อย่างที่ทราบกันว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนของไมโครซอฟท์ได้เริ่มขึ้นจากการรีเบรนดิ้ง ชื่อโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบาย 6.5 จะถูกเรียกว่า "วินโดวส์โฟน" โดยทางไมโครซอฟท์คาดว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยให้สามารถกลับมาลุ้นส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนได้มากขึ้น หลังจากที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการมานานพอสมควรแล้ว
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดๆใน วินโดวส์ โมบาย 6.5 คืออินเตอร์เฟสการใช้งานที่เปลี่ยนไป เน้นให้สามารถตอบสนองด้วยการใช้นิ้วมากขึ้นกว่าเดิมตามกระแสนิยม เริ่มต้นกันจาก "หน้าจอหลัก" ที่มีการเปลี่ยนแปลงช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนขึ้นลงเพื่อเลือกเข้าไปในหมวดที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
โดยแบ่งออกเป็น 10 หมวดด้วยกันเริ่มจาก ดูรูปภาพ เครื่องเล่นเพลง ตัวช่วยการตั้งค่า แสดงการแจ้งเตือนของสายที่ไม่ได้รับ แสดงข้อความวอยซ์เมล์ แสดงข้อความสั้น แสดงข้อมูลในอีเมล์ที่ตั้งค่าไว้ แสดงตารางนัดหมายต่างๆ และสุดท้ายคือ Favorite หรือ บุ๊กมาร์คใน Internet Explorer นั่นเอง
นอกจากนี้ยังได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการล็อกหน้าจอแบบใหม่ ให้ผู้สามารถใช้นิ้วเลื่อนออกซ้าย-ขวา เพื่อปลดล็อกให้สามารถใช้งานเครื่องได้ ทั้งนี้ในกรณีที่มีการแจ้งเตือนเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นสายที่ไม่ได้รับ ข้อความเข้าใหม่ อีเมล์ใหม่ ผู้ใช้จะสามารถใช้นิ้วลากลงมาเพื่อให้หน้าจอแสดงผลว่ามีการแจ้งเตือนอะไรบ้าง ซึ่งถ้าต้องการเข้าสู่การแจ้งเตือนนั้นๆ ก็สามารถลากที่ไอค่อนนั้นเพื่อเข้าสู่การแจ้งเดือนดังกล่าวได้ทันที
ซึ่งถ้าผู้อ่านเคยได้อ่านบทความ "ทำความรู้จักกับ Windows Mobile 6.5" อาจจะคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะมีเพียงรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยในการใช้งานเท่านั้น แต่รายละเอียดในส่วนของ My Phone และ Market Place ต่อจากนี้ จะลงลึกไปอีกสักนิดเนื่องจากได้เครื่องมาทดสอบใช้งานกันอย่างจริงจัง
Marketplace ถือเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ทางไมโครซอฟท์ ทำออกมาเพื่อตอบรับกับกระแสการซื้อแอปพลิเคชันผ่านมาเก็ตเพลส เพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ สามารถสร้างรายได้จากการขายแอปฯ รวมไปถึงให้ความง่ายสำหรับผู้ใช้ในการดาวน์โหลดแอปฯที่่น่าสนใจมาใช้กัน
แน่นอนว่าแอปเปิ้ล ที่เป็นผู้บุกเบิก App Store ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับการมีแอปฯภายในเกือบแสนแอปฯ ทางแอนดรอยด์ก็ไม่น้อยหน้าแม้จะเพิ่งเปิดตัว Android Market แต่ชูจุดเด่นในเรื่องของแอปฯฟรีกว่า 90% เนื่องจากระบบปฏิบัติการเป็นระบบเปิด ทำให้มีผู้เข้าร่วมพัฒนาเป็นจำนวนมาก
จุดแข็งของ Marketplace จึงอยู่ที่ว่า มีจำนวนแอปฯที่สามารถใช้งานในวินโดวส์ โมบาย เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว จากประวัติอันยาวนานของวินโดวส์ โมบายเอง ซึ่งทางไมโครซอฟท์พยายามที่จะนำแอปฯที่กระจัดกระจายอยู่ตามเว็บต่างๆ เข้ามารวมกันใน Marketplace เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างง่ายดายนั่นเอง ซึ่งในจุดนี้ผู้ใช้ที่เป็นนักธุรกิจ กลุ่มลูกค้าองค์กร รวมไปถึงนักศึกษาวิชาแพทย์ คงจะทราบกันดีว่าแอปฯเฉพาะทางต่างๆ ส่วนใหญ่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ใช้บนวินโดวส์ โมบายเป็นหลัก
