“สถิตย์” สั่งฟันโคตรโกงทีโอที ตั้งกรรมการสอบ เดินหน้าเลิกช็อตลิสต์ ย้ำที่ผ่านมาบอร์ดถูกตบตาจากฝ่ายบริหารซอยงบประมาณจัดซื้อตามใจชอบ ในขณะที่ฟาก“ไกรสร” เลือกอุ้มหัวเหว่ย เตรียมประเคนงานเอาท์ซอร์สโครงข่ายซีดีเอ็มเอพันล้านบาทกับระบบบิลลิ่ง 140 ล้านบาทให้หัวเหว่ยพร้อมใช้วิชามารสกัดคู่แข่งด้วยการทดสอบเทคนิค หวังเอื้อประโยชน์หัวเหว่ยโครงการสร้างระบบเชื่อมโยงออปติคัล ไฟเบอร์ 2 พันล้าน ชี้ไกรสรถ่างเก้าอี้ 2 บอร์ดทีโอทีกับกสท ทำหน่วยงานเสียหาย ประมูลงานรัฐไม่ได้ถูกตีตกเนื่องจากผลประโยชน์ร่วม ดันปรับเปลี่ยนบอร์ดใหม่
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานบอร์ด บริษัท ทีโอที กล่าวว่าได้สั่งการให้พล.อ.ท.สมชาย เธียรอนันท์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตั้งกรรมการสอบ 4 โครงการคือความล่าช้าโครงการโทรศัพท์ 5.6 แสนเลขหมาย, ปัญหาการใช้งานระบบบิลลิ่ง, โครงการ TNEP หรือ SDH และปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานสัญญาต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ยกเลิกสัญญาโครงการจัดซื้ออุปกรณ์สื่อสัญญาณ Synchronous Digital Hierarchy (SDH) STM-4 จำนวน 100 เส้นทางและ STM-16 จำนวน 5 เส้นทาง ของบริษัท ไมโครเนติกที่ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ย มูลค่าประมาณ 341 ล้านบาท หลังพบว่ามีการเซ็นสัญญาโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ด
“ที่ผ่านมาผู้บริหารทีโอที มีการซอยงบประมาณ เพื่อให้โครงการเล็กลงไม่ถึง 500 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องผ่านบอร์ด มีการทำงานร่วมกันเป็นกระบวนการ ซึ่งผมได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ รวมทั้งเรื่องช็อตลิสต์ที่เป็นช่องทางเอื้อประโยชน์ ต้องเลิกให้หมด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเป็นประโยชน์กับทีโอทีมากที่สุด”
แหล่งข่าวในทีโอทีกล่าวว่า การยกเลิกสัญญาของไมโครเนติกที่ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ย เกิดขึ้นหลังจากที่กรรมการทรัพยากร หรือบอร์ดเล็กมีมติให้ดำเนินการต่อรองราคาก่อนที่จะเสนอบอร์ด แต่ปรากฏว่าฝ่ายพัสดุที่มีนายสุวิทย์ สัตยารักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบ ดำเนินการเซ็นสัญญาโดยไม่นำเรื่องกลับเข้าบอร์ดอีกครั้ง ในขณะที่สเปกของอุปกรณ์ได้รับความเกื้อกูลผ่านทางนายวาสุกรี กล้าไพรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมีพล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนะพร เป็นประธานกรรมการทรัพยากร
ว่ากันว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้ มีเงินสะพัดในทีโอทีไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาทหรือประมาณ 8% ของมูลค่าโครงการ
กระบวนการโคตรโกงในทีโอที จะใช้วิธีการซอยงบเพื่อไม่ต้องผ่านบอร์ด ช็อตลิสต์ให้เหลือ 5 ราย เอื้อประโยชน์ให้หัวเหว่ย โดยโครงการหลังๆ หัวเหว่ยไม่จำเป็นต้องเสนอราคาต่ำสุดอีกต่อไปแล้ว เพราะทาสรับใช้หัวเหว่ยในทีโอที จะใช้วิธีถีบคนที่เสนอราคาต่ำสุดให้ตกสเปก เพื่อช่วยหัวเหว่ย
