ซีเกทใช้กลยุทธ์ Dual Brand ทำตลาดทั้งแบรนด์ซีเกทและ Maxtor หวังขยายตลาด พร้อมเปิดระบบ Surveillance DVR Systems เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการระบบเฝ้าระวังและตรวจสอบ
นายเควิน ลี กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท ซีเกท เทคโนโลยีกล่าวว่าภายหลังจากที่ซีเกทซื้อกิจการ Maxtor แล้วนโยบายของซีเกทคือจะยังคงการทำตลาด 2 แบรนด์ต่อไปทั้งแบรนด์ซีเกท และแบรนด์ Maxtor โดยที่ทั้ง 2 แบรนด์จะมีความแตกต่างกันออกไป
ซีเกทจะเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์ที่เน้นในเรื่องเทคโนโลยี คุณภาพการให้บริการ มีขนาดตั้งแต่ 40-750 GBในขณะที่ Maxtor จะจับกลุ่มที่ต่ำกว่าซีเกท ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งซื้อ มีขนาดตั้งแต่ 40-320 GB เป็นฮาร์ดไดร์ฟที่ค่อนข้างนิ่ง ไม่ต้องการซัปพอร์ตหรือการให้บริการที่ซับซ้อน
“เหมือนแบรนด์โตโยต้ากับเลกซัส โดยแบรนด์เลกซัสก็เหมือนซีเกทที่จับตลาดสูงกว่าในขณะที่โตโยต้าก็เหมือนMaxtor ที่จับกลุ่มระดับรองลงมา”
กลยุทธ์ Dual Brand หรือการทำตลาดทั้ง 2 แบรนด์เป็นกลยุทธ์ระยะยาวโดยที่ซีเกทไม่มีแผนที่จะยุบรวมให้เหลือแบรนด์เดียว ผลประโยชน์ในด้านซีเกทคือการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งครอบคลุมเซ็กเมนต์ให้กว้างมากขึ้น โดยผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2006 (เม.ย.-มิ.ย.) จากตลาดรวมฮาร์ดไดร์ฟที่ใช้ในเดสก์ท้อปพีซี 53.3 ล้านยูนิต ซีเกทมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 31% ในตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ปัจจุบันมีความต้องการฮาร์ดไดร์ฟอย่างกล้องวิดีโอ 19 ล้านยูนิต ซีเกทมีส่วนแบ่ง 21% ในตลาดโน้ตบุ๊ก 21 ล้านยูนิต ซีเกทเป็นรองฟูจิตซึที่เป็นผู้นำ 24% คือมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 16% ทั้งนี้ตัวเลขส่วนแบ่งตลาดจะเปลี่ยนไปเมื่อรวมกับ Maxtor โดยตัวเลขจะโชว์ในไตรมาสแรกปี 2007
“กลยุทธ์ Dual Brand จะช่วยให้ซีเกทมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการลูกค้า หรือช่วยให้ขยายตลาดได้มากขึ้น ในขณะที่ลูกค้ามีทางที่หลากหลาย เอสไอ สามารถเลือกสินค้าได้ตามความต้องการ”
นอกจากนี้ ซีเกทยังมองเห็นโอกาสของตลาดใหม่ที่ตื่นตัวมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย คือตลาดระบบเฝ้าระวังหรือระบบตรวจจับ (Surveillance DVR Systems) โดยประมาณว่าในปี 2009 ตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 4.2 พันล้านเหรียญ ตัวเลขการเติบโตแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 14% และถ้าแยกเป็นระบบดิจิตอลจะมีการเติบโตปีละ 32% ซึ่งซีเกทเปิดตัวฮาร์ดไดร์ฟที่รองรับตลาดนี้โดยเฉพาะคือรุ่น SV35.2 Series ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับตลาดวิดีโอเพื่อความปลอดภัยเชิงพาณิชย์ ฮาร์ดไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุพิ่มเป็น 320 GB และ 750 GBโดยใช้การบันทึกข้อมูลในแนวตั้งฉาก สามารถบันทึกภาพวิดีโอคุณภาพสูงต่อเนื่องได้นานเป็นระยะเวลาหลายเดือน
จุดเด่นของฮาร์ดไดร์ฟรุ่นนี้คือใช้กระแสไฟฟ้าต่ำในช่วงเริ่มต้นทุงานประมาณ 2.0 แอมป์ ทำให้สามารถใช้กับอุปกรณ์จ่ายไฟระดับพื้นฐานทั่วไป นอกจากนี้ยังมีโหมดสำหรับประหยัดพลังงานแบบเรียลไทม์ เมื่อไดร์ฟไม่ได้ถูกใช้งาน
สำหรับอุตสาหกรรมที่จะมีการใช้งานระบบ Surveillance DVR Systems มากคือธุรกิจด้านรีเทล ห้างสรรพสินค้า แบงก์ ไฟแนนซ์ การใช้งานภาครัฐบาล โดยปัจจุบันโปรดักส์ที่ทำตลาดในกลุ่มนี้คือ Barracuda Seriesและ DB 35 Series
