xs
xsm
sm
md
lg

"ชาญ"ดึงทุนจีนกลับสู่ยุทธจักรไอที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ชาญ อัศวโชค" เจ้าของฉายาแมว 10 ชีวิตที่เคยผจญกับภัยเศรษฐกิจหนักหนาสาหัส ประกาศร่วมทุนกับบริษัทไอทียักษ์ใหญ่สัญชาติจีนมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท เชื่อจะสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ไอทีไทยได้มหาศาล แม้จะยังไม่สามารถให้รายละเอียดโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้มากนัก แต่ก็ระบุว่า โครงการลูกป๋าอย่างซับไมครอนจะสามารถคลอดได้แน่ ขอเพียงรอให้เม็ดเงินพร้อมเท่านั้น

  • จับมือมังกร"ฉางเจียง"

    สาระสำคัญของการร่วมมือในครั้งนี้ระหว่างบริษัท แนสคอม เน็ตเวิร์ค จำกัด และบริษัทฉางเจียง คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชัน จำกัด บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากประเทศจีนคือการร่วมทุนเพื่อพัฒนาสินค้าไอทีร่วมกัน ทั้งในด้านอุตสาหกรรมไอทีและอุตสาหกรรมโทรคม โดยจะเป็นลักษณะการเพิ่มทุนหรือการเข้ามาถือหุ้นในบริษัทแนสคอม คาดว่าจะมีอย่างน้อย 2-3 โครงการเกิดขึ้นจากการเซ็นสัญญาครั้งนี้

    นายชาญ อัศวโชค ประธานกรรมการบริหาร แนสคอมเน็ตเวิร์ก กล่าวว่าโครงการแรกที่จะเกิดขึ้นคือโครงการด้านไอที ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการทำอินทิเกรชันให้กับระบบ โดยโครงการแรกจะเริ่มในปลายปีนี้ ลักษณะโครงการคือทำสินค้าไอทีออกมาวางจำหน่าย ก่อนจะขยายไปโครงการที่สอง ที่คาดว่าจะเป็นโครงการเกี่ยวกับการโทรคม

    "อาจจะเป็นชุดเครื่องคอมพิวเตอร์ ขอบเขตการพัฒนามีหลายรูปแบบ ยังเป็นการคุยคร่าวๆ ที่รายละเอียดยังไม่กำหนด นี่เป็นจุดเริ่มต้น วันนี้เราประกาศว่าจับมือกัน ขั้นต่อไปก็คือการลงรายละเอียด คาดว่ามูลค่าการลงทุนจะอยู่ในหลักหมื่นล้านบาทภายใน 2 ปีข้างหน้า" โดยนายชาญให้เหตุผลที่ไม่สามารถระบุสัดส่วนการลงทุนของทางฉางเจียงและแนสคอมเนื่องจากความร่วมมือนี้จะครอบคลุมในหลายโครงการ ซึ่งแต่ละโครงการมีสัดส่วนการลงทุนที่ไม่แน่นอน

    "ผมเลยไม่รู้จะบอกยังไง อย่างเช่นโครงการที่เกี่ยวกับเทเลคอมเราอาจจะถือหุ้นน้อยหน่อย แต่ถ้าเป็นโครงการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ก็คงมากหน่อย"

    ในแถลงการณ์ระบุว่า การเป็นพันธมิตรกับฉางเจียงจะทำให้แนสคอมสามารถเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายการสื่อสารคุณภาพระดับโลกได้

    นายชาญมองว่าการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนเลือกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เป็นการตอกย้ำว่าประเทศจีนมองประเทศไทยเป็นประเทศที่มีโอกาสเติบโตมาก เช่น การมีโครงการสมาร์ทการ์ด ซึ่งมีความเป็นได้ไปมากในการขยายธุรกิจ โดยนายเจียว ซิหยวน ประธานกรรมการบริหาร ฉางเจียงคอมพิวเตอร์กรุ๊ป ระบุว่ามีความเชื่อถือตลาดประเทศไทย คาดว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการลงทุนระยะยาว

    "เราคงต้องใช้เวลาศึกษาตลาดก่อน จึงจะระบุได้ว่างบการลงทุนในแต่ละโครงการจะเป็นเท่าไหร่ ถ้าตลาดเปิดตัวได้เร็วก็จะลงทุนได้มาก"

    สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งนายเจียวพูดถึง คือความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการด้านเครือข่ายคลื่นวิทยุและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จุดนี้นายชาญอธิบายว่าเป็นไปได้ว่าแนสคอมอาจจะพัฒนาในส่วนเครือข่ายแต่คงต้องรอเวลาอีก 5- 6 ปีขึ้นไป ขณะนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากนัก โดยอาจทำเป็นช่วงเล็กๆก่อน และขอดูโอกาสก่อนจะตัดสินใจก้าวสู่การเป็นโอเปอเรเตอร์ในอนาคต

    สำหรับการเพิ่มทุนในแนสคอมนั้น เบื้องต้นนายชาญไม่ระบุว่าจะมีเฉพาะฉางเจียงเท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถระบุว่าสัดส่วนตัวเลขการเพิ่มทุนที่แน่นอนจะเป็นเท่าใด โดยนายชาญให้ขอบเขตเพียงว่า บริษัทที่จะเข้ามาร่วมทุนจะเป็นบริษัทต่างชาติ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นจีนและประเทศตะวันตกอย่างสหรัฐฯและเยอรมัน ซึ่งภาพรวมการเข้ามาเพิ่มทุนในแนสคอมน่าจะลงตัวภายในปลายปีนี้

  • ซับไมครอนไม่ตาย

    สัญญาที่แนสคอมเซ็นกับฉางเจียงในครั้งนี้เป็นสัญญาฉบับที่สามแล้วที่แนสคอมได้ทำกับทางการจีน โดยฉบับแรกเป็นสัญญาเกี่ยวกับการร่วมทุนโรงงานไฟฟ้า สองคือโรงงานผลิตไมโครชิปเทคโนโลยีซับไมครอน ซึ่งนายชาญยืนยันว่าเขาจะยืนหยัดอยู่ในอุตสาหกรรมผลิตเวเฟอร์ต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่


    "ฉบับแรกเป็นสัญญาตั้งโรงงานไฟฟ้าที่แปดริ้ว คาดว่าจะตั้งในช่วงปลายปีนี้ ฉบับที่สองเป็นการตั้งซับไมครอนเวเฟอร์แลป" นายชาญอธิบายว่าการตั้งโรงไฟฟ้าเป็นผลสืบเนื่องจากซับไมครอนนั้นใช้ไฟฟ้าปกติไม่ได้ จึงต้องมีการสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขึ้นมาเป็นตัวป้อนโรงงานในนิคมโดยเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งพลังงานไฟฟ้าให้กับทางกฟภ.ด้วย

    "โครงการซับไมครอนต้องใช้เงิน 1,700 เหรียญ คงต้องคุยกันต่อไปเพราะฉางเจียงรายเดียวคงไม่พอ การร่วมมือกับประเทศจีนคงเป็นการช่วยเหลือทางด้านเม็ดเงินลงทุน ส่วนด้านเทคโนโลยีก็มีเจรจากับบริษัททางตะวันตก เช่นอินฟินีออนเทคโนโลยีของเยอรมัน และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆของอเมริกา"

    "รอเงินอย่างเดียว แผนมีหมดแล้ว ถ้ามีเงินผมลุยเลย"

  • ชาญคัมแบค

    การแถลงข่าวการเซ็นสัญญาระหว่างแนสคอมและฉางเจียงเป็นงานแถลงข่าวครั้งแรกในรอบ 6-7 ปีของนายชาญ โดยนายชาญเชื่อว่า อนาคต แนสคอมจะต้องเปิดรับพนักงานใหม่กว่า 1,000 คน ขอเพียงรอเม็ดเงินเท่านั้น โดยอาจจะต้องมีโรงงานเพิ่มขึ้นราว 3-4 โรงตามจำนวนโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    "โลกเปลี่ยนไปเยอะมาก เรื่องเทคโนโลยี เรื่องคอนเนคชันผมไม่กลัว แต่เรื่องเงินทำให้ผมต้องเอาจีนเข้ามา" นายชาญกล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยยอมรับว่ายังไม่ชินกับการร่วมทุนกับประเทศจีนเท่ากับสหรัฐอเมริกาที่เคยร่วมงานกันมานาน แต่จำเป็นต้องปรับตัวให้ได้เพื่อการกลับมาสู่สังเวียนอุตสาหกรรมไอทีหลังจากพาบริษัทเข้าสู่แผนฟูฟื้นกิจการ

