xs
xsm
sm
md
lg

ICTโยนมหาดไทยจัดซื้อบัตรแม่เหล็ก ทดแทนปัญหา“สมาร์ทการ์ด”ขาดแคลน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไอซีทีให้กระทรวงมหาดไทย จัดซื้อบัตรแม่เหล็กทดแทนปัญหาสมาร์ทการ์ดขาดแคลน เหตุจัดซื้อวิธีพิเศษหาผู้ผลิตไม่ลงตัวทั้งราคาและการส่งมอบ 1.5 ล้านใบได้ทัน 1 ต.ค.  ส่วนจัดซื้อล็อต 13 ล้านใบ หารือกรมบัญชีกลาง สรุปปัญหาเลือกผู้ชนะรายที่สองได้หรือไม่ หลัง ไออาร์ซี เอชเอสที ที่เสนอราคาต่ำสุด 37.45 บาท/ใบ ไม่ผ่านเทคนิค ขณะเดียวกันได้เอ็มโอยู หน่วยงานรัฐ พัฒนาบริการออนไลน์ ให้เชื่อมโยงกับข้อมูล ใช้ร่วมกับบัตรสมาร์ทการ์ด ในอนาคต

น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล รองนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงไอซีทีได้ตัดสินใจให้กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อบัตรประชาชนชนิดแถบแม่เหล็กมาใช้งาน ทดแทนปัญหาการขาดแคลนบัตรประชาชนอเนกประสงค์อิเล็กทรอนิกส์(สมาร์ทการ์ด) ถึงแม้ก่อนหน้านี้ กระทรวงไอซีที ได้ดำเนินการจัดซื้อบัตรแบบวิธีพิเศษ จำนวน 1.5 ล้านใบ โดยเห็นว่าการจัดประกวดราคาดังกล่าวไม่มีบริษัทเอกชนรายใดสามารถส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ดได้ตามกำหนดวันที่ 1 ตุลาคม

“งบประมาณที่จัดซื้อจะเป็นของกระทรวงไอซีที แต่ทางมหาดไทยจะเป็นผู้จัดหาบัตรเอง โดยจะใช้งบประมาณที่ใช้จัดซื้อบัตรสมาร์ทการ์ด ประมาณ 22 ล้านบาท ที่เหลือจากการเงินส่วนเหลือจากยอดที่ประหยัดลงจากการประมูลมาใช้แทนการของบประมาณใหม่ และจะไม่กระทบกับงบประมาณที่ใช้จัดซื้อบัตรสมาร์ทการ์ดอีก 13 ล้านใบที่เหลือ"

สำหรับการประกวดราคาพิเศษในครั้งนี้มีกิจการร่วมค้าฟีม่าเพียงรายเดียวที่เสนอราคา โดยเสนอราคาใบละ 61.50 บาท จากราคากลางที่กระทรวงกำหนดไว้ประมาณ 37.45 บาท/ใบ ซึ่งสูงกว่าราคากลางที่กระทรวงกำหนดเป็นอย่างมาก ดังนั้นกระทรวงไอซีที จึงตัดสินใจเรียกบริษัทที่เคยเข้าประกวดราคาบัตรสมาร์ทการ์ดทั้งหมด 7 รายมาเสนอราคาใหม่อีกครั้ง โดยมีการเสนอราคาต่ำสุดที่ 41 บาท/ใบ แต่ขอส่งในวันที่ 20 ตุลาคม ส่วนผู้ประกอบการอีกรายเสนอราคาสูงสุดใบละ 59 บาท แต่จะส่งได้ 2 ตุลาคม ซึ่งหากรวมระยะเวลาที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องนำโปรแกรมไปลงในบัตรอีก 3 สัปดาห์ ก็ถือว่าล่าช้ามากกว่าจะสามารถออกบัตรให้กับประชาชนได้