Company Related Links :
Seagate
นายเควิน ลี กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท ซีเกท เทคโนโลยีกล่าวว่าภายหลังจากที่ซีเกทซื้อกิจการ Maxtor แล้วนโยบายของซีเกทคือจะยังคงการทำตลาด 2 แบรนด์ต่อไปทั้งแบรนด์ซีเกท และแบรนด์ Maxtor โดยที่ทั้ง 2 แบรนด์จะมีความแตกต่างกันออกไป
ซีเกทจะเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์ที่เน้นในเรื่องเทคโนโลยี คุณภาพการให้บริการ มีขนาดตั้งแต่ 40-750 GBในขณะที่ Maxtor จะจับกลุ่มที่ต่ำกว่าซีเกท ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณการสั่งซื้อ มีขนาดตั้งแต่ 40-320 GB เป็นฮาร์ดไดร์ฟที่ค่อนข้างนิ่ง ไม่ต้องการซัปพอร์ตหรือการให้บริการที่ซับซ้อน
“เหมือนแบรนด์โตโยต้ากับเลกซัส โดยแบรนด์เลกซัสก็เหมือนซีเกทที่จับตลาดสูงกว่าในขณะที่โตโยต้าก็เหมือนMaxtor ที่จับกลุ่มระดับรองลงมา”
กลยุทธ์ Dual Brand หรือการทำตลาดทั้ง 2 แบรนด์เป็นกลยุทธ์ระยะยาวโดยที่ซีเกทไม่มีแผนที่จะยุบรวมให้เหลือแบรนด์เดียว ผลประโยชน์ในด้านซีเกทคือการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งครอบคลุมเซ็กเมนต์ให้กว้างมากขึ้น โดยผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2006 (เม.ย.-มิ.ย.) จากตลาดรวมฮาร์ดไดร์ฟที่ใช้ในเดสก์ท้อปพีซี 53.3 ล้านยูนิต ซีเกทมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 31% ในตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ปัจจุบันมีความต้องการฮาร์ดไดร์ฟอย่างกล้องวิดีโอ 19 ล้านยูนิต ซีเกทมีส่วนแบ่ง 21% ในตลาดโน้ตบุ๊ก 21 ล้านยูนิต ซีเกทเป็นรองฟูจิตซึที่เป็นผู้นำ 24% คือมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 16% ทั้งนี้ตัวเลขส่วนแบ่งตลาดจะเปลี่ยนไปเมื่อรวมกับ Maxtor โดยตัวเลขจะโชว์ในไตรมาสแรกปี 2007
“กลยุทธ์ Dual Brand จะช่วยให้ซีเกทมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการลูกค้า หรือช่วยให้ขยายตลาดได้มากขึ้น ในขณะที่ลูกค้ามีทางที่หลากหลาย เอสไอ สามารถเลือกสินค้าได้ตามความต้องการ”
นอกจากนี้ ซีเกทยังมองเห็นโอกาสของตลาดใหม่ที่ตื่นตัวมากขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย คือตลาดระบบเฝ้าระวังหรือระบบตรวจจับ (Surveillance DVR Systems) โดยประมาณว่าในปี 2009 ตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 4.2 พันล้านเหรียญ ตัวเลขการเติบโตแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 14% และถ้าแยกเป็นระบบดิจิตอลจะมีการเติบโตปีละ 32% ซึ่งซีเกทเปิดตัวฮาร์ดไดร์ฟที่รองรับตลาดนี้โดยเฉพาะคือรุ่น SV35.2 Series ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับตลาดวิดีโอเพื่อความปลอดภัยเชิงพาณิชย์ ฮาร์ดไดร์ฟรุ่นนี้มีความจุพิ่มเป็น 320 GB และ 750 GBโดยใช้การบันทึกข้อมูลในแนวตั้งฉาก สามารถบันทึกภาพวิดีโอคุณภาพสูงต่อเนื่องได้นานเป็นระยะเวลาหลายเดือน
จุดเด่นของฮาร์ดไดร์ฟรุ่นนี้คือใช้กระแสไฟฟ้าต่ำในช่วงเริ่มต้นทุงานประมาณ 2.0 แอมป์ ทำให้สามารถใช้กับอุปกรณ์จ่ายไฟระดับพื้นฐานทั่วไป นอกจากนี้ยังมีโหมดสำหรับประหยัดพลังงานแบบเรียลไทม์ เมื่อไดร์ฟไม่ได้ถูกใช้งาน
สำหรับอุตสาหกรรมที่จะมีการใช้งานระบบ Surveillance DVR Systems มากคือธุรกิจด้านรีเทล ห้างสรรพสินค้า แบงก์ ไฟแนนซ์ การใช้งานภาครัฐบาล โดยปัจจุบันโปรดักส์ที่ทำตลาดในกลุ่มนี้คือ Barracuda Seriesและ DB 35 Series
Company Related Links :
Seagate