อย่างโครงการติดตั้งอุปกรณ์ MSAN, Optical Fiber Cable และงานตัดถ่ายเลขหมายชุมสายโทรศัพท์หนองแขมและชุมสายโทรศัพท์เอกชัย ด้วยวิธีช็อตลิสต์มีผู้เสนอราคา 5 รายคือ Opnet 143 ล้านบาท Kmile 145 ล้านบาท หัวเหว่ย 181 ล้านบาท อัลคาเทล 183 ล้านบาทและ Zhone 190 ล้านบาท ปรากฏว่า Opnet ถูกปรับให้ตก เพื่อให้หัวเหว่ยได้งานไป ซึ่งถือเป็นอีกโครงการหนึ่งที่น่าจะต้องมีการทบทวน
ไกรสรอุ้มโคตรโกง
หากสถิตย์เลือกที่จะฟันพวกโคตรโกงในทีโอที แต่นายไกรสร พรสุธี ประธานบอร์ดบริษัท กสท โทรคมนาคม กลับเลือกวิถีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเอื้อประโยชน์หัวเหว่ย ซัปพลายเออร์ในระบอบทักษิณ ในภาวะที่กุมอำนาจสูงสุดในกสท
ว่ากันว่าในการประชุมบอร์ดกสทเร่งด่วนช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ บอร์ดกสทของไกรสร ยังมีความพยายามที่จะเอาท์ซอร์สงานด้าน Operation & Maintenance โครงข่ายซีดีเอ็มเอให้หัวเหว่ยอีกพันกว่าล้านบาท รวมทั้งประสานเสียงกับรองประธานบอร์ดสายทหารสื่อสาร ปรับเพิ่มระบบบิลลิ่งที่จะให้หัวเหว่ยจาก 40 ล้านบาทเป็น 140 ล้านบาท ในขณะที่สตง.ได้ส่งหนังสือด่วนถึงนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีทีให้ดำเนินการกับโครงการซีดีเอ็มเอที่ทำให้รัฐเสียหายทั้งในส่วนสัญญาของฮัทช์และสัญญาซีดีเอ็มเอในภูมิภาคของหัวเหว่ย
“ถึงแม้การเอาท์ซอร์สพันกว่าล้าน กับระบบบิลลิ่ง 140 ล้านบาทยังไม่อนุมัติ แต่ก็มีความพยายามของบอร์ดที่จะพิจารณาเรื่องนี้ให้ได้ทั้งๆที่สตง.ตรวจสอบอยู่”
แหล่งข่าวในกสทกล่าวว่านายไกรสรกล่าวกับคนใกล้ชิดว่าการพิจารณาไม่ปรับหัวเหว่ยถือเป็นการพิจารณาตามเอกสารที่ฝ่ายบริหารกสทเสนอขึ้นมา ซึ่งกลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่ของกสทกำลังจะเป็นแพะ ทั้งๆที่กรรมการชุดที่สรุปเอกสารใหม่เพื่อไม่ต้องปรับหัวเหว่ย เป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นภายใต้ธงที่มอบให้ว่าทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ต้องให้หัวเหว่ยเสียค่าปรับ ในขณะที่กรรมการหนึ่งใน เจ็ดคนไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีประโยชน์ เพราะเมื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด นายไกรสรก็ทุบโต๊ะสรุปว่าไม่ต้องปรับ ทั้งๆที่มีเอกสารก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นความล่าช้าของโครงการอย่างชัดเจน แต่ไกรสรเลือกที่จะตั้งกรรมการชุดใหม่มาหักล้างข้อสรุปของกรรมการที่มีอำนาจ
ไม่เพียงเท่านั้นกสทยังเตรียมประเคนงานอีกเกือบ 2 พันล้านบาทให้หัวเหว่ย ด้วยแผนแยบยลของผู้บริหารกสทที่ขายวิญญาณให้ซัปพลายเออร์สัญชาติจีน โดยใช้วิธีเดียวกับที่ใช้ได้ผลกับโครงการ 5.6 แสนเลขหมายของทีโอที คือ กำหนดให้มีการทดสอบด้านเทคนิค พร้อมกับซื้อเจ้าหน้าที่ระดับล่าง กลั่นแกล้งให้คนอื่นตกสเปก
อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอทีคนหนึ่งกล่าวว่าทุกโครงการที่หัวเหว่ยได้งานในทีโอทีจำเป็นต้องส่งมอบ 25-30% ให้คุณหญิงกับนายบ. ซึ่งภายหลังจากคว้างานแรกได้สำเร็จ งานที่ตามมา หัวเหว่ยจะใช้วิธีการแทรกซึมลงไปทุกระดับของทีโอที เหมือนกับที่ดำเนินการในกสท
กสทจะมีโครงการประกวดราคาสร้างระบบเชื่อมโยงออปติคัล ไฟเบอร์ พื้นที่ภาคใต้ 3 ระบบงบประมาณ 220 ล้าน ยื่นซองประกวดราคาวันที่ 10 พ.ย. ,พื้นที่ภาคตะวันออก 7 ระบบ งบประมาณ 1 พันล้านบาทยื่นซอง 13 พ.ย.และพื้นที่ภาคเหนือ กลาง ตอ. 9 ระบบ งบประมาณ 600 ล้านบาท ยื่นซอง 14 พ.ย.