หน้าตาของ Marketplace จะเน้นที่ใช้งานง่ายเป็นสำคัญ โดยด้านบนสุดเป็นช่องสำหรับค้นหาแอปฯต่างๆ ถัดลงมาเป็นแถบแอปฯที่น่าสนใจ ส่วนเมนูที่ให้เลือกประกอบไปด้วย Showcase แสดงแอปฯที่น่าสนใจเช่นเดียวกับแถบด้านบน, Most Popular ในการแสดงแอปฯที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในขณะนั้น, What's New แสดงแอปฯที่เพิ่มเข้ามาใหม่
Categories ช่วยแบ่งหมวดหมู่ของแอปฯไม่ว่าจะเป็น หนังสือ ธุรกิจ การติดต่อสื่อสาร การอ้างอิง ความบันเทิง เกม ไลฟ์สไตล์ แผนที่ เพลง/วิดีโอ ข่าวสารและพยากรณ์อากาศ โปรดักส์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ ท่องเที่ยว สุดท้ายคือเครื่องมือ และ My Application เพื่อที่จะแสดงว่าผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดแอปฯใดมาใช้แล้วบ้าง ทั้งนี้ในการใช้งานจำเป็นต้องกรอกอีเมล์ เพื่อให้ระบบรู้ว่าใครเป็นผู้ใช้บริการดังกล่าวด้วย
ในหน้าจอเลือกโปรแกรมผู้ใช้สามารถจัดหมวดหมู่เป็นแบบเฉพาะแอปฯเสียเงิน ฟรี ใหม่ส่าสุด และแสดงผลทั้งหมด เมื่อเลือกแอปฯที่ต้องการแล้ว จะมีหน้าต่างขึ้นมาบอกรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงถ้ามีผู้ใช้เขียนรีวิวเข้ามาก็สามารถเข้าไปกดอ่านได้ นอกจากนี้ยังมีรูปตัวอย่างให้ดูอีกด้วย
เมื่อกดติดตั้งโปรแกรม ทาง Marketplace จะให้กรอกชื่อ นามสกุล บนเครดิตการ์ด รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ที่ไม่ต่างจากการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งในเบื้องต้นระบบการจัดการส่วนนี้ยังไม่ค่อยดีมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับ App Store ที่ผู้ใช้สามารถกรอกชื่อและรหัสผ่านที่ลงทะเบียนไว้ได้ทันที
My Phone ถือเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานวินโดวส์ โมบาย ที่มีอีเมล์ในเครือของไมโครซอฟท์อยู่แล้วเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ใช้สามารถนำอีเมล์ มาเปิดใช้งาน My Phone ในการซิงค์ข้อมูล รายชื่อผู้ติดต่อ ปฏิทิน สิ่งที่ต้องทำ ข้อความสั้น รูปภาพ วิดีโอ เพลง และเอกสารต่างๆบนตัวเครื่องขึ้นไปอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของทางไมโครซอฟท์ได้ทันที
สำหรับการใช้งานในเบื่องต้น เพียงแค่เข้าโปรแกรมจากภายในเครื่องกรอกอีเมล์ของไมโครซอฟท์ เลือกข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการซิงค์ ซึ่งในตัวโปรแกรมจะมีจุดเด่นของโปรแกรมมาแนะนำให้รู้จักคือ 1. ผู้ใช้สามารถดูที่อยู่ของเครื่องได้ในกรณีที่เครื่องหาย(เปิดใช้เฉพาะในอเมริกา) 2.แชร์รูปภาพเข้าไปในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ และสุดท้าย 3.ล็อกหรือลบข้อมูลในเครืองที่หายไป ซึ่งสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ http://myphone.microsoft.com
เมื่อเข้ามากรอกอีเมล์และรหัสผ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วกด Continue ด้านล่าง จะเข้าสู่หน้าจอ Microsoft MyPhone โดยผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุด 200MB ในส่วนของแถบด้านขวานี้เอง ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูและแก้ไขค่าต่างๆที่ซิงค์ข้อมูลไว้ได้
กลับมาที่โทรศัพท์มือถือ ในกรณีที่ผู้ใช้จะปรับเปลี่ยนการซิงค์ข้อมูลก็สามารถเข้าเมนูเพื่อเลือก Sync Options ได้ทันที สำหรับการแชร์รูปเข้าไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ในขณะนี้ยังทำได้เพียงแค่ใน My Space เป็นหลักเท่านั้น ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าผ่านคอมพิวเตอร์ได้ทันที
