xs
xsm
sm
md
lg

สัมภาษณ์ : "เบ็นคิว"ตั้งเป้าผงาด1ใน3ตลาดโน้ตบุ๊ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จับตาการเข้ามาลุยตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเบ็นคิว (ประเทศไทย) ภายใต้การนำของ “พัทธกร พรศิริธิเวช” Business Development Manager ที่ประกาศจะสร้างแบรนด์เบ็นคิวให้ติด 1 ใน 5 ภายในปีนี้ ก่อนก้าวสู่อันดับ 1 ใน 3 ในสเต็มต่อไป โดยสะท้อนถึงมุมมองและวิสัยทัศน์ผ่าน “ผู้จัดการรายวัน”

แผนธุรกิจด้านโน้ตบุ๊ก

เบ็นคิวจะเน้นเรื่องคุณภาพของเครื่อง อย่างจอเราผลิตเอง หรืออุปกรณ์อีกหลายๆ อย่าง ทำให้เราคอนโทรลภาพรวมได้ทุกๆ ชิ้นส่วน โดยวางเป้าไว้ว่าจะต้องติด 1 ใน 5 ให้ได้ภายในปีนี้ ส่วนการตลาดครึ่งปีหลังเราวางแผนที่จะสร้างแบรนด์ให้คนรู้จัก JoyBookมากขึ้น ซึ่งคงต้องเน้นเรื่องอินเทอร์เน็ต มาร์เก็ตติ้ง เพื่อเจาะเข้าถึงยูสเซอร์ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของ JoyBook จะอยู่ที่ 20-30 ปี พวกนักศึกษา วัยทำงาน เซลส์ หรือคนทำงานออฟฟิศ ซึ่งอินเทอร์เน็ต มาร์เก็ตติ้งจะเข้าถึงได้ดี เพราะเรามีการสำรวจเก็บข้อมูลเหมือนกัน

ส่วนที่ 2 จะเป็นการทำโรดโชว์ตามมหาวิทยาลัย ให้นักเรียน นักศึกษารู้จักเบ็นคิวมากขึ้น เราอาจจะมีโปรโมชันแคมเปญต่างๆ ที่จะให้กับกลุ่มนักเรียน เพราะเรามองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่

ช่องทางจัดจำหน่ายจะเป็นอย่างไร

ถ้าเป็นช่องทางจัดหลักจะมีซินเน็ค เดอะ แวลลู ซิสเต็มส์ และไอที ซิตี้ เราคงไม่เพิ่มในส่วนนี้ ที่จะเพิ่มคงเป็นดีลเลอร์ ในกรุงเทพฯเราจับลูกค้าดีลเลอร์รายใหญ่ๆ ได้หมดแล้ว ที่ขายแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างเอชพี เอเซอร์ ก็ขายเบ็นคิวหมด ส่วนชานเมืองรอบกรุงเทพฯ คงเพิ่มดีลเลอร์มากขึ้น ที่สำคัญในต่างจังหวัด ทั้งภาคอีสาน เหนือ ใต้ คงเพิ่มฐานดีลเลอร์ให้มากขึ้น

มองเรื่องโมบิลิตี้อย่างไร

เบ็นคิวค่อนข้างมีจุดขายที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น เพราะตั้งแต่เปิดตัวมาเพื่อประมาณ 4 ปี เราก็เน้นเรื่องบาง เบา จอไวด์สกรีน ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของเบ็นคิว อีกส่วนหนึ่งคือเน้นเรื่องดีไซน์ เซกเมนต์เราชัดเจนคือจับกลุ่มโมบิลิตี้อยู่แล้ว อย่างจอ 14 นิ้วดูค่อนข้างบาง 2.3 กก. จุดแข็งของเบ็นคิวจอ 13.3 นิ้ว น้ำหนักแค่ 2 กก.เท่านั้น 13 นิ้วเป็นจุดแกร่งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น และน่าจะขายดีที่สุดในตลาด เพราะแบรนด์ใหญ่ๆ เขาก็โฟกัส 14 นิ้ว และเรามีสินค้าค่อนข้างครบเซกเมนต์ตั้งแต่ 2 หมื่นต้นๆ จนถึง 3 หมื่นบาท ตรงนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่แข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ได้ ในเรื่องโมบิลิตี้