    "จีนมีทุกอย่าง เป็นแหล่งเดียวในโลกที่สามารถผลิตสินค้าต้นทุนต่ำได้ ผมมองว่าเราก็น่าจะสามารถทำได้เหมือนกัน ลูกค้าไม่ต้องการกระจุกตัวโรงงานผลิตสินค้า แต่ต้องการกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผมคิดว่านี่คือโอกาสของเรา" นายชาญกล่าวว่าสัญญาที่เกิดขึ้นเป็นหนึ่งในช่องทางการเรียนรู้เทคโนโลยีจากประเทศจีน "ต้องยอมรับว่าจีนมีความสามารถมากกว่าเรา ทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิต อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก ไม่ใช่ค่าแรงถูกอย่างเดียวแต่วัสดุเค้าถูกด้วย เราต้องศึกษาเขา ผมเป็นนักอุตสาหกรรม ผมก็อยากรู้ว่าเขาทำได้ยังไง"

    "ผมไม่ได้หนีไปไหน ลองผิดลองถูกมาเยอะ ผมยังเก็บโรงงานเหล่านี้ไว้อยู่ โครงสร้างโรงงานเดิมยังใช้งานได้ แต่ต้องปรับปรุงนิดหน่อยในส่วนสาธารณูปโภคพื้นฐาน" นายชาญกล่าวถึงการหวนกลับสู่วงการไอทีอีกครั้ง "ส่วนแผนฟื้นฟูก็ยังอยู่ในขั้นตอน ภายในปีนี้น่าจะจบ จบหมายความว่าบริษัทสามารถกลับมาดำเนินการต่อได้"

    "วันนี้เราถึงกล้ากลับมาเปิดตัว"

    การกลับมาเปิดตัวครั้งนี้เป็นการกลับมาหลังการประกาศรับโอนหนี้ของบริษัท ซับไมครอนเทคโนโลยี โดย บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย จำกัด หรือ บสท. ด้วยยอดเงินต้น 8,675.28 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยค้างรับจำนวน 6,159.16 ล้านบาท และการตัดสินใจของ บสท.ด้วยว่าให้มีการแปลงหนี้เป็นทุนในบริษัทบี สแควร์ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (B Square) ประมาณ 4,326 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแนสคอม

    สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชื่อของนายชาญ อัศวโชค กลับมาเป็นที่กล่าวขานถึงอีกครั้ง นายชาญสามารถพ้นจากสถานภาพบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 ที่ผ่านมา การพ้นสภาพทำให้เขาสามารถกลับมาสู่วงการอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกครั้ง โดยหันมาก่อตั้งบริษัทแนสคอมขึ้นในปี 2547 เพื่อขยายสายธุรกิจสู่เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมสารสนเทศ การสื่อสาร และวงการทหาร หลังจากที่เริ่มสร้างฐานที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2531

    ฉางเจียง คอมพิวเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชัน เป็นบริษัทที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2530 เป็นบริษัทติดอันดับ 1 ใน 100 บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนที่เป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอทีในจีนให้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รายได้ปีการเงินล่าสุดอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านหยวนหรือราว 1.67 แสนล้านบาท มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การทำอินทีเกรชันระบบการการบริการข้อมูล ครอบคลุมทั้งตลาดธุรกิจพลังงาน ขนส่ง การศึกษา สถาบันการเงิน โรงพยาบาล ฯลฯ

    ฉางเจียงระบุว่า หนึ่งในสินค้าแรกที่ทางฉางเจียงจะส่งเข้ามาบุกตลาดไทยคือระบบสมาร์ทการ์ดสำหรับใช้แทนเงินสดในปั้มน้ำมัน โดยฉางเจียงเป็นผู้ผลิตทุกส่วนประกอบของระบบตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งตัวสมาร์ทการ์ด ระบบซอฟต์แวร์โซลูชันที่ใช้ โดยจะเป็นระบบที่ลิงก์ไปยังธนาคารด้วย ระบบดังกล่าวของฉางเจียงมีการนำไปใช้จริงแล้วหลายประเทศในเอเชีย โดยกลุ่มเป้าหมายคือบริษัทผู้ค้าปลีกน้ำมัน เช่น ปตท. เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ผู้ค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทยหลายรายมีทีท่าสนใจในระบบดังกล่าวแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาตกลงและเรียนรู้ร่วมกันกับทั้งสองฝ่ายก่อนจะเห็นเป็นรูปภายในเร็วๆนี้
  • กำลังโหลดความคิดเห็น