คอมมาร์ต คอมเทคจบ 4 วัน เงินสะพัดกว่า 3,200 ล้านบาท มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้กว่า 200 ล้านบาท "ปฐม"เผยลุ้นเหนื่อยกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซูฮกผู้ซื้อสินค้าทำให้รอดชีวิตกันถ้วนหน้า คาดจบปีนี้ตลาดไอทีรวมโต 9% เปรยแพลนปีหน้าอาจขึ้นเหนือ ลงใต้ จัดงานคอมมาร์ต ควบคอมมาร์ต แคมปัส เจาะกลุ่มนักศึกษากว่า 6 สถาบัน
นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์. อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด เปิดเผยภายหลังจบงานคอมมาร์ตว่า สรุปโดยรวมสินค้ายอดฮิตยังคงเป็นโน้ตบุ๊ก ซึ่งมีเน็ตบุ๊กมาเป็นตัวช่วยผลักดันให้สามารถทำยอดขายรวมทั้งหมดได้กว่า 42,000 เครื่อง โดยเน็ตบุ๊กสามารถทำยอดขายได้ 20 - 25% จากที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะถึง 50% ทั้งนี้เกิดจากพื้นฐานการใช้งานที่จำกัดของตัวเน็ตบุ๊กเอง นอกจากนี้สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดหลังจากจบงานนี้ คือ อันดับผู้นำโน้ตบุ๊กมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ใช่เจ้าเดิมที่เคยครองตลาด และอัตราการเติบโตในแต่ละอันดับพบว่าไม่ห่างกันมากหากเทียบกับครั้งก่อนๆ
"เน็ตบุ๊กไม่แรงอย่างที่คิด แต่กลับเป็นโน้ตบุ๊กที่มียอดขายดีกว่า ซึ่งส่วนใหญ่แต่ละบูทจะนำเน็ตบุ๊กมาเป็นตัวล่อ แต่พอผู้ใช้เข้าไปภายในบูทกลับซื้อโน้ตบุ๊กมากกว่า และงานนี้บอกได้เลยว่าค่ายยักษ์ใหญ่ไม่ได้ชื่นมื่นกันทุกราย"นายปฐมกล่าว
นายปฐม กล่าวต่อว่า การที่มีการเปลี่ยนแปลงมาร์เกตแชร์นั้น ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ซึ่งผู้จัดงานก็หวังไว้ให้เป็นแบบนั้น ที่บอกว่าดีนั้นเนื่องจากผู้บริโภคจะได้รับทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น ไม่ใช่มีแต่เฉพาะแบรนด์หลักๆ หน้าเดิมๆ และต้องยอมรับว่าคนมาร่วมงานนี้กันมากทำให้ตลาดไอทีปีนี้รอดได้ ซึ่งคาดว่าตลาดไอทีรวมปีนี้น่าจะเติบโตกว่า 9% ส่วนเม็ดเงินหลังจากจบงานครั้งนี้สะพัดกว่า 3,200 ล้านบาท เกินเป้าที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้กว่า 200 ล้านบาท และเม็ดเงินรวมจากการจัดงานทั้งปีสะพัดกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท
"ครั้งนี้ยอมรับว่าเหนื่อยกว่าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมามาก ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะทำเงินเพียง 3,200 ล้านบาท ซึ่งผิดกับต้นปีที่ทำเงินได้กว่า 5 พันล้านบาทแต่ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยเท่านี้ และต่อไปนี้จะไม่หวังอะไรกับภาครัฐอีกแล้ว จะหวังแต่คอนซูเมอร์อย่างเดียว ถ้าให้เทียบสถานการณ์ตอนนี้กับปี 2540 นั้นแตกต่างกันตรงที่ ปี 2540 เงินหาย แต่ปีนี้เงินไม่ได้หาย"นายปฐมกล่าว
ส่วนยอดสินเชื่อภายในงานนี้ได้ยอดที่ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ คืออยู่ที่ 50% ทั้งนี้เป็นเพราะความร่วมมือระหว่างสถาบันทางการเงิน กับบูทของผู้ค้าไอที มีการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่ดีกว่าซื้อสินค้าด้วยเงินสด ส่งผลให้พฤติกรรมในการซื้อสินค้าภายในงานนี้แบบผ่อนชำระเพิ่มมากขึ้นแบบครึ่งต่อครึ่ง จากเดิมที่เคยซื้อเงินสดกว่า 65% และผ่อนชำระ 35%
แนวโน้มตลาดไอทีปีหน้านั้นมองว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ และการจัดงานคอมมาร์ตในปีหน้านั้นงานหลักๆยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ส่วนงานย่อยนั้นอาจจะมีเพิ่มให้ครอบคลุมมากขึ้น จากปกติจัดที่ขอนแก่น, ม.บูรพา ปีหน้าอาจจะมีลงไปทางภาคใต้ และอาจขึ้นไปจัดทางภาคเหนือตอนล่างด้วย นอกจากนี้ยังจะมีการจัดคอมมาร์ต แคมปัส เป็นไมโครอีเวนต์ เป็นการจัดโชว์เคส, เวิร์กชอป มากกว่าการขาย ซึ่งวางเป้าไว้ที่ 5-6 สถาบันการศึกษา และหวังว่าคอมมาร์ตย่อยนี้จะเป็นตัวผลักดันให้คอมมาร์ตโตขึ้นได้
สำหรับสินค้าที่มียอดขายสูงสุดภายในงานสามารถเรียงลำดับได้ดังนี้ 1. โน้ตบุ๊กมียอดขายรวมอยู่ที่ 42,000 เครื่อง 2. จอแอลซีดี มอนิเตอร์ มียอดขายรวม 166 ล้านบาท 3. กล้องดิจิตอล ยอดขายรวมอยู่ที่ 160 ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้มาแรงเกินคาดยอดรวมใกล้เคียงกับจอมอนิเตอร์ 4. พรินเตอร์ มียอดขายรวม 55 ล้านบาท 5. อื่นๆ ยอดขายรวมกว่า 700 ล้านบาท คิดเป็นยอดขายรวมทั้งหมด 3,200 ล้านบาท
Company Related Links :
CommartThailand