xs
xsm
sm
md
lg

ไอทีตะวันตกจับมือออกมาตรการรักษ์โลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยักษ์ใหญ่วงการไอทีประกาศร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการจัดการกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรับมือภาวะวิกฤตจากธรรมชาติแล้ว นำโดย ไมโครซอฟท์ ฮิวเล็ตต์แพกการ์ด ฟิลิปส์ รวมถึงหลายองค์กรจากภาครัฐ และสถาบันการศึกษาจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายไปที่การรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

กลุ่มดังกล่าวจะร่วมมือกันภายใต้ชื่อโครงการ StEP (Solving the E-waste Problem) โดยจะมีแผนงานต่าง ๆ ออกมามากมายในเร็ววันนี้ เช่น การออกแนวทางการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการกระตุ้นในบริษัทต่าง ๆ มีจิตสำนึกในการผลิตสินค้าให้มากขึ้น มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่าจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวด้วยการผลิตของใช้ที่เสื่อมอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นขยะพิษอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

จากข้อมูลที่ทางกลุ่มเปิดเผยออกมาพบว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์เช่น เตาไมโครเวฟ ถ่านแบตเตอรี่ เครื่องถ่ายเอกสาร ไดร์เป่าผม ล้วนแล้วแต่ปล่อยสารพิษออกสู่ธรรมชาติทั้งสิ้น และเมื่อหมดอายุการใช้งาน หลายคนนำไปทิ้งโดยไม่ทราบว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้นจะปล่อยสารเคมี หรือโลหะหนักที่เป็นอันตรายออกสู่ธรรมชาติอีกมากมายเท่าไร นอกจากนี้ ในปริมาณขยะทั้งหมดที่เก็บได้จากทั่วโลก ขยะอิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นขยะที่มีปริมาณสูงที่สุดด้วย คิดเป็น 40 ล้านเมตริกตันต่อปี

นอกจากนโยบายและบทบาทที่จะดำเนินการแล้ว ทางกลุ่มยังมีแผนจะจัดทำโลโก้ เพื่อใช้สำหรับแปะลงบนสินค้าของบริษัทที่มีกระบวนการกำจัด และแยกชิ้นส่วนดังที่กำหนดไว้ในไกด์ไลน์ด้วย ซึ่งเชื่อว่าบริษัทที่เข้าร่วมกับโครงการของ StEP จะได้รับประโยชน์จากการริเริ่มมาตรการดังกล่าว เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่ใช้เป็นสากลทั่วโลก มีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยลดการใช้พลังงานรวมถึงการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย พร้อมเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาด้านการขึ้นราคาสินค้าเมื่อบริษัทไอทีนำมาตรการดังกล่าวไปใช้ หรือตกเป็นภาระของผู้บริโภคในท้ายที่สุดแน่นอน เพราะทางกลุ่มอ้างว่าราคาสินค้าจะขึ้นอยู่กับกลไกตลาด

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน หลายบริษัทได้มีการรวมค่ากำจัดขยะเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้า ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตสินค้าไอทีในสหภาพยุโรป ที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทต้องมีกระบวนการรีไซเคิล และการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการกำหนดตัวบทกฎหมายดังกล่าว ทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลายบริษัทหลบเลี่ยงต้นทุนดังกล่าวด้วยการทำสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า นั่นคือ การย้ายฐานการผลิตจากประเทศตนเองมายังประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบเอเชีย ที่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ และขาดกฎหมายการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมโลกต้องสูญเสียความสมดุลทางธรรมชาติไปในที่สุด และกลายเป็นแหล่งสะสมสารพิษตกค้างในธรรมชาติอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เรียบเรียงจากรอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น