เปิดโปงวิชามารหัวเหว่ย
แผนที่กสทวางไว้คือ 1.ไม่ระบุเงื่อนไขเรื่องผลงาน เนื่องจากหัวเหว่ยเป็นบริษัทเดียวที่ไม่มีผลงานเทิร์นคีย์เช่นนี้ 2.กำหนดให้มีการทดสอบด้านเทคนิคก่อนในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยในแต่ละพื้นที่จะต้องนำอุปกรณ์ SDH STM-16 มาทดสอบ 3 เครื่อง หากผู้ที่ซื้อซองประกวดราคา 8 รายยื่นเสนอครบทุกพื้นที่ หมายถึงกสทจะต้องทดสอบอุปกรณ์ดังกล่าว 72 เครื่อง ซึ่งจะต้องใช้เวลาทดสอบนานแค่ไหน รวมทั้งอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นของหัวเหว่ย แซดทีอี อัลคาเทล อีริคสัน หรือซีเมนส์ ก็มีการใช้งานในกสทอยู่แล้ว 3.ซื้อเจ้าหน้าที่กสทซึ่งรับผิดชอบเรื่องการทดสอบ ให้ถีบรายที่นอกวงฮั้วหรือไม่ต้องการให้มาแข่งหัวเหว่ยตกสเปกไปถึงแม้จะมีอุปกรณ์เคยใช้งานในกสทแล้วก็ตาม
แผนดังกล่าวเดินซ้ำรอยทีโอที ที่ใช้ถีบแซดทีอี อัลคาเทลตกสเปกโครงการ 5.6 แสนเลขหมาย ซึ่งปัจจุบันโครงการล่าช้าจนประธานบอร์ดทีโอทีต้องสั่งตั้งกรรมการสอบเพราะอุปกรณ์หัวเหว่ยไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งๆที่หากต้องการให้โครงการสำเร็จและโปร่งใสจริงก็สามารถทำได้ด้วยการระบุผลงานในอดีตหรือให้มีการทดสอบเทคนิคหลังยื่นซองราคาจนได้ผู้ชนะ
“แผนหัวเหว่ยกับกสท คือใช้การทดสอบ มากีดกันคนอื่นให้ตกสเปก ประสบการณ์เห็นได้จากทีโอที ซึ่งส่งผลให้โครงการมีปัญหาประธานบอร์ดทีโอทีตั้งกรรมการสอบ”
นอกจากความเสียหายที่กำลังหาผู้รับผิดชอบจากโครงการซีดีเอ็มเอแล้ว การที่ไกรสร เป็นกรรมการทั้งบอร์ดทีโอทีและประธานบอร์ดกสท ได้สร้างให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานรัฐทั้ง 2 องค์กรแล้ว โดยที่กสทและทีโอที ได้ยื่นซองเสนอราคาค่าเช่าสายนำสัญญาณความเร็วสูงเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่โครงข่ายอินเทอร์เน็ต (Leased Line) ขนาด 4 Mbps กับสำนักเลขาธิการวุฒิสภาฯ รวมทั้งยื่นซองราคาการให้บริการระบบช่องทางสื่อสารข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ปรากฏว่าทั้งสำนักเลขาธิการวุฒิสภาฯ และรฟม. ถือว่าทีโอทีและกสทซึ่งเป็นผู้เสนอราคามีผลประโยชน์ร่วมกันผิดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ประกวดราคา เนื่องจากมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% รวมทั้งมีนายไกรสร พรสุธี เป็นกรรมการทั้ง 2 บริษัท
“ต่อไปทั้งทีโอทีและกสท ไม่ต้องประมูลงานรัฐแล้ว เพราะถือว่ามีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง และประธานบอร์ด จะปฏิเสธความรับผิดชอบหรือบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้”
