จีเอ็มเอ็มดีสลัดสิ่งที่ไม่ถนัด โฟกัสเรื่องเชี่ยวชาญ ประสานพันธมิตรรอบด้าน ทำตลาดเชิงรุกดิจิตอลคอนเทนต์แบบเซ็นทริก ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ โดยอาศัยคอนเทนต์ที่มีอยู่ในมือซึ่งกินแชร์กว่า 70% ดันรายได้ปีนี้ 500 ล้านบาท หรือโต 34%
นายสุวัฒน์ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทจีเอ็มเอ็ม ดิจิทัล โดเมน( GMMD) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจว่า ปีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของแกรมมี่สู่ยุคธุรกิจดิจิตอลอย่างแท้จริง ด้วยกลยุทธ์ 3 อย่างคือ 1.เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การจัดเก็บรายได้ของสินค้าและบริการที่ถูกกฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจมิวสิก ดิจิตอลของเอเชียและไทยมีแนวโน้มที่ดี ชัดเจน และมีสัญญาณว่าจะก้าวสู่ยุคดิจิตอลเต็มตัว 2.โอกาสทางการตลาดที่จะสร้างรายได้จากสินค้าและบริการที่ถูกกฎหมายมีมากอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นโอกาสที่สอดคล้องกับจุดแข็งของแกรมมี่ 3.การใช้กลยุทธ์ร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้นำของธุรกิจดิจิตอล โดย GMMD จะเน้นการเป็นผู้บริหารคอนเทนต์หรือทำในสิ่งที่ถนัด
ทั้งนี้แนวโน้มดิจิตอล มิวสิกจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยรายได้มาจาก 2 กลุ่มหลักคือ โมบายซึ่งจะยังคงมีส่วนแบ่งประมาณ 90% และที่เหลือเป็นอินเทอร์เน็ต ในส่วนของโมบายจะมีเลขหมายเพิ่มขึ้นในปีนี้ประมาณ 15% หรือ 40 กว่าล้านเลขหมายจาก 35 ล้านเลขหมายในปี 49 ส่วนอินเทอร์เน็ตคาดการณ์ว่าจะมียอดผู้ใช้ประมาณ 10 ล้านคน โตกว่าปี 49 ประมาณ 10%
ทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มของเอเชียจากข้อมูลของไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์เคยประเมินไว้ว่า ปี 2005 ตลาดเอเชียที่มีมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ จะเติบโตไปเป็น 5.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2010 หรือเติบโตในอัตราเฉลี่ย 23% ต่อปี โดย 4.8 พันล้านมาจากโมบาย และอีก 1 พันล้านมาจากอินเทอร์เน็ต
ปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดโตมาจาก 4 เรื่องคือ 1.การมีคอนเทนต์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2.การมีอุปกรณ์และบริการเกิดใหม่ 3.การขยายตัวของบรอดแบนด์ และ 4.กลยุทธ์ราคาที่ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
นายสุวัฒน์กล่าวว่า ถึงแนวโน้มจะดี แต่โอกาสทางการตลาดของการจัดเก็บรายได้ของบริการที่ถูกกฎหมายก็ต้องเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ทำตามกระแส ปัจจุบันโอกาสทางการตลาดสูงมากคือ ด้านโมบาย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ 1.กลุ่มที่ใช้บริการของ GMMD อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีประมาณ 5 ล้านเลขหมาย จากจำนวนผู้สามารถใช้บริการเสริมได้ 12 ล้านเลขหมายของผู้ใช้มือถือทั้งหมด 35 ล้านเลขหมาย 2.