xs
xsm
sm
md
lg

จับโคตรโกง TOT ซื้อหัวเหว่ยเกือบหมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จับโคตรโกงทีโอทีซอยงบประมาณ จัดซื้อหัวเหว่ยปีละ 9 พันล้านบาท บอร์ดตะลึงสั่งล้างบางทำลายวงจรผลประโยชน์ด้วยการยุบกรรมการทรัพยากร หรือบอร์ดเล็ก หลังพบเป็นช่องทางประสานประโยชน์ร่วมกับผู้บริหาร สั่งเลิกศูนย์ทดสอบปทุม หลังพบเป็นแหล่งกีดกันซัปพลายเออร์นอกสังกัด รวมถึงการสั่งเลิกช็อตลิสต์ หลังพบว่าเอื้อประโยชน์เฉพาะหัวเหว่ย พร้อมปลดล็อกเงื่อนไขเทคนิค ด้วยการเปิดกว้างให้ซัปพลายเออร์ระดับโลกไม่ว่าจะเป็นอีริคสัน ซีเมนส์ อัลคาเทล แซดทีอี เข้าร่วมประมูลได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทีโอที

แหล่งข่าวในบริษัท ทีโอที กล่าวว่า ภารกิจใหญ่ของว่าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ ที่ต้องรีบดำเนินการตามนโยบายของนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานบอร์ดทีโอทีคือการกวาดล้างพวกทุจริต คอรัปชัน ในองค์กร เนื่องจากที่ผ่านมาการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆถือว่าเป็นระบบตามอำเภอใจ ใครสนิทกับพ่อค้ารายไหนก็เลือกที่จะซื้อแต่ซัปพลายเออร์รายนั้น จนทำให้หัวเหว่ยเติบโตฝังรากลึกและมีอิทธิพลเหนือผู้บริหารทีโอที ทั้งๆ ที่สิ่งที่เอามาสร้างอิทธิพลคืองบประมาณของทีโอทีนั่นเอง

สิ่งที่บอร์ดของสถิตย์ลงดาบแรก คือ เลิกกรรมการทรัพยากรหรือบอร์ดเล็กที่มี พล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนะพร เป็นประธานบอร์ด เนื่องจากบอร์ดชุดนี้มีหน้าที่พิจารณาโครงการต่างๆในระดับ 200-500 ล้านบาท สำหรับโครงการไม่ถึง 200 ล้านบาทจะมีคณะกรรมการพัสดุ ที่มีนายสุวิทย์ สัตยรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่คอยแบ่งปันผลประโยชน์ให้ โดยที่ผู้บริหารทีโอทีจะใช้วิธีประสานประโยชน์กับบอร์ดเล็กอนุมัติโครงการต่างๆ โดยที่บอร์ดใหญ่ชุดที่สถิตย์เป็นประธานไม่มีโอกาสรับรู้

ผู้บริหารทีโอทีใช้วิธีที่เรียกว่าซอยงบประมาณ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญมาก โดยแต่ละปีผู้บริหารทีโอทีจะใช้วิธีซอยงบประมาณแจกงานให้พวกพ้องเป็นเงินถึง 9 พันล้านบาท ด้วยการจัดซื้อโครงการละ 100-200 ล้านบาท ด้วยวิธีการทำช็อตลิสต์ จำกัดวงให้เหลือแต่ซัปพลายเออร์พวกพ้องที่คอนโทรลได้ โดยมีหัวเหว่ยเป็นพี่ใหญ่ อย่างโครงการติดตั้งอุปกรณ์ MSAN Optical Fiber Cable และงานตัดถ่ายเลขหมายพื้นที่ชุมสายโทรศัพท์หนองแขมและชุมสายโทรศัพท์เอกชัย ช็อตลิสต์ 5 ยี่ห้อคือ Opnet, หัวเหว่ย, Zhone, อัลคาเทล และ Keymile ด้วยงบประมาณ 186 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ อีกมากที่เดินตามแนวนี้อย่างเช่นโครงการที่ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต

ดาบสองของบอร์ดสถิตย์ คือ การสั่งยกเลิกหน่วยงานที่เรียกว่าฝ่ายทดสอบและพัฒนา หรือที่รู้จักกันในชื่อศูนย์ทดสอบปทุม เนื่องจากศูนย์ทดสอบนี้แทนที่จะมีหน้าที่ทดสอบและพัฒนาเพื่อประโยชน์ของทีโอที กลับเป็นศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อกีดกันซัปพลายเออร์ที่ไม่ใช่พวกพ้องระบอบทักษิณ ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือ โครงการโทรศัพท์ 5.6 แสนเลขหมาย ที่ผู้บริหารทีโอที ใช้ศูนย์ทดสอบปทุม จัดการอัลคาเทล และแซดทีอี จนตกสเปกในด้านการทดสอบ ทั้งๆที่อุปกรณ์ของอัลคาเทลมีการใช้งานทั่วโลก ทั้งในประเทศแถบร้อนจัดและประเทศยุโรปแถบหนาวจัดรุนแรงกว่าประเทศไทย

แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงมือศูนย์ทดสอบปทุม กลับตกเรื่องอุณหภูมิของอุปกรณ์อัลคาเทลไม่เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทยได้ ส่วนแซดทีอี เป็นเป้าหมายหลักของหัวเหว่ยที่ต้องทำให้ตกสเปกให้ได้ เนื่องจากหัวเหว่ยไม่ต้องการให้ศัตรูแจ้งเกิดในประเทศไทย เนื่องจากอิทธิพลด้านกำลังเงินของหัวเหว่ยเข้มแข็งมากจนแทรกเข้าไปกุมจิตวิญญาณผู้รับผิดชอบการทดสอบให้ทำตามใจชอบได้

นอกจากนี้ บอร์ดสถิตย์ยังยกเลิกช็อตลิสต์ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส เปิดโอกาสให้ซัปพลายเออร์ระดับโลกไม่ว่าจะเป็นอีริคสัน ซีเมนส์ อัลคาเทล แซดทีอี เข้าประมูลได้ เพราะหากสเปกเปิดกว้างให้ซัปพลายเออร์ระดับโลกเข้าได้แล้ว หัวเหว่ยก็น่าจะเข้าร่วมประมูลได้เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาหัวเหว่ยมีสำนักงานสาขาอีกแห่งที่ห้องทำงานนายวาสกุรี กล้าไพรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ที่คุมทั้งนครหลวง ภูมิภาค ว่ากันว่า สเปกโครงการจัดซื้ออุปกรณ์สื่อสัญญาณ Synchronous Digital Hierarchy (SDH) STM-4 จำนวน 100 เส้นทางและ STM-16 จำนวน 5 เส้นทาง ของบริษัท ไมโครเนติกที่ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ย มูลค่าประมาณ 341 ล้านบาท ที่บอร์ดสั่งล้มก่อนหน้านี้เนื่องจากไม่โปร่งใส ก็มีการแก้ไขให้เข้าทางหัวเหว่ยที่สำนักงานสาขาแห่งนี้

กล่าวกันว่า เส้นทางบัญชาการในช่วงที่ผ่านมาสำหรับการแก้ไขสเปก หรือการเลือกแต่ซื้อของหัวเหว่ยจะเริ่มจากบุญฤทธิ์ สั่งการไปยังสุวิทย์ ส่งต่อไปยังเชษฐา และมีสมปองเป็นมือแก้สเปก

“บทสรุปของกระบวนการโคตรโกง คือ ข้อพิสูจน์จากโครงการโทรศัพท์ 5.6 แสนเลขหมายที่ใช้อุปกรณ์ของหัวเหว่ย ปรากฏว่าใช้งานไม่ได้ ขนาดรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บางคนพูดออกจากปากว่ามีแต่ตู้เปล่าๆ ไม่มีระบบสื่อสัญญาณทำงานไม่ได้

โครงการล่าช้าจนประธานบอร์ดต้องตั้งกรรมการสอบ ทำให้เห็นได้ชัดว่าหัวเหว่ยทำให้ยุทธศาสตร์ในการให้บริการของทีโอทีสะดุด ไปไม่ได้ตามเป้าหมาย เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ทีโอที ทำร้ายหน่วยงานตัวเอง แบบสิ้นคิด เห็นแก่อามิสสินจ้าง โดยไม่คำนึงถึงอนาคตองค์กร”


บอร์ดทีโอที ยังมีแนวคิดที่จะจัดตั้งกรรมการบริหารขึ้นมาชุดหนึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากบอร์ดชุดใหญ่ประมาณ 4-5 คนที่มีเวลาเต็มที่ เพื่อช่วยติดตามงานด้านนโยบายต่างๆ รวมทั้งกวดขันการดำเนินโครงการต่างๆให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด เพื่อช่วยเหลือกรรมการผู้จัดการใหญ่อีกแรง และเป็นการแบ่งเบาภาระของบอร์ดชุดใหญ่ที่ควรกำกับดูแลเชิงนโยบาย มากกว่าคอยติดตามงานที่สั่งไป ซึ่งการตั้งกรรมการบริหารดังกล่าว ไม่เรียกว่าเป็นการล้วงลูกการทำงานของฝ่ายบริหาร แต่เป็นการช่วยติดตามงานให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบอร์ดชุดใหญ่แทบจะต้องติดตามงานในส่วนรายละเอียดการปฏิบัติงานมากกว่างานด้านนโยบาย นอกจากนี้การตั้งบอร์ดเล็ก หรือกรรมการทรัพยากรก็พิสูจน์แล้วว่ากลายเป็นช่องทางทำมาหากินร่วมกันระหว่างผู้บริหารทีโอที บอร์ดเล็ก และขั้วอำนาจระบอบทักษิณ ที่ทุกโครงการต้องถูกหักหัวคิว 25-30% ซึ่งหากต้องการล้างระบอบโคตรโกงก็ต้องจัดการทำลายวงจรผลประโยชน์นี้ให้สูญสิ้นไป

Company Related Link:
TOT
กำลังโหลดความคิดเห็น