มีผลิตภัณฑ์ในตลาดกี่รุ่น

ถ้าตั้งแต่เริ่มทำตลาดมีประมาณ 20 รุ่น ปัจจุบันมีประมาณ 6-7 รุ่น แต่ละรุ่นที่มีรูปลักษณ์หน้าตาแตกต่างกัน คือเป็นลักษณะซีรี่ส์ เราพยายามโฟกัสไม่ให้โมเดลมากเกินไป จนยูสเซอร์ไม่สามารถจับต้องได้ พนักงานขายถ้ามันมีมากเขาก็ไม่โฟกัส อย่างดีลเลอร์ก็ไม่รู้จะโฟกัสรุ่นไหน รุ่นขายดีก็คือตัวที่วิ่งเร็ว ราคาก็ตั้งแต่ 1.8-1.9 หมื่นบาท จับกลุ่มที่ต้องการใช้งานอย่างเดียว ดูอินเทอร์เน็ต ทำการบ้าน ไม่สนใจประสิทธิภาพมาก อีกรุ่นก็จะเป็น 13 นิ้ว ชิปเซเลอรอนราคา 2.19 หมื่นบาท ไม่แพงมาก มีดีไซน์สวยสีขาว กลุ่มบนก็ราคา 2 หมื่นกลางๆ ถึง 3 หมื่นกว่าบาท

ภาพการแข่งขันครึ่งปีหลัง

น่าจะแข่งขันกันรุ่นแรงเหมือนครึ่งปีแรก แต่จุดแกร่งของเบ็นคิวคือเรามีโมเดลใหม่ที่ออกมา 4-5 รุ่น ซึ่งมีจุดแข็งที่แตกต่าง อย่างรุ่นเอส 41 ไฮเอนด์มาก เป็นเอ็นมีเดียจีฟอช มีไฮเดฟฟิเนชั่น เอาต์พุช ขนาด 14 นิ้ว ซึ่งเป็นอะไรที่ลูกค้ามองหา และยังไม่มีในตลาด ราคาอยู่ที่ 3.9 หมื่นบาท ถ้าเป็นคู่แข่งอาจจะอยู่ที่ 4-5 หมื่นบาท แล้วก็เปิดตัวรุ่น 13 นิ้วอีกหลายรุ่น ซึ่งเป็นจุดแข็งที่แตกต่าง ทำให้เราได้เปรียบ เพราะเป็นผู้ผลิตซัปพลาย เป็นเจ้าของเทคโนโลยีหลายอย่าง สามารถที่จะออกสเปกที่แตกต่างจากชาวบ้าน เป็นจุดขายที่แตกต่าง สร้างจุดขายให้พนักงานขายสามารถที่จะไฮไลท์ให้ลูกค้าได้

การแข่งขันยังคงเป็นเรื่อราคาหรือไม่

ผมว่ายังคงเป็นเรื่องราคา เปรียบเทียบสเปกราคา ถ้าเทียบกับแบรนด์ใหญ่ ถ้าสเปกเท่ากัน ราคาเราเท่าหรือถูกกว่าก็ทำให้เราขายดี

