ไอเน็ตเตรียมปรับโครงสร้างเข้าสู่เอกชนเต็มตัวหวังเอาตัวรอดจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง พร้อมปรับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ต และโซลูชันให้สมดุลกัน ล่าสุดจับมือไซแมนเทค เปิดตัว Inet-Endponit Security Solutions โหนกระแสภัยคุกคามทวีความรุนแรงมากขึ้น เชื่อแม้เศรษฐกิจตกต่ำธุรกิจอินเทอร์เน็ตยังไปได้
นายธีระเมธ พกมณี กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด(มหาชน) หรือไอเน็ตเปิดเผยว่าไอเน็ตจะปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ให้มีการบริหารจัดการเป็นรูปแบบเอกชนให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถยืนอยู่บนการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดได้ โดยที่ผ่านมา ไอเน็ตมีระบบบริหารจัดการงานเป็นแบบรัฐวิสาหกิจ และราชการอยู่มาก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตรายย่อย หรือ ISP ได้ยกเลิกกิจการไปจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตที่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง ซึ่ง ไอเน็ตเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการISP เพียงไม่กี่รายที่สามารถอยู่ในตลาดได้ และการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทำให้ไอเน็ตต้องปรับการทำงานให้คล่องตัว รวมไปถึงการร่วมมือและใช้โครงข่ายกับผู้ถือหุ้นอย่างบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)
อย่างไรก็ดี สำหรับการทำธุรกิจของไอเน็ตนั้นมีแผนจะปรับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ต และการวางระบบโซลูชันให้สมดุลกัน จากปัจจุบัน สัดส่วนรายได้อินเทอร์เน็ตสูงถึง 70% ส่วนรายได้จากการให้บริการโซลูชันอยู่ที่ 30% โดยล่าสุดไอเน็ตได้ร่วมมือกับไซแมนแทค สร้างโซลูชันป้องกันไวรัส และภัยคุมคามในรูปแบบ "คลาวด์ คอมพิวติ้ง" แบบครบวงจร
"ไอเน็ตได้สมานเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง เข้ากับการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยข้อมูลเครือข่ายและคอมพิวเตอร์ โดยได้ร่วมกับไซแมนเทคออกโซลูชันใหม่ภายใต้ชื่อ"Inet-Endponit Security Solutions" เพื่อยกระดับการดูแลและป้องข้อมูล เครื่องคอมพิวเตอร์จากภัยคุกคาม เช่นมัลแวร์ สแปมล์ รวมถึงโซลูชันสำรองและกู้คืนข้อมูล สำหรับองค์กรในรูปแบบเช่าใช้ผ่านอินเทอร์เน็ต"
ทั้งนี้พบว่าภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตทวีความรุนแรงและมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมข้อมูลทางการเงินการโจมตีโปรแกรมใช้งานในสำนักงาน การระบาดต่อเนื่องของตัวหนอน Conficker ที่พบการติดเชื้อใหม่ในคอมพิวเตอร์ ทั่วโลกราว 50,000 เครื่องต่อวัน และยังพบว่าในปี 2550 มีภัยคุกคามประมาณ 2,000 ภัยคุกคามต่อวัน และในปี 2551 เพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ภัยคุกคามต่อวัน
นายธีระเมธ กล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตแม้จะอยู่ในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ก็ยังเชื่อว่าจะมีการเติบโต โดยจะเห็นได้จากผลการสำรวจจากไทยแลนด์ไอซีที มูลค่าไอซีทีในประเทศมีประมาณ 5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5% และปีนี้ยังมีแนวโตเติบโตเพิ่มขึ้น และจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปี 2550 มีจำนวน 13 ล้านราย ปี 2551 จำนวน 15.4 ล้านราย และในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 17 ล้านรายคิดเป็นมูลค่า 12,000-13,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ไอเน็ตมีรายได้ 146 ล้านบาท โต 4% แต่ขาดทุนสุทธิ 18 ล้านบาทจากโครงการท่อร้อยสายของทีโอที ซึ่งเป็นโครงการที่ไอเน็ตไม่มีความถนัด และได้ตัดโครงการดังกล่าวออกไปหมดแล้ว ฉะนั้นผลการดำเนินงานในไตรมาสต่อไปจะไม่มีการรับรู้ตัวเลขขาดทุนอีก โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 590 ล้านบาท
Company Related Links :
INET