเอสจะพัฒนาแอปฯใหม่ๆ ที่จะอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้ในทุกๆ เซกเมนต์ บนทุกระบบปฏิบัติการของดีไวซ์แต่ละประเภท เช่น เอไอเอส ซอกเกอร์ ไลฟ์ จะมีผลและข้อมูลฟุตบอลทุกลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนา Local Applications ซึ่งเอไอเอสได้ส่งเสริมให้พาร์ตเนอร์ทางด้านคอนเทนต์ที่มีกว่า 250 ราย ให้พัฒนาคอนเทนต์ที่มีอยู่ให้ก้าวมาสู่แอปฯให้มากขึ้น แทนที่เอไอเอสจะพัฒนาขึ้นมาเอง

ส่วนเรื่องของบริการนั้นยังคงมุ่งเน้นที่จะมอบความพึงพอใจและประสบการณ์ที่อุ่นใจได้ผ่านทุกช่องทางการให้บริการ ในปีนี้ได้ยกระดับคุณภาพการให้บริการไปอีกขั้นกับ Certified Smart Phone Expert ให้บริการผ่าน Call Center และ สำนักงานบริการทั่วประเทศ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง

ใบอนุญาต 3G ความถี่ 2.1 GHz ไม่ใช่ยาวิเศษเหมือนครั้งหนึ่งที่กทช.พยายามเสกสรรค์ปั้นเรื่องว่าทุกๆชีวิตปวงชนชาวไทย ต้องใช้ 3G แต่ 3G 2.1GHz เป็นอีกเทคโนโลยีทางเลือกที่ช่วยยกระดับการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง ซึ่งตอบสนองเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวกที่มีความจำเป็นใช้เท่านั้น 3G ไม่ใช่มีแล้วทำให้พูดเร็วขึ้น

แต่ในเมื่อใบอนุญาตใหม่ยังไม่ประมูล แนวรบสื่อสารข้อมูลหรือโมบาย อินเทอร์เน็ต จะต้องสู้กันบนเน็ตเวิร์กเดิม ความถี่เดิม โดยยุทธศาสตร์เอไอเอสที่เสียเปรียบเรื่องความถี่ ที่สุดแล้วคือการปูพรมไวไฟ ในกทม. และหัวเมืองใหญ่ที่สำคัญ สร้างซูเปอร์บรอดแบนด์ พร้อมลง HSPA 3G อุดช่องโหว่ และเติมเต็มให้ความต้องการบริโภคการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงของผู้บริโภค

ดีแทค ทรูมูฟ หนาวแน่ !!!

Company Related Link :
AIS
กำลังโหลดความคิดเห็น