โน้ตบุ๊กเบ็นคิววางตำแหน่งในตลาดอย่างไร

โพสิชันนิ่งของโน้ตบุ๊กเบ็นคิวเน้นบาง เบา และไวด์สกรีน อย่างดีลเลอร์สำรวจตลาดกับผู้บริโภคถึงความรู้สึกกับเบ็นคิว จะเห็นว่าเราไม่ชนกับคนอื่น คือเน้นวัสดุพรีเมี่ยม ดีไซน์ ราคาไม่แพง อย่างต้องการรุ่นเล็กๆ ก็จะเป็น 13 นิ้ว หรือที่ชอบความคมชัดสูง ก็เป็นซีโรไวด์ดอทถ้ามีปัญหาเราเปลี่ยนจอให้ เซกเมนต์เราค่อนข้างชัดเจนคือบาง เบา ตัวเล็ก เราคงไม่เปรียบเทียบมาตรฐานกับแบรนด์อื่น เพราะไม่ค่อยมีแบรนด์ไหนที่พูดเรื่องพวกนี้ กลุ่มคนที่ซื้อเบ็นคิวคือต้องการคุณภาพจอ อย่างแอลซีดี มอนิเตอร์ทุกวันนี้เราก็ขายดี กลุ่มเป้าหมายอีกส่วนคือคนที่เคยใช้แอลซีดี เคยใช้โปรเจกเตอร์ของเบ็นคิวแล้วมั่นใจในคุณภาพ พอเห็นโน้ตบุ๊กของเบ็นคิวก็ซื้อ ซึ่งกลุ่มนี้มีค่อนข้างมาก

มีการบันเดิลกับสินค้าในกลุ่มหรือไม่

ที่ผ่านมาก็เคยบันเดิลกับโปรเจกเตอร์ บางครั้งก็ทำกับกล้องดิจิตอล เราพยายามหาสินค้าที่คนซื้อไปแล้วใช้ 2 โปรดักส์ได้ในเวลาเดียวกัน

ที่ทำไปประสบความสำเร็จแค่ไหน

ก็ระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จมาก เนื่องจากบางคนอยากได้สินค้าอย่างเดียว บางคนอยากได้โน้ตบุ๊กไม่ต้องการกล้อง ถ้าบันเดิลกล้องแล้วราคาสูงขึ้นมาหน่อยเข้าก็ไม่เอา

ร่วมงานคอมมาร์ตยอดขายเป็นอย่างไร

ยอดขายดี เราโตขึ้น 20-30% ทุกๆ คอมมาร์ต ที่ผ่านมาทุกแบรนด์บอกว่ายอดไม่ขึ้น เพราะช่วงต้นปีจะแรงกว่ากลางปี แต่เบ็นคิวโตขึ้นทุกงาน เราได้ประมาณพันกว่าตัว

จะขึ้นไปเบียดแชมป์อย่างเอเซอร์ได้หรือไม่

ผมว่าเป็นเป้าหมายที่เร็วเกินไปสำหรับเบ็นคิว ผมตั้งเป้าไว้อย่างนี้คือว่า เราเข้ามาปีนี้เป็นปีที่ 4 ขณะที่เอเซอร์ เอชพี เข้ามากว่า 20 ปี เขาต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการสร้างระบบ สร้างแบรนด์ ผมว่าเบ็นคิวค่อยๆ สร้างระบบ ทิศทางที่เราไปถือว่าถูกแล้ว เรื่องต้นทุนเรื่องราคาที่ดีขึ้น สามารถทำสินค้าให้แข่งขันได้

สเต็ปปีนี้ผมตั้งเป้าติด 1 ใน 5 อันดับหนึ่ง สอง ยังห่างสามมาก ถ้าผมติด 1 ใน 5 สเต็ปต่อไปคือ 1 ใน 3 ถ้าติด 1 ใน 2 คงยาก เพราะเขาใช้เวลาสร้างมาค่อนข้างนาน เราใช้เวลายังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนห้าเขา แต่ผมว่าเราไปถึงจุดนั้นได้ เพราะสเกลของเราใหญ่มาก เราโตมาจากโออีเอ็ม โตมาจากซัปพลาย โตจากคีย์บอร์ด เมาส์ จอแอลซีดี เราผลิตเองหมด ผมว่าคนที่จะอยู่ในตลาดตรงนี้ได้ ต้องเป็นซัปพลาย โพรวายเดอร์ เบ็นคิวก็เป็นซัปพลาย โปรวายเดอร์ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่เสริมให้เบ็นคิว สักวันหนึ่งเราจะไปถึงระดับหนึ่งหรือสอง แต่คงใช้เวลาไม่เท่าคู่แข่ง