เรื่องผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ประมูล จะใช้วิธีดื้อตาใสอ้างว่าไม่รู้เรื่องก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะอย่างกรณีการประกวดราคาสร้างระบบเชื่อมโยงออปติคัล ไฟเบอร์ 3 โซนของกสทเองก็กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นซองประกวดราคาข้อ 2.4 ที่กำหนดว่าต้องไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้ยื่นซองประกวดราคารายอื่นซึ่งได้ยื่นประกวดราคาในคราวเดียวกัน
แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตว่าตลอดปี 2548 ที่ผ่านมาบอร์ดทีโอทีมีการประชุมทั้งหมด 24 ครั้งแต่ปรากฏว่าไกรสรเข้าร่วมประชุมเพียง 11 ครั้งหรือไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างของบอร์ดทั้ง 2 หรือไม่มีการแบ่งแยกการประมูลงานหรือการทำธุรกิจของทั้ง 2 หน่วยงานให้ชัดเจน ก็จะเกิดปัญหาดังกล่าวกระทบกับรายได้ที่จะได้รับจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นตลาดหลักที่ผู้ให้บริการเอกชนจ้องจะเข้ามามีส่วนร่วมมาก การทำให้ 2 องค์กรหมดสิทธิ์เข้าประมูล ก็อาจเหมือนเพิ่มโอกาสให้เอกชนมากขึ้น ซึ่งโครงการสำนักเลขาธิการ วุฒิสภาฯนอกจากทีโอทีกับกสท ที่ถูกตีตก ก็มีบริษัท สามารถอินโฟเนต ของตระกูลวิไลลักษณ์, ซีเอส ล็อกซอินโฟ ที่นายบุญคลี ปลั่งศิริเป็นกรรมการ, ทรูอินเตอร์เน็ตของตระกูลเจียรวนนท์ ส่วนโครงการรฟม.เหลือซีเอสล็อกซอินโฟ บริษัทเดียว
Company Related Links :
ICT
CAT
Hua Wei
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานบอร์ด บริษัท ทีโอที กล่าวว่าได้สั่งการให้พล.อ.ท.สมชาย เธียรอนันท์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตั้งกรรมการสอบ 4 โครงการคือความล่าช้าโครงการโทรศัพท์ 5.6 แสนเลขหมาย, ปัญหาการใช้งานระบบบิลลิ่ง, โครงการ TNEP หรือ SDH และปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานสัญญาต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ยกเลิกสัญญาโครงการจัดซื้ออุปกรณ์สื่อสัญญาณ Synchronous Digital Hierarchy (SDH) STM-4 จำนวน 100 เส้นทางและ STM-16 จำนวน 5 เส้นทาง ของบริษัท ไมโครเนติกที่ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ย มูลค่าประมาณ 341 ล้านบาท หลังพบว่ามีการเซ็นสัญญาโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ด
“ที่ผ่านมาผู้บริหารทีโอที มีการซอยงบประมาณ เพื่อให้โครงการเล็กลงไม่ถึง 500 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องผ่านบอร์ด มีการทำงานร่วมกันเป็นกระบวนการ ซึ่งผมได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ รวมทั้งเรื่องช็อตลิสต์ที่เป็นช่องทางเอื้อประโยชน์ ต้องเลิกให้หมด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเป็นประโยชน์กับทีโอทีมากที่สุด”
