ชี้ประโยชน์ 3G บนเทคโนโลยี WCDMA/HSPA เหมาะสำหรับการให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ในพื้นที่ห่างไกลเพื่อลดช่องว่างการเข้าถึงโลกดิจิตอล ด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลและต้นทุนที่ไม่ใช่ข้อถกเถียงอีกต่อไป
นายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้จัดการอาวุโสทางด้าน 3G และนวัตกรรม 3G บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่าผู้ให้บริการโครงข่าย 3G นั้นสามารถลดต้นทุนการให้บริการบรอดแบนด์และลดระยะเวลาในการติดตั้งโครงข่ายในพื้นที่ชนบทห่างไกล โดยใช้พื้นที่สถานีฐานของโครงข่าย จีเอสเอ็ม (GSM cell site) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยี WCDMA/HSPA บนคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz นั้นมีประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ผู้ใช้ได้มากกว่าเทคโนโลยี GSM บนความถี่ 900 และ 1800 MHz แต่เนื่องจากแถบความถี่สูงกว่า จึงทำให้ WCDMA/HSPA มีพื้นที่ครอบคลุมของแต่ละสถานีฐานได้น้อยกว่า
แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆที่สามารถเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมได้มากขึ้น อย่างการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรับสัญญาณของสถานีฐาน การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการส่งสัญญาณของสถานีฐาน (output power) การใช้เสาอากาศที่มีภาครับสัญญาณสูงขึ้น (high-gain antennas) การเพิ่มระดับความสูงของเสาอากาศรับสัญญาณ และการเพิ่มช่องภาครับและส่งสัญญาณของเสาอากาศจากเดิม 3 ช่อง (three- sector antenna) เป็น 6 ช่อง (six-sector antenna) เพื่อลดต้นทุนการติดตั้งสถานีฐานในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลมากๆ ที่สถานีฐานไม่ไปบดบังความสวยงามด้านทัศนียภาพนั้นผู้ให้บริการสามารถใช้เสาอากาศต้นทุนต่ำประกอบกับนวัตกรรมดังกล่าวเพื่อเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมได้มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการโครงข่าย WCDMA/HSPA อย่างเทลสตราในประเทศอออสเตรเลียได้ใช้นวัตกรรมดังกล่าวทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมของสถานีฐานจากเดิมที่รัศมี 35 กม. เป็นเกือบถึง 200 กม. ซึ่งเทคนิคนี้เหมาะสำหรับการให้บริการในพื้นที่ห่างไกล ย่านน้ำริมชายฝั่งทะเลและพื้นที่ทะเลทราย
ในพื้นที่ ที่ยังไม่มีโครงข่ายโทรคมนาคมพื้นฐาน ผู้ให้บริการโครงข่ายสามารถใช้เทคโนโลยีไมโครเวฟมาใช้ในการติดต่อระหว่างสถานีฐานแทนการใช้โครงข่ายไฟเบอร์ออปติก(Fiber infrastructure) ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยลดต้นทุนการให้บริการได้ถึงหนึ่งในสิบเมื่อเทียบกับการติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกในระยะทางเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็วกว่าและ การบริหารจัดการทำได้ง่ายกว่าและถูกกว่า
นอกจากนี้ WCDMA/HSPA ยังให้ความเร็วที่ผู้ใช้บริการบรอดแบนด์พึงพอใจ โดยWCDMA/HSPA มีอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบรอดแบนด์มีสาย จากการทดสอบโครงข่าย WCDMA/HSPA ของผู้ให้บริการในเขตเมืองของอาเซียนในเดือนสิงหาคม 2550 มีอัตราดาวน์ลิงก์มากกว่า 7 Mbps และอาจกล่าวว่าในเขตชนบทที่มีคลื่นแทรกน้อยกว่า จะมีอัตราความเร็วการรับส่งข้อมูลได้สูงกว่า ซึ่งภายในปี 2551 เทคโนโลยีนี้จะมีการพัฒนาอัตราความเร็วการรับส่งข้อมูลได้สูงถึง 14 Mbps สำหรับดาวน์ลิงก์และ5.8 Mbps สำหรับอัปลิงก์ และภายในสองสามปีนี้อัตราความเร็วการรับส่งข้อมูลจะเพิ่มสูงได้ถึง 42 Mbps สำหรับดาวน์ลิงก์
ในเรื่องต้นทุนสูงไม่ใช้ข้อโต้แย้งอีกต่อไป ในเขตเมืองของประเทศพัฒนาแล้ว จะเห็นได้ว่าบรอดแบนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่ทว่า ประชากรที่กระจายอยู่ในเขตพื้นที่ชนบทที่มีประชากรเบาบางในประเทศต่างๆ ได้ถูกตัดขาดจากโลกยุคใหม่นี้ ไม่ใช่เพราะว่าประชากรเหล่านี้ไม่มีความต้องการ แต่เพราะว่าต้นทุนที่สูงเกินไปกลายเป็นอุปสรรคในการเชื่อมต่อกับบริการบรอดแบนด์ด้วยเทคโนโลยีมีสายแบบเดิม
แต่ด้วยเทคโนโลยี WCDMA/HSPA นี้สามารถกำจัดความเหลื่อมล้ำทางดิจิตอล (digital divide) ด้วยการให้บริการสื่อสารและบรอดแบนด์แก่ทุกคน รวมทั้งในพื้นที่ที่ห่างไกลในราคาที่เหมาะสม เทคโนโลยี WCDMA/HSPA ได้ถูกพัฒนาและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า หนึ่งโครงข่าย หนึ่งเทคโนโลยีเพื่อบริการที่ครบวงจร ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการประหยัดจากการขยายการผลิต (economy-of-scale) เหนือกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ ในด้านจำนวนผู้ผลิตเครื่องลูกข่าย อุปกรณ์โทรศัพท์และทางด้านโครงข่ายที่มากกว่า ในราคาที่ถูกกว่า
ปัจจุบันมีโครงข่าย 3G WCDMA/HSPA กว่า 220 โครงข่ายที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ ใน 94 ประเทศทั่วโลก และ เครื่องลูกข่าย อุปกรณ์โทรศัพท์มากกว่า 800 แบบ จากผู้ผลิตกว่า 110 ราย
Company Related Links :
Ericsson