สำหรับท่านที่กลัวว่าการใช้งานดังกล่าวจะไปทับซ้อนกับ Active Sync เดิมหรือ Windows Mobile Device Center นั้นไม่ต้องกังวลแต่อย่างไร เพราะเท่าที่ทดสอบใช้งานทั้ง 2 อย่างไปในเครื่องเดียวกัน ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการล้างเครื่องบ่อยๆ หรือผู้ที่ชอบลง ROM เวอร์ชันใหม่ๆได้เป็นอย่างดี
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดๆใน วินโดวส์ โมบาย 6.5 คืออินเตอร์เฟสการใช้งานที่เปลี่ยนไป เน้นให้สามารถตอบสนองด้วยการใช้นิ้วมากขึ้นกว่าเดิมตามกระแสนิยม เริ่มต้นกันจาก "หน้าจอหลัก" ที่มีการเปลี่ยนแปลงช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนขึ้นลงเพื่อเลือกเข้าไปในหมวดที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
โดยแบ่งออกเป็น 10 หมวดด้วยกันเริ่มจาก ดูรูปภาพ เครื่องเล่นเพลง ตัวช่วยการตั้งค่า แสดงการแจ้งเตือนของสายที่ไม่ได้รับ แสดงข้อความวอยซ์เมล์ แสดงข้อความสั้น แสดงข้อมูลในอีเมล์ที่ตั้งค่าไว้ แสดงตารางนัดหมายต่างๆ และสุดท้ายคือ Favorite หรือ บุ๊กมาร์คใน Internet Explorer นั่นเอง
นอกจากนี้ยังได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการล็อกหน้าจอแบบใหม่ ให้ผู้สามารถใช้นิ้วเลื่อนออกซ้าย-ขวา เพื่อปลดล็อกให้สามารถใช้งานเครื่องได้ ทั้งนี้ในกรณีที่มีการแจ้งเตือนเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นสายที่ไม่ได้รับ ข้อความเข้าใหม่ อีเมล์ใหม่ ผู้ใช้จะสามารถใช้นิ้วลากลงมาเพื่อให้หน้าจอแสดงผลว่ามีการแจ้งเตือนอะไรบ้าง ซึ่งถ้าต้องการเข้าสู่การแจ้งเตือนนั้นๆ ก็สามารถลากที่ไอค่อนนั้นเพื่อเข้าสู่การแจ้งเดือนดังกล่าวได้ทันที
ซึ่งถ้าผู้อ่านเคยได้อ่านบทความ "ทำความรู้จักกับ Windows Mobile 6.5" อาจจะคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะมีเพียงรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยในการใช้งานเท่านั้น แต่รายละเอียดในส่วนของ My Phone และ Market Place ต่อจากนี้ จะลงลึกไปอีกสักนิดเนื่องจากได้เครื่องมาทดสอบใช้งานกันอย่างจริงจัง
Marketplace ถือเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ทางไมโครซอฟท์ ทำออกมาเพื่อตอบรับกับกระแสการซื้อแอปพลิเคชันผ่านมาเก็ตเพลส เพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ สามารถสร้างรายได้จากการขายแอปฯ รวมไปถึงให้ความง่ายสำหรับผู้ใช้ในการดาวน์โหลดแอปฯที่่น่าสนใจมาใช้กัน
แน่นอนว่าแอปเปิ้ล ที่เป็นผู้บุกเบิก App Store ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับการมีแอปฯภายในเกือบแสนแอปฯ ทางแอนดรอยด์ก็ไม่น้อยหน้าแม้จะเพิ่งเปิดตัว Android Market แต่ชูจุดเด่นในเรื่องของแอปฯฟรีกว่า 90% เนื่องจากระบบปฏิบัติการเป็นระบบเปิด ทำให้มีผู้เข้าร่วมพัฒนาเป็นจำนวนมาก
จุดแข็งของ Marketplace จึงอยู่ที่ว่า มีจำนวนแอปฯที่สามารถใช้งานในวินโดวส์ โมบาย เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว จากประวัติอันยาวนานของวินโดวส์ โมบายเอง ซึ่งทางไมโครซอฟท์พยายามที่จะนำแอปฯที่กระจัดกระจายอยู่ตามเว็บต่างๆ เข้ามารวมกันใน Marketplace เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างง่ายดายนั่นเอง ซึ่งในจุดนี้ผู้ใช้ที่เป็นนักธุรกิจ กลุ่มลูกค้าองค์กร รวมไปถึงนักศึกษาวิชาแพทย์ คงจะทราบกันดีว่าแอปฯเฉพาะทางต่างๆ ส่วนใหญ่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ใช้บนวินโดวส์ โมบายเป็นหลัก
หน้าตาของ Marketplace จะเน้นที่ใช้งานง่ายเป็นสำคัญ โดยด้านบนสุดเป็นช่องสำหรับค้นหาแอปฯต่างๆ ถัดลงมาเป็นแถบแอปฯที่น่าสนใจ ส่วนเมนูที่ให้เลือกประกอบไปด้วย Showcase แสดงแอปฯที่น่าสนใจเช่นเดียวกับแถบด้านบน, Most Popular ในการแสดงแอปฯที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในขณะนั้น, What's New แสดงแอปฯที่เพิ่มเข้ามาใหม่
