ไอบีเอ็มเปิดโมเดลธุรกิจโลกใหม่ สามารถทำธุรกิจได้แบบไร้พรมแดน โดยมีนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนและสร้างความแตกต่าง พร้อมประกาศทิศทางปี 2550 ด้วย 3 แนวทางหลัก
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวถึงทิศทางอุตสาหกรรมไอทีปีหน้าว่า ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กระแสโลกาภิวัฒน์กำลังเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจไปสู่แบบที่เรียกว่า Globally-Integrated Enterprise หรือการทำธุรกิจได้แบบไร้พรมแดน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถกำหนดกลยุทธ์ นโยบาย และรูปแบบการจัดการ รวมถึงแนวทางการดำเนินงานแบบเดียวใช้ทั่วโลก โดยมีนวัตกรรมหรืออินโนเวชันเป็นตัวที่จะทำให้แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน ซึ่งต้องหาความแตกต่างให้กับองค์กร
ในมุมมองของผู้บริหารไอบีเอ็มเชื่อว่า แนวโน้มของโมเดลธุรกิจยุคใหม่จะมี 3 เรื่องหลักคือ 1.ธุรกิจปัจจุบันไม่มีขอบเขต อยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถทำธุรกิจได้ แต่ต้องทำให้มีประสิทธิภาพ มีความหลากหลาย และแตกต่าง 2.โลกาภิวัฒน์ทำให้คนทำงานมีอยู่ทั่วโลก ประเทศไหนสามารถสร้างบุคลากรให้มีทักษะด้านไอทีได้จะได้เปรียบ 3.ธุรกิจบริการจะทำให้เศรษฐกิจเสถียร ยังยืนมากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์เป็นชิ้น
จากความเชื่อของผู้บริหารไอบีเอ็มเกี่ยวกับแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจใหม่ จึงได้มีการปรับยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจรอบปี 2550 โดยเน้น 3 แนวทางหลักคือ 1.พัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพราะยุค Globally-Integrated Enterprise จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ การบริหารองค์กรและทรัพยากรบุคคล
2.การรวมผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการนำเสนอในแบบโซลูชันครบวงจร ซึ่งไอบีเอ็มชูเรื่องการให้บริการภายใต้แผนงานจีทีเอส ทรานส์ฟอร์เมชัน โดยจะเน้นไปที่การช่วยให้ลูกค้านำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโปรดักส์ อินโนเวชัน, เซอร์วิส อินโนเวชัน, บิสซิเนส โปรเซส อินโนเวชัน, บิสซินเนส โมเดล อินโนเวชัน และรูปแบบการจัดการองค์กรที่มีนวัตกรรม
3.การดึงเอานวัตกรรมมาใช้ให้สัมพันธ์และเกิดประโยชน์ หรือ Innovation Collavation เพื่อให้เกิดผลกระทบหรืออิมแพคกับประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความแตกต่างทางธุรกิจ
นอกจาก 3 แนวทางดังกล่าวแล้ว ไอบีเอ็มยังคงสานต่อนโยบายที่ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐและธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการสื่อสาร อุตสาหกรรมการขนส่ง อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร
สำหรับประเทศไทยสิ่งที่จะต้องมุ่งเน้นเพื่อรองรับธุรกิจยุคใหม่ในสายตาผู้บริหารไอบีเอ็มคือ 1.ต้องพัฒนาบุคลากรต่อเนื่อง และมีแผนงานที่ชัดเจน 2.จะต้องมีการวิจัยและพัฒนาหรืออาร์แอนด์ดีมากขึ้น เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ 3.ต้องลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ที่เห็นถึงความพร้อมของอินฟราสตรักเจอร์ 4.ต้องร่วมมือทั้งภายในและภายนอกประเทศในการหาความรู้
Company Related Links:
IBM
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวถึงทิศทางอุตสาหกรรมไอทีปีหน้าว่า ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา กระแสโลกาภิวัฒน์กำลังเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจไปสู่แบบที่เรียกว่า Globally-Integrated Enterprise หรือการทำธุรกิจได้แบบไร้พรมแดน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถกำหนดกลยุทธ์ นโยบาย และรูปแบบการจัดการ รวมถึงแนวทางการดำเนินงานแบบเดียวใช้ทั่วโลก โดยมีนวัตกรรมหรืออินโนเวชันเป็นตัวที่จะทำให้แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน ซึ่งต้องหาความแตกต่างให้กับองค์กร
ในมุมมองของผู้บริหารไอบีเอ็มเชื่อว่า แนวโน้มของโมเดลธุรกิจยุคใหม่จะมี 3 เรื่องหลักคือ 1.ธุรกิจปัจจุบันไม่มีขอบเขต อยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถทำธุรกิจได้ แต่ต้องทำให้มีประสิทธิภาพ มีความหลากหลาย และแตกต่าง 2.โลกาภิวัฒน์ทำให้คนทำงานมีอยู่ทั่วโลก ประเทศไหนสามารถสร้างบุคลากรให้มีทักษะด้านไอทีได้จะได้เปรียบ 3.ธุรกิจบริการจะทำให้เศรษฐกิจเสถียร ยังยืนมากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์เป็นชิ้น
จากความเชื่อของผู้บริหารไอบีเอ็มเกี่ยวกับแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจใหม่ จึงได้มีการปรับยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจรอบปี 2550 โดยเน้น 3 แนวทางหลักคือ 1.พัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพราะยุค Globally-Integrated Enterprise จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ การบริหารองค์กรและทรัพยากรบุคคล
2.การรวมผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการนำเสนอในแบบโซลูชันครบวงจร ซึ่งไอบีเอ็มชูเรื่องการให้บริการภายใต้แผนงานจีทีเอส ทรานส์ฟอร์เมชัน โดยจะเน้นไปที่การช่วยให้ลูกค้านำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโปรดักส์ อินโนเวชัน, เซอร์วิส อินโนเวชัน, บิสซิเนส โปรเซส อินโนเวชัน, บิสซินเนส โมเดล อินโนเวชัน และรูปแบบการจัดการองค์กรที่มีนวัตกรรม
3.การดึงเอานวัตกรรมมาใช้ให้สัมพันธ์และเกิดประโยชน์ หรือ Innovation Collavation เพื่อให้เกิดผลกระทบหรืออิมแพคกับประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความแตกต่างทางธุรกิจ
นอกจาก 3 แนวทางดังกล่าวแล้ว ไอบีเอ็มยังคงสานต่อนโยบายที่ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐและธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการสื่อสาร อุตสาหกรรมการขนส่ง อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร
สำหรับประเทศไทยสิ่งที่จะต้องมุ่งเน้นเพื่อรองรับธุรกิจยุคใหม่ในสายตาผู้บริหารไอบีเอ็มคือ 1.ต้องพัฒนาบุคลากรต่อเนื่อง และมีแผนงานที่ชัดเจน 2.จะต้องมีการวิจัยและพัฒนาหรืออาร์แอนด์ดีมากขึ้น เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ 3.ต้องลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ที่เห็นถึงความพร้อมของอินฟราสตรักเจอร์ 4.ต้องร่วมมือทั้งภายในและภายนอกประเทศในการหาความรู้
Company Related Links:
IBM