แหล่งข่าวในทีโอทีกล่าวว่า การยกเลิกสัญญาของไมโครเนติกที่ใช้อุปกรณ์หัวเหว่ย เกิดขึ้นหลังจากที่กรรมการทรัพยากร หรือบอร์ดเล็กมีมติให้ดำเนินการต่อรองราคาก่อนที่จะเสนอบอร์ด แต่ปรากฏว่าฝ่ายพัสดุที่มีนายสุวิทย์ สัตยารักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบ ดำเนินการเซ็นสัญญาโดยไม่นำเรื่องกลับเข้าบอร์ดอีกครั้ง ในขณะที่สเปกของอุปกรณ์ได้รับความเกื้อกูลผ่านทางนายวาสุกรี กล้าไพรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมีพล.ต.อ.บุญฤทธิ์ รัตนะพร เป็นประธานกรรมการทรัพยากร
ว่ากันว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้ มีเงินสะพัดในทีโอทีไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาทหรือประมาณ 8% ของมูลค่าโครงการ
กระบวนการโคตรโกงในทีโอที จะใช้วิธีการซอยงบเพื่อไม่ต้องผ่านบอร์ด ช็อตลิสต์ให้เหลือ 5 ราย เอื้อประโยชน์ให้หัวเหว่ย โดยโครงการหลังๆ หัวเหว่ยไม่จำเป็นต้องเสนอราคาต่ำสุดอีกต่อไปแล้ว เพราะทาสรับใช้หัวเหว่ยในทีโอที จะใช้วิธีถีบคนที่เสนอราคาต่ำสุดให้ตกสเปก เพื่อช่วยหัวเหว่ย
อย่างโครงการติดตั้งอุปกรณ์ MSAN, Optical Fiber Cable และงานตัดถ่ายเลขหมายชุมสายโทรศัพท์หนองแขมและชุมสายโทรศัพท์เอกชัย ด้วยวิธีช็อตลิสต์มีผู้เสนอราคา 5 รายคือ Opnet 143 ล้านบาท Kmile 145 ล้านบาท หัวเหว่ย 181 ล้านบาท อัลคาเทล 183 ล้านบาทและ Zhone 190 ล้านบาท ปรากฏว่า Opnet ถูกปรับให้ตก เพื่อให้หัวเหว่ยได้งานไป ซึ่งถือเป็นอีกโครงการหนึ่งที่น่าจะต้องมีการทบทวน
ไกรสรอุ้มโคตรโกง
หากสถิตย์เลือกที่จะฟันพวกโคตรโกงในทีโอที แต่นายไกรสร พรสุธี ประธานบอร์ดบริษัท กสท โทรคมนาคม กลับเลือกวิถีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเอื้อประโยชน์หัวเหว่ย ซัปพลายเออร์ในระบอบทักษิณ ในภาวะที่กุมอำนาจสูงสุดในกสท
ว่ากันว่าในการประชุมบอร์ดกสทเร่งด่วนช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ บอร์ดกสทของไกรสร ยังมีความพยายามที่จะเอาท์ซอร์สงานด้าน Operation & Maintenance โครงข่ายซีดีเอ็มเอให้หัวเหว่ยอีกพันกว่าล้านบาท รวมทั้งประสานเสียงกับรองประธานบอร์ดสายทหารสื่อสาร ปรับเพิ่มระบบบิลลิ่งที่จะให้หัวเหว่ยจาก 40 ล้านบาทเป็น 140 ล้านบาท ในขณะที่สตง.ได้ส่งหนังสือด่วนถึงนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีทีให้ดำเนินการกับโครงการซีดีเอ็มเอที่ทำให้รัฐเสียหายทั้งในส่วนสัญญาของฮัทช์และสัญญาซีดีเอ็มเอในภูมิภาคของหัวเหว่ย
“ถึงแม้การเอาท์ซอร์สพันกว่าล้าน กับระบบบิลลิ่ง 140 ล้านบาทยังไม่อนุมัติ แต่ก็มีความพยายามของบอร์ดที่จะพิจารณาเรื่องนี้ให้ได้ทั้งๆที่สตง.ตรวจสอบอยู่”