กลุ่มที่ยังไม่เคยใช้บริการของ GMMD อีก 7 ล้านเลขหมาย ต้องสร้างการทดลองใช้ และ 3.กลุ่มในอนาคตซึ่งจะโตขึ้น คือ ผู้ใช้โทรศัพท์ที่จะอัพเกรดเครื่องมาใช้บริการเสริมได้หรืออีกมากกว่า 23 ล้านเลขหมาย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนคือ โอเปอร์เรเตอร์มือถือปีนี้จะผลักดันให้เข้าสู่ยุคนอนอวยซ์ คอนเทนท์เพลงถือเป็นส่วนสำคัญและแกรมมี่มีคอนเทนท์เพลงมากที่สุด โดยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% จึงมีโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้น
นายสุวัฒน์กล่าวถึงกลยุทธ์ของ GMMD ในส่วนโมบายว่า จะเน้น 1.กลุ่มที่ใช้บริการ GMMD อยู่แล้ว กระตุ้นให้ใช้เพิ่มขึ้นด้วยการสร้างสรรค์คอนเทนต์และบริการเสริมใหม่ๆให้หลากหลายมากขึ้น 2.กลุ่มผู้ที่เครื่องสามารถใช้บริการเสริมได้ แต่ยังไม่เคยลองบริการของ GMMD สร้างการทดลองด้วยการออกแคมเปญร่วมกับโอเปอร์เรเตอร์ ใช้กลยุทธ์ราคาหลายระดับเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นตามกำลังซื้อของตัวเอง สร้างบริการให้ใช้ง่าย 3.สำหรับกลุ่มที่เริ่มจะอัพเกรดเครื่องมาใช้บริการเสริมได้ GMMD จะใช้กลยุทธ์บันเดิล เพื่อเพิ่มช่องทางบริการดาวน์โหลด โดยร่วมกับกลุ่มร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และกลุ่มผู้ขายมือถือ
ด้านอินเทอร์เน็ต ทั้งราคาคอมพิวเตอร์และชั่วโมงอินเทอร์เน็ตที่ถูกลง และการที่คนรุ่นใหม่ใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดดิจิตอล มิวสิกเติบโตขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยนิยมเว็บบันเทิงมากที่สุด กลยุทธ์ในส่วนของอินเทอร์เน็ตมีทั้งการทำการตลาดกับเจ้าตลาดด้านพีซี เช่น HP ทำการบันเดิลโปรแกรม IKEY เวอร์ชันที่สามารถดาวน์โหลดและร้องคาราโอเกะให้บริการ Singing online
“จากปัจจัยดังกล่าวสิ่งที่ GMMD จะทำในปีนี้ จึงเป็นการสร้างพฤติกรรมบริโภคดิจิตอล มิวสิกให้เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ สไตล์ เราจะรุกหนักทั้งออนไลน์ และออฟไลน์แบบเซ็นทริก”
ขณะเดียวกันจะร่วมมือ 5 กลุ่มพันธมิตรเพิ่มช่องทางกับสร้างบริการใหม่ 2 ด้าน คือให้บริการหรือสร้างโปรดักส์ที่เน้น Customer Centric ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และร่วมมือกับพันธมิตรหรือ Strategic Partner เพื่อช่วยกันสร้างไลฟ์ สไตล์นี้ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งกลยุทธ์คือการเน้นบทบาทผู้บริหารคอนเทนต์ ไม่ลงทุนในฮาร์ดแวร์ที่ไม่ถนัดอันเป็นการลดความเสี่ยงของธุรกิจ และสรรหาพันธมิตรซึ่งเป็นผู้นำใน 5 กลุ่มสำคัญของธุรกิจดิจิตอล เพื่อร่วมกันกระตุ้นตลาดหรือสร้างพฤติกรรมให้เกิดโดยการเพิ่มช่องทางเข้าถึงผู้บริโภค
“ปีนี้เราจะไม่ทำในสิ่งที่เราไม่ถนัด จะเป็นการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ แล้วแบ่งรายได้กัน”