ส่วนการประมูลบัตรสมาร์ทการ์ดล็อต 2 จำนวน 13 ล้านใบแรก กระทรวงไอซีทีอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณากับกรมบัญชีกลาง เพื่อหาข้อสรุปถึงข้อปัญหาการคัดเลือกผู้ที่ชนะอันดับ 2 กิจการร่วมค้าโอเบอร์ทัวร์ และมารูเบนิ ที่เสนอราคา 540.80 ล้านบาท เฉลี่ยใบละ 41.50 บาท หรือกิจการร่วมค้า ไออาร์ซี เอชเอสที ที่เสนอราคาต่ำสุด 486.85 ล้านบาท เฉลี่ย 37.45 บาท/ใบ หลังจากที่ได้มีการพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นในส่วนของทางเทคนิคจนไม่สมารถจะสรุปการจัดซื้อได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะมอบหมายให้ทางผู้ที่รับผิดชอบดำเนินการให้เร็วที่สุดถึงข้อสรุป เพื่อให้มีการส่งมอบบัตรในล็อตแรกให้ทันต่อความต้องการของมหาดไทย

นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ  ผู้ตรวจราชการกระทรวงไอซีที กล่าวว่า เพื่อให้การประกวดราคาดำเนินการโดยเร็วที่สุด กระทรวงไอซีทีจะทำหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทย นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง เพื่อให้สามารถนำบัตรไปใช้งานได้ทันกำหนดการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นประมาณปลายปีนี้

ในวันเดียวกันนี้ (18ก.ย.) กระทรวงไอซีที ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนา e-service ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา สำนักงานบริหารโครงการปฏิรูประบบการเงินเพื่อการอุดมศึกษา สำนักงานบริหารโครงการปฏิรูประบบการเงินเพื่อการอุดมศึกษา

น.พ.สุชัยกล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับความสามารถในการบริหารจัดการ และการบริการประชาชน ในการบริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้แผนทิศทางการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์  ซึ่งบริการที่เกิดขึ้นจะใช้ผ่านช่องทางเว็บไซต์อี-กัฟเวอร์เมนต์ ที่จะเชื่อมโยงไปยังระบบของหน่วยงานที่เข้ามาบันทึกข้อตกลงครั้งนี้

บริการที่ได้นำมาเชื่อมโยงผ่านระบบออนไลน์ ประกอบไปด้วย การจัดหางานของบัณฑิต ระบบการวางแผนเพื่อการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาโดยผ่านกองทุน กรอ. ระบบการจัดหางานสำหรับผู้สมัครงานและผู้ว่าจ้าง ระบบส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ระบบข้อมูลข่าวสารกรมควบคุมดรค และระบบการแจ้งเบาะแสผู้ประสบปัญหาทางสังคม

นางมณีรัตน์ ผลิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวว่า โครงการนี้จะเห็นผลได้ในระยะเวลา 1ปี หลังจากที่ลงนามในครั้งนี้ โดยแต่ละบริการได้มีเป้าหมายให้บริการประชาชนไว้ไม่น้อยกว่า 2.5 แสนราย  ส่วนบริการของหน่วยงานอื่นที่ยังไม่ได้เข้าร่วม กระทรวงไอซีที จะยังประสานความร่วมมือให้เข้ามาเชื่อมโยง โดยจะเป็นโครงการต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้มีหลายหน่วยงานที่อยู่ในระหว่างการปรับระบบบริการให้สามารถเข้ามาเชื่อมโยงยังระบบส่วนกลาง

สำหรับงบประมารที่ดำเนินการส่วนนี้อยู่ในแผนที่ 1 ของการพัฒนาบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีระยะเวลา 3 ปี  ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมารลงทุนในส่วนนี้เป็นจำนวน 220 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในส่วนระบบเครือข่าย  160 ล้านบาท ส่วนของระบบไอทีเซอร์วิส 60 ล้านบาท

Company Related Link:
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
กำลังโหลดความคิดเห็น