หลังจากนักวิเคราะห์ต่างประเทศมองการร่วมงาน Macworld Expo 2009 ครั้งสุดท้ายของแอปเปิลว่าแสดงถึงภาวะขาลงของงาน ไอทีทั่วโลก ล่าสุดผู้จัดงาน "คอมมาร์ต" งานแสดงและจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศไทยแสดงความมั่นใจว่า งานคอมมาร์ตในประเทศไทยจะไม่ได้รับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในแมคเวิลด์ โดยไม่มีแผนลดจำนวนการจัดงานลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจฝืดแต่อย่างใด
นายประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช รองผู้จัดการทั่วไป และผู้อำนวยการฝ่ายนิวมีเดีย บริษัท เอ.อาร์. อินฟอร์เมชันแอนด์ พับลิเคชัน จำกัด กล่าวถึงกรณีนักวิเคราะห์ต่างประเทศเชื่อว่าภาวะขาลงของการจัดงานไอทีทั่วโลกกำลังเกิดขึ้น ว่างานคอมมาร์ตในประเทศไทยจะไม่อยู่ในแนวโน้มนี้ เนื่องจากงานคอมมาร์ตเป็นงานจำหน่ายเทคโนโลยี ไม่ใช่งานแสดงเทคโนโลยีเช่นที่แมคเวิลด์เป็น
"ถ้ามองในแง่งานโชว์ก็ใช่ แต่คอมมาร์ตเป็นเทรดโชว์ โชคดีที่เรามีทั้งเทรดแล้วก็โชว์ด้วย มองว่าก็ยังสามารถจัดงานสามครั้งต่อปีได้เหมือนเดิม"
แอปเปิลให้เหตุผลที่จะร่วมงาน Macworld Conference & Expo ปี 2009 ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 5 ถึง 8 มกราคมเป็นครั้งสุดท้ายว่า เพราะบริษัทมีช่องทางมากมายที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการจัดงานแสดงเทคโนโลยีอย่างที่เคย ทั้งร้านค้าออนไลน์และร้านค้าปลีก โดยก่อนหน้าจะประกาศยกเลิกจัดงาน Macworld แอปเปิลได้ประกาศยกเลิกงานประชุมในนิวยอร์ก โตเกียว และปารีส เมื่อแอปเปิลพยายามรัดเข็มขัดเช่นนี้ นักวิเคราะห์จึงมองว่านี่คือทิศทางที่ชี้ว่า การจัดงานประชุมด้านไอทีจะลดจำนวนลงอย่างแน่นอนในอนาคต
ล่าสุด ยักษ์ใหญ่อย่างอโดบี (Adobe) ก็ประกาศว่าจะไม่ตั้งบูธในงาน Macworld ครั้งนี้ แม้จะยังมีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์แนะนำเทคโนโลยีใหม่ต่อผู้เข้าร่วมประชุมเช่นเคย แม้อโดบีจะยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นสนับสนุนแพลตฟอร์มแมคอินทอชต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
จุดนี้ประสิทธิ์เชื่อว่า การออกบูธงานคอมมาร์ตของบริษัทไอทีนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อการสร้างแบรนด์ด้วย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าค่ายไอทีจะยังคงออกบูทกับคอมมาร์ตเช่นเคย
"คนไทยยังนิยมซื้อสินค้าไอทีแบบได้ต่อรอง ขอของแถม ได้จับต้องและทดลองใช้ บริษัทไอทีไม่ได้ออกอีเวนต์อย่างคอมมาร์ตเพื่อขายของอย่างเดียว แต่เน้นการสร้างแบรนด์ด้วย ที่ผ่านมาทุกคนมาออกบูทกันหมด ใครไม่มาก็ถูกมองว่าหายไป เสียแบรนด์ เพราะฉะนั้นถึงบริษัทจะมีมาร์จิ้นลดลงแต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับการจัดงาน และการออกงานแบบนี้ไม่ได้แปลว่าจะมีค่าใช้จ่ายอย่างเดียว แต่มีมูลค่าเพิ่มด้วย"
ประสิทธิ์ให้ข้อมูลว่าขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคไทย การรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นพบว่าคอมพิวเตอร์พกพา (ทั้งโน้ตบุ๊กและเน็ตบุ๊ก) จะยังเป็นสินค้าที่ขายดีในงานคอมมาร์ตครั้งหน้า ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม โดยโทรศัพท์มือถือและกล้องดิจิตอลจะได้รับความนิยมใกล้เคียงกัน การสำรวจพบว่าผู้ชมงานคอมมาร์ตใช้เวลาเลือกซื้อสินค้าไอทีนานขึ้น และมีผู้เข้าชมหน้าใหม่ราว 60-70% ในทุกครั้ง
ประสิทธิ์ยังกล่าวถึงทิศทางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปีหน้าว่า จำนวนปริมาณสินค้าไอทีที่จำหน่ายได้ในประเทศไทยจะไม่ลดลง แต่จะลดลงในแง่กำไรจากการขายแทน
"จำนวนเครื่องที่ขายได้จะไม่ตกแบบน่ากลัว แต่ยอดเงินจะตกเพราะผู้ผลิตต้องเพิ่มฟังก์ชันมากมายแต่ต้องคิดราคาไม่แพง เพิ่มความคุ้มค่าให้ผู้บริโภค ตลาดที่คนจำเป็นต้องใช้สินค้าไอที เช่นคนเรียนหนังสือ หรือคนทำธุรกิจ ไม่ตกแน่นอน ผมอยากให้มองว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภค"
ประสิทธิ์เชื่อว่าปีหน้า คอมพิวเตอร์ตัวเล็ก หรือเน็ตบุ๊กจะถูกเพิ่มความสามารถจนทับซ้อนตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น ได้แก่ หน้าจอใหญ่และไดรฟ์ดีวีดี เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ ที่จะเพิ่มความสามารถฟังก์ชันกล้องดิจิตอลจนทับซ้อนกล้องคอมแพกในที่สุด
"โน้ตบุ๊กกินเดสก์ท็อป เน็ตบุ๊กกินโน้ตบุ๊ก กล้องดิจิตอลหนีไป DSLR โทรศัพท์มือถือกำลังกินกล้องคอมแพก อนาคตโทรศัพท์มือถืออาจจะย้อนมากินเน็ตบุ๊กก็ได้"
Company Related Links :
A.R.