ไมโครซอฟต์ร่วมกับหลายหน่วยงานด้านการซอฟต์แวร์ของไทย ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ตั้ง “Microsoft Innovation Center” แหล่งรวมเทคโนโลยีทันสมัยทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ให้นักพัฒนารุ่นใหม่ใช้เป็นที่ค้นคว้า แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทั้งเป็นที่นักลงทุนสามารถเลือกนักพัฒนารุ่นใหม่ที่มีฝีมือได้จากที่นี้ หวังผลในระยะยาวอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยขยายตัว โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 3,000 ล้านบาทเป็น 6,000 ล้านบาท
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับสำนักส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจคอมพิวเตอร์ ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย และมหาวิทยาลัยรังสิต จัดตั้งศูนย์พัฒนาซอฟต์แวร์ไทย หรือ Microsoft Innovation Center ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนานวัตกรรมซอฟต์แวร์ของไทย สู่เป้าหมายของการผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของไทยให้ก้าวหน้าไปสู่ตลาดโลก
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ กล่าวว่า Microsoft Innovation Center เกิดขึ้นจากแนวคิดของไมโครซอฟท์ที่ต้องการส่งเสริมการพัฒนาซอฟต์แวร์ในแต่ละประเทศให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยมีการจัดตั้งศูนย์ลักษณะนี้แล้วใน 36 ประเทศทั่วโลกทั้งหมด 110 แห่ง ในประเทศไทยไมโครซอฟท์ใช้งบลงทุนกับศูนย์นี้ในประเทศไทยประมาณ 1,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปี โดยมีหลายหน่วยงานดังกล่าวให้ความร่วมมือ
Microsoft Innovation Center จะเป็นศูนย์กลางที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ บุคคลากรในแวดวงอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ มาร่วมคิดค้นพัฒนาโซลูชั่นใหม่ แลกเปลี่ยนความรู้ ความสามารถในการพัฒนานวัตรกรรมซึ่งกันและกัน เป็นแหล่งที่นักลงทุนจะมาเลือกสรรนักพัฒนารุ่นใหม่ที่มีฝีมือ โซลูชันที่ได้พัฒนาแล้วเพื่อไปต่อยอดทางธุรกิจได้ ทั้งเป็นที่แลกเปลี่ยนทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์ร่วมกันระหว่างบริษัทคู่ค้าด้วย โดยจะมีนวัตกรรมใหม่ๆไม่ใช้แค่ซอฟต์แวร์จากไมโครซอฟท์เท่านั้น แต่จะประกอบด้วยนวัตกรรมจากหลายค่าย ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีใหม่ๆ ซอฟต์แวร์ที่จะเป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนา RFID คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง ตลอดจนดีไวซ์ด้านโทรศัพท์มือถือ ทูลใหม่ๆที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาจากห้องแล็บต่างๆนำมารวมไว้เพื่อให้นักพัฒนาคนไทยได้ต่อยอดเป็นโซลูชั่นเฉพาะของตัวเองเพื่อส่งต่อไปสู่ภาคธุรกิจอีกต่อหนึ่ง
ทั้งนี้ไมโครซอฟท์ยืนยันว่าจะไม่มีเพียงซอฟต์แวร์จากไมโครซอฟท์เท่านั่น โดยจะให้ความสำคัญกับความหลากหลายเพื่อประโยชน์ของนักพัฒนาเป็นหลัก
ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า Microsoft Innovation Center ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เกิดจากความร่วมมือหลายหน่วยงานโดยมีไมโครซอฟต์เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่าย มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นผู้เอื้อเฟื้อสถานที่ และสำนักงานส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจคอมพิวเตอร์มีบทบาทเป็นผู้ดูแลและดำเนินงานภายในศูนย์ซึ่งจะตั้งอยู่ที่อาคารสาธรธานี
“จากจุดเริ่มต้นในวันนี้ เราหวังการขยายผลให้วันข้างหน้าทั้งในแนวลึก ซึ่งหมายถึงความร่วมมือกันมากขึ้น และแนวกว้างซึ่งหมายถึงจำนวนศูนย์ที่มีมากขึ้น เพื่อให้ทั่วถึง”
นายสมเกียรติ อึงอารี นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย กล่าวว่า ในฐานะกลุ่มองค์กรที่มีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศไทย มองเห็นประโยชน์ของ Microsoft Innovation Center อย่างมาก เป็นช่องทางสำคัญที่ให้นักพัฒนารุ่นใหม่ ผู้คิด ผู้ประกอบการนักลงทุน มีโอกาสมาเจอะกัน ร่วมกันทำงาน โดยทางสมาคมฯจะทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงสมาชิกให้เข้ามาใช้บริการ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมที่ศูนย์แห่งนี้มากยิ่งขึ้นแทนการจัดตามโรงแรมหรือที่อื่นๆ
“ปัจจุบันมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ของไทยอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าส่งออกประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดรวมซอฟต์แวร์ทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 25 ล้านล้านบาท จากความร่วมมือในการจัดตั้ง Microsoft Innovation Center ขึ้นเท่ากับเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศให้พัฒนาได้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการส่งออกซอฟต์แวร์ของไทยได้เป็นเท่าตัวหรือมูลค่าตลาดส่งออกซอฟต์แวร์ของไทยน่าจะขยายตัวไปที่ 6,000 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ Microsoft Innovation Center ไม่ได้อยู่ที่การแสวงกำไร แต่ต้องมีการเก็บค่าใช้จ่ายบางเพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้ สิ่งที่ไมโครซอฟต์และหน่วยงานที่ร่วมกันจัดตั้งศูนย์แห่งนี้มองเห็นว่าอาจเป็นอุปสรรคก็คือ ทำอย่างไรให้มีผู้มาใช้บริการให้มากๆ ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่เพื่อรายได้ของศูนย์ แต่เพื่อพัฒนาการของนักพัฒนาซอฟต์แวร์คนไทยเองที่พัฒนาฝีมือก้าวไปสู่สากลเป็นไปได้เร็วยิ่งขึ้น
Company Related Links :
Microsoft