Categories ช่วยแบ่งหมวดหมู่ของแอปฯไม่ว่าจะเป็น หนังสือ ธุรกิจ การติดต่อสื่อสาร การอ้างอิง ความบันเทิง เกม ไลฟ์สไตล์ แผนที่ เพลง/วิดีโอ ข่าวสารและพยากรณ์อากาศ โปรดักส์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ ท่องเที่ยว สุดท้ายคือเครื่องมือ และ My Application เพื่อที่จะแสดงว่าผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดแอปฯใดมาใช้แล้วบ้าง ทั้งนี้ในการใช้งานจำเป็นต้องกรอกอีเมล์ เพื่อให้ระบบรู้ว่าใครเป็นผู้ใช้บริการดังกล่าวด้วย
ในหน้าจอเลือกโปรแกรมผู้ใช้สามารถจัดหมวดหมู่เป็นแบบเฉพาะแอปฯเสียเงิน ฟรี ใหม่ส่าสุด และแสดงผลทั้งหมด เมื่อเลือกแอปฯที่ต้องการแล้ว จะมีหน้าต่างขึ้นมาบอกรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงถ้ามีผู้ใช้เขียนรีวิวเข้ามาก็สามารถเข้าไปกดอ่านได้ นอกจากนี้ยังมีรูปตัวอย่างให้ดูอีกด้วย
เมื่อกดติดตั้งโปรแกรม ทาง Marketplace จะให้กรอกชื่อ นามสกุล บนเครดิตการ์ด รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ที่ไม่ต่างจากการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งในเบื้องต้นระบบการจัดการส่วนนี้ยังไม่ค่อยดีมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับ App Store ที่ผู้ใช้สามารถกรอกชื่อและรหัสผ่านที่ลงทะเบียนไว้ได้ทันที
My Phone ถือเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานวินโดวส์ โมบาย ที่มีอีเมล์ในเครือของไมโครซอฟท์อยู่แล้วเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ใช้สามารถนำอีเมล์ มาเปิดใช้งาน My Phone ในการซิงค์ข้อมูล รายชื่อผู้ติดต่อ ปฏิทิน สิ่งที่ต้องทำ ข้อความสั้น รูปภาพ วิดีโอ เพลง และเอกสารต่างๆบนตัวเครื่องขึ้นไปอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของทางไมโครซอฟท์ได้ทันที
สำหรับการใช้งานในเบื่องต้น เพียงแค่เข้าโปรแกรมจากภายในเครื่องกรอกอีเมล์ของไมโครซอฟท์ เลือกข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการซิงค์ ซึ่งในตัวโปรแกรมจะมีจุดเด่นของโปรแกรมมาแนะนำให้รู้จักคือ 1. ผู้ใช้สามารถดูที่อยู่ของเครื่องได้ในกรณีที่เครื่องหาย(เปิดใช้เฉพาะในอเมริกา) 2.แชร์รูปภาพเข้าไปในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ และสุดท้าย 3.ล็อกหรือลบข้อมูลในเครืองที่หายไป ซึ่งสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ http://myphone.microsoft.com
เมื่อเข้ามากรอกอีเมล์และรหัสผ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วกด Continue ด้านล่าง จะเข้าสู่หน้าจอ Microsoft MyPhone โดยผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุด 200MB ในส่วนของแถบด้านขวานี้เอง ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูและแก้ไขค่าต่างๆที่ซิงค์ข้อมูลไว้ได้
กลับมาที่โทรศัพท์มือถือ ในกรณีที่ผู้ใช้จะปรับเปลี่ยนการซิงค์ข้อมูลก็สามารถเข้าเมนูเพื่อเลือก Sync Options ได้ทันที สำหรับการแชร์รูปเข้าไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ในขณะนี้ยังทำได้เพียงแค่ใน My Space เป็นหลักเท่านั้น ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าผ่านคอมพิวเตอร์ได้ทันที
สำหรับท่านที่กลัวว่าการใช้งานดังกล่าวจะไปทับซ้อนกับ Active Sync เดิมหรือ Windows Mobile Device Center นั้นไม่ต้องกังวลแต่อย่างไร เพราะเท่าที่ทดสอบใช้งานทั้ง 2 อย่างไปในเครื่องเดียวกัน ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการล้างเครื่องบ่อยๆ หรือผู้ที่ชอบลง ROM เวอร์ชันใหม่ๆได้เป็นอย่างดี