แหล่งข่าวในกสทกล่าวว่านายไกรสรกล่าวกับคนใกล้ชิดว่าการพิจารณาไม่ปรับหัวเหว่ยถือเป็นการพิจารณาตามเอกสารที่ฝ่ายบริหารกสทเสนอขึ้นมา ซึ่งกลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่ของกสทกำลังจะเป็นแพะ ทั้งๆที่กรรมการชุดที่สรุปเอกสารใหม่เพื่อไม่ต้องปรับหัวเหว่ย เป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นภายใต้ธงที่มอบให้ว่าทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ต้องให้หัวเหว่ยเสียค่าปรับ ในขณะที่กรรมการหนึ่งใน เจ็ดคนไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีประโยชน์ เพราะเมื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด นายไกรสรก็ทุบโต๊ะสรุปว่าไม่ต้องปรับ ทั้งๆที่มีเอกสารก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นความล่าช้าของโครงการอย่างชัดเจน แต่ไกรสรเลือกที่จะตั้งกรรมการชุดใหม่มาหักล้างข้อสรุปของกรรมการที่มีอำนาจ
ไม่เพียงเท่านั้นกสทยังเตรียมประเคนงานอีกเกือบ 2 พันล้านบาทให้หัวเหว่ย ด้วยแผนแยบยลของผู้บริหารกสทที่ขายวิญญาณให้ซัปพลายเออร์สัญชาติจีน โดยใช้วิธีเดียวกับที่ใช้ได้ผลกับโครงการ 5.6 แสนเลขหมายของทีโอที คือ กำหนดให้มีการทดสอบด้านเทคนิค พร้อมกับซื้อเจ้าหน้าที่ระดับล่าง กลั่นแกล้งให้คนอื่นตกสเปก
อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอทีคนหนึ่งกล่าวว่าทุกโครงการที่หัวเหว่ยได้งานในทีโอทีจำเป็นต้องส่งมอบ 25-30% ให้คุณหญิงกับนายบ. ซึ่งภายหลังจากคว้างานแรกได้สำเร็จ งานที่ตามมา หัวเหว่ยจะใช้วิธีการแทรกซึมลงไปทุกระดับของทีโอที เหมือนกับที่ดำเนินการในกสท
กสทจะมีโครงการประกวดราคาสร้างระบบเชื่อมโยงออปติคัล ไฟเบอร์ พื้นที่ภาคใต้ 3 ระบบงบประมาณ 220 ล้าน ยื่นซองประกวดราคาวันที่ 10 พ.ย. ,พื้นที่ภาคตะวันออก 7 ระบบ งบประมาณ 1 พันล้านบาทยื่นซอง 13 พ.ย.และพื้นที่ภาคเหนือ กลาง ตอ. 9 ระบบ งบประมาณ 600 ล้านบาท ยื่นซอง 14 พ.ย.
เปิดโปงวิชามารหัวเหว่ย
แผนที่กสทวางไว้คือ 1.ไม่ระบุเงื่อนไขเรื่องผลงาน เนื่องจากหัวเหว่ยเป็นบริษัทเดียวที่ไม่มีผลงานเทิร์นคีย์เช่นนี้ 2.กำหนดให้มีการทดสอบด้านเทคนิคก่อนในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยในแต่ละพื้นที่จะต้องนำอุปกรณ์ SDH STM-16 มาทดสอบ 3 เครื่อง หากผู้ที่ซื้อซองประกวดราคา 8 รายยื่นเสนอครบทุกพื้นที่ หมายถึงกสทจะต้องทดสอบอุปกรณ์ดังกล่าว 72 เครื่อง ซึ่งจะต้องใช้เวลาทดสอบนานแค่ไหน รวมทั้งอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นของหัวเหว่ย แซดทีอี อัลคาเทล อีริคสัน หรือซีเมนส์ ก็มีการใช้งานในกสทอยู่แล้ว 3.ซื้อเจ้าหน้าที่กสทซึ่งรับผิดชอบเรื่องการทดสอบ ให้ถีบรายที่นอกวงฮั้วหรือไม่ต้องการให้มาแข่งหัวเหว่ยตกสเปกไปถึงแม้จะมีอุปกรณ์เคยใช้งานในกสทแล้วก็ตาม
แผนดังกล่าวเดินซ้ำรอยทีโอที ที่ใช้ถีบแซดทีอี อัลคาเทลตกสเปกโครงการ 5.6 แสนเลขหมาย ซึ่งปัจจุบันโครงการล่าช้าจนประธานบอร์ดทีโอทีต้องสั่งตั้งกรรมการสอบเพราะอุปกรณ์หัวเหว่ยไม่สามารถใช้งานได้ ทั้งๆที่หากต้องการให้โครงการสำเร็จและโปร่งใสจริงก็สามารถทำได้ด้วยการระบุผลงานในอดีตหรือให้มีการทดสอบเทคนิคหลังยื่นซองราคาจนได้ผู้ชนะ