โรงงานที่ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ที่ไหน

ส่วนใหญ่อยู่ไต้หวันกับเมืองจีน ที่ผลิตจอแห่งใหญ่อยู่ที่จีน ปัจจุบันเรามีโรงงานผลิตหลายเวอร์ชัน ผลิตจอใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

มีแผนจะย้ายฐานมาไทยหรือไม่

ปัจจุบันยังไม่มี โรงงานที่ใหญ่ก็อยู่ที่จีน อาจจะเป็นเรื่องต้นทุน คุณภาพการผลิตที่จีนตอนนี้ก็ดีขึ้น

มองโน้ตบุ๊กโลคัลแบรนด์อย่างไร

ผมว่าขณะนี้จะเห็นน้อยมาก สเกลยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ รีเทลจะเห็นก็แค่เอสวีโอเอ เพราะการแข่งขันอินเตอร์แบรนด์ราคาก็บีบลงมาต่ำมาก คือราคาเท่ากันแน่นอนคนเลือกอินเตอร์แบรนด์อยู่แล้ว เพราะความหรูหราในการดีไซน์ จะได้เปรียบมากกว่า ทำให้โลคัลแบรนด์ค่อนข้างลดลง คืออีคอโนมี่ ออฟ สเกลเขาไม่ได้ เพราะโน้ตบุ๊กแบรนด์อินเตอร์เขาขายทั่วโลก ต้นทุนค่อนข้างดี

ตลาดองค์กรของเบ็นคิวเป็นอย่างไร

ตลาดองค์กรยังมีไม่มาก 80% เป็นรีเทลทั้งหมด 20% เป็นองค์กร ตลาดนี้ต้องใช้เวลาสร้าง แบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาไม่มีใครไปเล่นตลาดองค์กรเลย เพราะอย่างหน่วยงานต่างๆ ที่เลือกใช้ อย่างคนที่ทำโครงการราชการก็ใช้แบรนด์ที่เขาเคยใช้ที่เขารู้จัก กลยุทธ์ผมคงค่อยๆ สร้างเบ็นคิวให้เป็นที่รู้จักในตลาด อย่างโปรเจกเตอร์คนเริ่มรู้จัก เพราะเข้าตลาดมานาน ผมว่าครึ่งปีหลังถึงปีหน้าเราจะเริ่มโฟกัสตลาดองค์กรมากขึ้น

จะทำอย่างไรในการสร้างแบรนด์

อย่างแรกคงเป็นการผลักดัน เพราะเรื่องแบรนดิ้งในคอร์ปอเรตไม่มีสื่ออะไรชัดเจน คงเป็นการซัปพอร์ตเรื่องสื่อ ซื้อสื่อเขา เข้าร่วมงานเทรดดิ้ง งานแฟร์ เพราะให้เขารู้จักเรามากขึ้น

ถ้าเป็นตลาดทั่วไป

ปีที่สี่ขึ้นปีที่ห้าคนรู้จักเบ็นคิวมากขึ้น เมื่อก่อนขายเบ็นคิวอาจต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่ปัจจุบันใช้เวลา 5-10 นาทีก็ปิดการขายได้ เพราะคนเริ่มรู้จักเรามากขึ้น

งบการตลาดใช้มากหรือไม่

ก็หลาย 10 ล้านบาท อย่างโน้ตบุ๊กงบมาร์เก็ตติ้งทั้งหมดปีนี้วางไว้ 30 ล้านบาท ส่วนปีหน้าที่จะรุกหนักอาจถึง 50 ล้านบาท เพราะเราต้องการโตเป็น 2 เท่า คือติด 1 ใน 5 จากนั้นก็ต้องเป็น 1 ใน 3 ถ้าถึงตรงนี้เราต้องทำยอดขายให้ได้เดือนละ 5 พันเครื่อง โดยปีนี้เราตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 2.5 หมื่นเครื่อง

Company Related Links :
BenQ
กำลังโหลดความคิดเห็น