พันธมิตรทั้ง 5 กลุ่มประกอบด้วย 1.กลุ่มโอเปเรเตอร์มือถือ อย่างเอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟเพื่อเพิ่มการใช้บริการเสริมของโมบาย เน้นการทำแคมเปญด้วยกลยุทธ์หลายทางเลือก และให้ลูกค้าโหลดฟรีเพื่อให้เกิดการทดลองใช้ 2.กลุ่มท็อปไฟว์เว็บไซต์บันเทิง อย่าง sanook.com, pantip.com ,krapook.com, thai2hand.com ซึ่งมีผู้ใช้รวมกันกว่า 10 ล้านรายเมื่อร่วมกับของ GMMD อีก 1 ล้านราย จะเกิดชุมชนหรือคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ ที่จะแลกเปลี่ยนทางธุรกิจกัน และมีแผนจะเพิ่มพาร์ตเนอร์ด้านนี้อีกในอนาคต ขณะเดียวกันก็เพิ่มช่องทางการขายคอนเทนต์ โดยการทำตลาดร่วมกัน ทั้งโปรโมชันพิเศษหรือนำคอนเทนต์ของแกรมมี่ไปจัดแสดงหรือดิสเพลย์อยู่ในเว็บเหล่านี้แล้วจัดแบ่งรายได้ร่วมกัน
3.กลุ่ม device หรือเครื่องมือ ประกอบด้วย HP, Nokia, Samart, IMobile,Ipod ซึ่ง GMMD จะนำคอนเทนต์ไปบันเดิล เข้ากับกลุ่มนี้เพื่อขยายช่องทางการขาย 4.กลุ่มแอปพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มตัวแทนหลักในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัทเตียวฮง ไพศาล ซึ่งจะซัปพอร์ตเรื่องของซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างบริการใหม่ๆ เช่น karaoke online และ Music Game ซึ่งใกล้จะเปิดตัวในเร็ววันนี้ 5.กลุ่มผู้จัดจำหน่ายอย่างร้านสามารถช้อปของกลุ่มสามารถ ให้บริการดาวน์โหลดเพลงลงบนอุปกรณ์ต่างๆ
จากยุทธศาสตร์ที่ GMMD วางไว้ เชื่อว่าจะสร้างรายได้ปีนี้ได้ประมาณ 500 ล้านบาท หรือโตขึ้น 34% คิดเป็น 17% ของกลุ่มแกรมมี่ ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 6,500 ล้านบาท
Company Related Links :
GmmGrammy
นายสุวัฒน์ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทจีเอ็มเอ็ม ดิจิทัล โดเมน( GMMD) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจว่า ปีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของแกรมมี่สู่ยุคธุรกิจดิจิตอลอย่างแท้จริง ด้วยกลยุทธ์ 3 อย่างคือ 1.เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การจัดเก็บรายได้ของสินค้าและบริการที่ถูกกฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจมิวสิก ดิจิตอลของเอเชียและไทยมีแนวโน้มที่ดี ชัดเจน และมีสัญญาณว่าจะก้าวสู่ยุคดิจิตอลเต็มตัว 2.โอกาสทางการตลาดที่จะสร้างรายได้จากสินค้าและบริการที่ถูกกฎหมายมีมากอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นโอกาสที่สอดคล้องกับจุดแข็งของแกรมมี่ 3.การใช้กลยุทธ์ร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้นำของธุรกิจดิจิตอล โดย GMMD จะเน้นการเป็นผู้บริหารคอนเทนต์หรือทำในสิ่งที่ถนัด
ทั้งนี้แนวโน้มดิจิตอล มิวสิกจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยรายได้มาจาก 2 กลุ่มหลักคือ โมบายซึ่งจะยังคงมีส่วนแบ่งประมาณ 90% และที่เหลือเป็นอินเทอร์เน็ต ในส่วนของโมบายจะมีเลขหมายเพิ่มขึ้นในปีนี้ประมาณ 15% หรือ 40 กว่าล้านเลขหมายจาก 35 ล้านเลขหมายในปี 49 ส่วนอินเทอร์เน็ตคาดการณ์ว่าจะมียอดผู้ใช้ประมาณ 10 ล้านคน โตกว่าปี 49 ประมาณ 10%
ทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มของเอเชียจากข้อมูลของไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์เคยประเมินไว้ว่า ปี 2005 ตลาดเอเชียที่มีมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ จะเติบโตไปเป็น 5.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2010 หรือเติบโตในอัตราเฉลี่ย 23% ต่อปี โดย 4.8 พันล้านมาจากโมบาย และอีก 1 พันล้านมาจากอินเทอร์เน็ต
ปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดโตมาจาก 4 เรื่องคือ 1.การมีคอนเทนต์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2.การมีอุปกรณ์และบริการเกิดใหม่ 3.การขยายตัวของบรอดแบนด์ และ 4.กลยุทธ์ราคาที่ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
นายสุวัฒน์กล่าวว่า ถึงแนวโน้มจะดี แต่โอกาสทางการตลาดของการจัดเก็บรายได้ของบริการที่ถูกกฎหมายก็ต้องเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ทำตามกระแส ปัจจุบันโอกาสทางการตลาดสูงมากคือ ด้านโมบาย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ 1.กลุ่มที่ใช้บริการของ GMMD อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีประมาณ 5 ล้านเลขหมาย จากจำนวนผู้สามารถใช้บริการเสริมได้ 12 ล้านเลขหมายของผู้ใช้มือถือทั้งหมด 35 ล้านเลขหมาย 2.กลุ่มที่ยังไม่เคยใช้บริการของ GMMD อีก 7 ล้านเลขหมาย ต้องสร้างการทดลองใช้ และ 3.กลุ่มในอนาคตซึ่งจะโตขึ้น คือ ผู้ใช้โทรศัพท์ที่จะอัพเกรดเครื่องมาใช้บริการเสริมได้หรืออีกมากกว่า 23 ล้านเลขหมาย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนคือ โอเปอร์เรเตอร์มือถือปีนี้จะผลักดันให้เข้าสู่ยุคนอนอวยซ์ คอนเทนท์เพลงถือเป็นส่วนสำคัญและแกรมมี่มีคอนเทนท์เพลงมากที่สุด โดยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% จึงมีโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้น
นายสุวัฒน์กล่าวถึงกลยุทธ์ของ GMMD ในส่วนโมบายว่า จะเน้น 1.กลุ่มที่ใช้บริการ GMMD อยู่แล้ว กระตุ้นให้ใช้เพิ่มขึ้นด้วยการสร้างสรรค์คอนเทนต์และบริการเสริมใหม่ๆให้หลากหลายมากขึ้น 2.กลุ่มผู้ที่เครื่องสามารถใช้บริการเสริมได้ แต่ยังไม่เคยลองบริการของ GMMD สร้างการทดลองด้วยการออกแคมเปญร่วมกับโอเปอร์เรเตอร์ ใช้กลยุทธ์ราคาหลายระดับเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นตามกำลังซื้อของตัวเอง สร้างบริการให้ใช้ง่าย 3.สำหรับกลุ่มที่เริ่มจะอัพเกรดเครื่องมาใช้บริการเสริมได้ GMMD จะใช้กลยุทธ์บันเดิล เพื่อเพิ่มช่องทางบริการดาวน์โหลด โดยร่วมกับกลุ่มร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และกลุ่มผู้ขายมือถือ
ด้านอินเทอร์เน็ต ทั้งราคาคอมพิวเตอร์และชั่วโมงอินเทอร์เน็ตที่ถูกลง และการที่คนรุ่นใหม่ใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดดิจิตอล มิวสิกเติบโตขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยนิยมเว็บบันเทิงมากที่สุด กลยุทธ์ในส่วนของอินเทอร์เน็ตมีทั้งการทำการตลาดกับเจ้าตลาดด้านพีซี เช่น HP ทำการบันเดิลโปรแกรม IKEY เวอร์ชันที่สามารถดาวน์โหลดและร้องคาราโอเกะให้บริการ Singing online