“แผนหัวเหว่ยกับกสท คือใช้การทดสอบ มากีดกันคนอื่นให้ตกสเปก ประสบการณ์เห็นได้จากทีโอที ซึ่งส่งผลให้โครงการมีปัญหาประธานบอร์ดทีโอทีตั้งกรรมการสอบ”
นอกจากความเสียหายที่กำลังหาผู้รับผิดชอบจากโครงการซีดีเอ็มเอแล้ว การที่ไกรสร เป็นกรรมการทั้งบอร์ดทีโอทีและประธานบอร์ดกสท ได้สร้างให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานรัฐทั้ง 2 องค์กรแล้ว โดยที่กสทและทีโอที ได้ยื่นซองเสนอราคาค่าเช่าสายนำสัญญาณความเร็วสูงเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่โครงข่ายอินเทอร์เน็ต (Leased Line) ขนาด 4 Mbps กับสำนักเลขาธิการวุฒิสภาฯ รวมทั้งยื่นซองราคาการให้บริการระบบช่องทางสื่อสารข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ปรากฏว่าทั้งสำนักเลขาธิการวุฒิสภาฯ และรฟม. ถือว่าทีโอทีและกสทซึ่งเป็นผู้เสนอราคามีผลประโยชน์ร่วมกันผิดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ประกวดราคา เนื่องจากมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% รวมทั้งมีนายไกรสร พรสุธี เป็นกรรมการทั้ง 2 บริษัท
“ต่อไปทั้งทีโอทีและกสท ไม่ต้องประมูลงานรัฐแล้ว เพราะถือว่ามีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง และประธานบอร์ด จะปฏิเสธความรับผิดชอบหรือบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้”
เรื่องผลประโยชน์ร่วมกันของผู้ประมูล จะใช้วิธีดื้อตาใสอ้างว่าไม่รู้เรื่องก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะอย่างกรณีการประกวดราคาสร้างระบบเชื่อมโยงออปติคัล ไฟเบอร์ 3 โซนของกสทเองก็กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นซองประกวดราคาข้อ 2.4 ที่กำหนดว่าต้องไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับผู้ยื่นซองประกวดราคารายอื่นซึ่งได้ยื่นประกวดราคาในคราวเดียวกัน
แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตว่าตลอดปี 2548 ที่ผ่านมาบอร์ดทีโอทีมีการประชุมทั้งหมด 24 ครั้งแต่ปรากฏว่าไกรสรเข้าร่วมประชุมเพียง 11 ครั้งหรือไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างของบอร์ดทั้ง 2 หรือไม่มีการแบ่งแยกการประมูลงานหรือการทำธุรกิจของทั้ง 2 หน่วยงานให้ชัดเจน ก็จะเกิดปัญหาดังกล่าวกระทบกับรายได้ที่จะได้รับจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นตลาดหลักที่ผู้ให้บริการเอกชนจ้องจะเข้ามามีส่วนร่วมมาก การทำให้ 2 องค์กรหมดสิทธิ์เข้าประมูล ก็อาจเหมือนเพิ่มโอกาสให้เอกชนมากขึ้น ซึ่งโครงการสำนักเลขาธิการ วุฒิสภาฯนอกจากทีโอทีกับกสท ที่ถูกตีตก ก็มีบริษัท สามารถอินโฟเนต ของตระกูลวิไลลักษณ์, ซีเอส ล็อกซอินโฟ ที่นายบุญคลี ปลั่งศิริเป็นกรรมการ, ทรูอินเตอร์เน็ตของตระกูลเจียรวนนท์ ส่วนโครงการรฟม.เหลือซีเอสล็อกซอินโฟ บริษัทเดียว
Company Related Links :
ICT
CAT
Hua Wei