ซัมซุงปลุกตลาดพริ้นเตอร์หวังสร้างให้เป็นคลื่นลูกที่ 4 ที่ซัมซุงจะสร้างชื่อในตลาดไอทีทั้งในระดับโลกและประเทศไทย หลังกำหนดให้ ไมโครชิฟ โทรศัพท์มือถือ แลทีวีจอแบน เป็นคลื่นลูกที่ 1-2และ 3 มาแล้ว เริ่มจากการ ปูพรหมสร้างแบนด์ สร้างการรับรู้อิมเมจพริ้นเตอร์ซัมซุงในเมืองไทยด้วยงบกว่า 100 ล้านบาท พร้อมชู 4 กลยุทธ์หลักบวกจุดแข็งของการเป็นเจ้าของเทคโนโลยี มั่นใจชิงตำแหน่งผู้นำอันดับ 1ในตลาดพริ้นเตอร์ได้ในปี 2010
นายเพียงรัค ปาร์ค รองประธาน กลุ่มเครื่องพิมพ์ดิจิตอล ธุรกิจสื่อดิจิตอล บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวถึงการทำธุรกิจในประเทศไทยว่า เมื่อมองในแง่ความพร้อมทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากรแล้ว ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าลงทุน ซึ่งซัมซุงก็มีนโยบายที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
ปีที่ผ่านมาซัมซุงอิเลคทรอนิคส์ทั่วโลกมีรายได้กว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็น 1ใน 3 ของผู้ผลิตอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ของโลกที่สามารถทำรายได้เกิน 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วย ซีเมนส์ ,เอชพี และซัมซุง
ที่ผ่านมาซัมซุงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่การสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรโดยแบ่งเป็น 3 คลื่น คลื่นลูกแรกเป็นการพัฒนาหน่วยความจำหรือเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นมาตีตลาดโตชิบา และฮิตาชิ ตามมาด้วยคลื่นลูกที่ 2 คือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าซัมซุงจะผลิตโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตีตลาดในระดับเดียวกับโนเกียได้ และคลื่นลูกค้าที่ 3 เป็นจอมอนิเตอร์ LCD ที่สามารถชนะคู่แข่งอย่าง ฟิลิปส์ และโซนี่ ได้
ล่าสุดซัมซุงกำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตาดโดยการปลุกตลาดพริ้นเตอร์ให้เป็นคลื่นลูกที่ 4 ของซัมซุงในวงการไอที (จากรายได้ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในจำนวนนี้ 2.5% เป็นรายได้จากธุรกิจพริ้นเตอร์) โดยมองโอกาสทางการตลาดว่าพริ้นเตอร์เป็นตลาดที่มีทิศทางเติบโตไปข้างหน้าและมีขนาดตลาดที่ใหญ่มีมูลค่าตลาดทั่วโลกกว่า 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเซมิคอนดักเตอร์ โดยการผลิตพริ้นเตอร์ต้องการเทคโนโลยีหลายประเภทเช่น เทคโนโลยีออพติคอล เทคโนโลยีเคมี เทคโนโลยีจักรกล ซึ่งซัมซุงมีเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นของตัวเองทั้งหมด เมื่อเทียบกับค่ายอื่นแล้วยังต้อง OEM จากแบรนด์อื่นมา
ที่ผ่านมาซัมซุงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจการพิมพ์ ปัจจุบันมีพนักงานในธุรกิจพริ้นเตอร์ราว 2,500 คนและกว่า 30% รับผิดชอบทางด้าน R&D นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ R&D อยู่ที่ เกาหลีใต้ อเมริกา จีน รัสเซีย อินเดีย
“เราเชื่อว่าความแข็งแกร่งด้าน R&D จะผลักดันให้ซัมซุงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นและลดช่องว่างห่างจากผู้นำตลาดอย่าง HP ให้น้อยที่สุด จากปัจจุบัน HP มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 50 % ซัมซุงมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 14% เป็นอันดับ 2 ในตลาด โดยปัจจุบันซัมซัมซุงเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเกาหลีใต้และอิตาลีแล้ว”
กฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องพิมพ์ ธุรกิจไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวถึงกลยุทธ์ในการสร้างตลาดพริ้นเตอร์ของซัมซุงว่า 1. จะพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่น อินโนเวชั่น โดยปัจจุบันซัมซุงเป็นเจ้าของเทคโนโลยีทางด้านเลเซอร์พริ้นเตอร์และยังเป็นผู้ผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆอีกด้วย ทั้งยังสามารถผลิตพริ้นเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ทำราคาให้ถูกลงได้มากขึ้น รวมทั้งมีเทคโนโลยี No Noise ที่สามารถลดเสียงการทำงานได้เบากว่า 43 เดซิเบล รวมทั้งผู้นำทางด้านดีไซน์ “ ดำ แวว วาว”
2. กลยุทธ์ในการทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกฝ่าย ในฐานอันดับ 2 ในตลาดจึงต้องมีความพยายามมากขึ้น ทำงานหนักขึ้นกว่าปกติเพื่อมุ่งขึ้นเป็นเบอร์1ในตลาด 3. เป็นกลยุทธ์ในการให้บริการลูกค้า เน้นการสร้างความเข้าใจในการใช้งาน เช่นการนำเครื่องใหม่ไปให้ใช้ในระหว่างเครื่องซ่อม และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และ 4. กลยุทธ์ในการสร้างความแข็งแกร่งด้านพันธมิตร
กฤตวิทย์ กล่าวว่าที่ผ่านมาคนทั่วไปไม่ค่อยรู้ว่า ซัมซุงมีพริ้นเตอร์ ปัญหาของเราคือต้องสร้างการรับรู้ ต้องสร้างแบรนด์อิมเมจซัมซุงพริ้นเตอร์ให้เกิดให้ได้ โดยคาดว่าจะใช้งบในการสร้างแบรนด์ในเมืองไทยในปีนี้ กว่า 100 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาประมาณ 40 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาพริ้นเตอร์ซัมซุงมีการเติบโตประมาณ 60 % และคาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโตประมาณ 60 % หรือมากกว่า
เป้าหมายของซัมซุงคือ เป็นผู้นำอันดับ 1 ทั้งในตลาดโลกและเมืองไทยให้ได้ในปี 2010 โดยตั้งเป้าทำตลาดในเมืองไทยในปีนี้ 43,000 ตัว จากปีที่ผ่านมาประมาณ 35,000 ตัว
“โอกาสก้าวสู่เบอร์1 มีความเป็นไปได้ ที่ผ่านมาลูกค้าติดแบรนด์เอชพีจากโน้ตบุ๊ก และอิงก์เจ็ต ส่งผลให้ทำตลาดเลเซอร์ดีตามไปด้วย เราต้องการให้เขารู้ว่าเราเป็นผู้นำด้านเลเซอร์ ขณะที่มัลติฟังก์ชั่นเป็นเรื่องใหม่แบรนด์รอยัลตี้ยังน้อยซังซุงจะแข่งในตลาดนี้ด้วย”
Company Related Links :
Samsung