เอเซอร์ผนึกฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ขยายความร่วมมือ ด้วยการส่งระบบการจัดเก็บข้อมูลลงตลาด มุ่งเจาะกลุ่มเอสเอ็มบี ในลักษณะโค-แบรนด์ ตั้งเป้ายอดขายปีหน้า 300 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มตลาดโน้ตบุ๊กปีหน้า แข่งขันสูง ราคาระดับ 2 หมื่นบาท กะทัดรัด จอขนาดเล็กกว่า 12 นิ้ว
นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า เอเซอร์ได้ขยายความร่วมมือกับฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น หรือเอชดีเอส ผู้ให้บริการโซลูชันระบบการจัดเก็บข้อมูลเชิงบริการ ในลักษณะโค-แบรนด์ ภายใต้ชื่อ “เอเซอร์-ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์” โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือการรุกตลาดระบบการจัดเก็บข้อมูล (สตอเรจ) มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มบีในไทย
ก่อนหน้านี้เอเซอร์ได้เข้าร่วมในโปรแกรมช่องทางจำหน่ายของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ที่ชื่อว่า True North Channel Program ในฐานะพันธมิตรระดับแพลตตินัมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และในปี 2549 บริษัท เอเซอร์ได้ขยายความเป็นพันธมิตรกับฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เข้าสู่ตลาดระดับโลก และในวันนี้ เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจำหน่ายภายใต้แบรนด์ เอเซอร์-ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในประเทศไทยนั้น ประกอบด้วย Hitachi Adaptable Modular Storage (AMS) รุ่น AMS200, Workgroup Modular Storage (WMS) รุ่น WMS100 และ Hitachi Simple Modular Storage (SMS) รุ่น SMS100
ความร่วมมือกับฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นพันธมิตร เนื่องจากเอเซอร์เห็นการเติบโตในกลุ่มเอสเอ็มบีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในแถบอาเซียนเอเซอร์มียอดขาย และมีส่วนแบ่งการตลาดสูงในลูกค้ากลุ่มนี้ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มียอดขายโน้ตบุ๊กและพีซีเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องมากกว่า 12 ไตรมาส ทำให้เอเซอร์เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี ผนวกกับช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่งทั่วประเทศกว่า 100 ราย ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึง ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ที่จะนำอุปกรณ์สตอเรจบุกตลาดในกลุ่มดังกล่าว
นอกจากนี้ เอเซอร์ยังมีศักยภาพในการให้บริการอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการให้บริการไปยังสำนักงาน (On-site Service) ภายใน 4 ชั่วโมง รวมถึงการให้บริการให้คำปรึกษาทางด้านระบบ
นายทวีศักดิ์ แสงทอง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าวว่า ปัจจุบันองค์กรทุกขนาด โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มบี กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านการจัดการข้อมูลที่มีการเติบโตอย่างมหาศาล ปพลิเคชันที่ซับซ้อน และต้องดูแลจัดการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบที่มีอยู่ภายใต้งบประมาณที่จำกัด และเนื่องจากธุรกิจกลุ่มนี้เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย องค์กรเหล่านี้จึงต้องการโซลูชันจัดเก็บข้อมูลที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องติดตั้งและใช้งานง่ายด้วย
ด้านช่องทางจำหน่ายจะขายผ่านคู่ค้าของเอเซอร์ที่เป็นเอสไอ โดยตั้งเป้ายอดขายในปีหน้าไว้ที่ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300 ล้านบาท โดยจะมาจากลูกค้าที่เพิ่งเริ่มใช้งานประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีส่วนแบ่งในตลาดนี้ประมาณ 35% และจากตลาดขนาดกลาง 3 ล้านเหรียญ คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มนี้ประมาณ 10%
นายอลัน เจียง กล่าวถึงตลาดโน้ตบุ๊กในปีหน้าว่า จะมีการแข่งขันกันสูง ซึ่งจะเห็นราคาต่ำลงมาในระดับ 2 หมื่นบาท ซึ่งใกล้เคียงกับราคาเดสก์ทอป นอกจากนี้ รูปแบบหรือดีไซน์จะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยจะเห็นรูปแบบที่มีความกะทัดรัด จอมีขนาดเล็กกว่า 12 นิ้ว และการทำตลาดจะมีความชัดเจนระหว่างคอนซูเมอร์ กับคอมเมอร์เชียล โดยเฉพาะฟีเจอร์ ซึ่งคอนซูเมอร์จะมีฟีเจอร์ของความบันเทิง ขณะที่คอมเมอร์เชียล จะเป็นเรื่องของระบบความปลอดภัย ความทนทานเป็นต้น
สำหรับเป้ายอดขายรวมของเอเซอร์โดยรวมในปีหน้าตั้งไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทโน้ตบุ๊ก 60% เดสก์ทอป 20% ที่เหลือเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงกับเซิร์ฟเวอร์
Company Related Links :
Acer
HDS