“จากปัจจัยดังกล่าวสิ่งที่ GMMD จะทำในปีนี้ จึงเป็นการสร้างพฤติกรรมบริโภคดิจิตอล มิวสิกให้เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ สไตล์ เราจะรุกหนักทั้งออนไลน์ และออฟไลน์แบบเซ็นทริก”
ขณะเดียวกันจะร่วมมือ 5 กลุ่มพันธมิตรเพิ่มช่องทางกับสร้างบริการใหม่ 2 ด้าน คือให้บริการหรือสร้างโปรดักส์ที่เน้น Customer Centric ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และร่วมมือกับพันธมิตรหรือ Strategic Partner เพื่อช่วยกันสร้างไลฟ์ สไตล์นี้ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งกลยุทธ์คือการเน้นบทบาทผู้บริหารคอนเทนต์ ไม่ลงทุนในฮาร์ดแวร์ที่ไม่ถนัดอันเป็นการลดความเสี่ยงของธุรกิจ และสรรหาพันธมิตรซึ่งเป็นผู้นำใน 5 กลุ่มสำคัญของธุรกิจดิจิตอล เพื่อร่วมกันกระตุ้นตลาดหรือสร้างพฤติกรรมให้เกิดโดยการเพิ่มช่องทางเข้าถึงผู้บริโภค
“ปีนี้เราจะไม่ทำในสิ่งที่เราไม่ถนัด จะเป็นการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ แล้วแบ่งรายได้กัน”
พันธมิตรทั้ง 5 กลุ่มประกอบด้วย 1.กลุ่มโอเปเรเตอร์มือถือ อย่างเอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟเพื่อเพิ่มการใช้บริการเสริมของโมบาย เน้นการทำแคมเปญด้วยกลยุทธ์หลายทางเลือก และให้ลูกค้าโหลดฟรีเพื่อให้เกิดการทดลองใช้ 2.กลุ่มท็อปไฟว์เว็บไซต์บันเทิง อย่าง sanook.com, pantip.com ,krapook.com, thai2hand.com ซึ่งมีผู้ใช้รวมกันกว่า 10 ล้านรายเมื่อร่วมกับของ GMMD อีก 1 ล้านราย จะเกิดชุมชนหรือคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ ที่จะแลกเปลี่ยนทางธุรกิจกัน และมีแผนจะเพิ่มพาร์ตเนอร์ด้านนี้อีกในอนาคต ขณะเดียวกันก็เพิ่มช่องทางการขายคอนเทนต์ โดยการทำตลาดร่วมกัน ทั้งโปรโมชันพิเศษหรือนำคอนเทนต์ของแกรมมี่ไปจัดแสดงหรือดิสเพลย์อยู่ในเว็บเหล่านี้แล้วจัดแบ่งรายได้ร่วมกัน
3.กลุ่ม device หรือเครื่องมือ ประกอบด้วย HP, Nokia, Samart, IMobile,Ipod ซึ่ง GMMD จะนำคอนเทนต์ไปบันเดิล เข้ากับกลุ่มนี้เพื่อขยายช่องทางการขาย 4.กลุ่มแอปพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มตัวแทนหลักในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัทเตียวฮง ไพศาล ซึ่งจะซัปพอร์ตเรื่องของซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างบริการใหม่ๆ เช่น karaoke online และ Music Game ซึ่งใกล้จะเปิดตัวในเร็ววันนี้ 5.กลุ่มผู้จัดจำหน่ายอย่างร้านสามารถช้อปของกลุ่มสามารถ ให้บริการดาวน์โหลดเพลงลงบนอุปกรณ์ต่างๆ
จากยุทธศาสตร์ที่ GMMD วางไว้ เชื่อว่าจะสร้างรายได้ปีนี้ได้ประมาณ 500 ล้านบาท หรือโตขึ้น 34% คิดเป็น 17% ของกลุ่มแกรมมี่ ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 6,500 ล้านบาท
Company Related Links :
GmmGrammy