อินเทล ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก ได้รับสิทธิ์จากรัฐบาลเวียดนาม อนุมัติไฟเขียวโครงการสร้างโรงงานผลิตชิปมูลค่า 605 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 23,909.6 ล้านบาท ที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามแล้ว
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า โรงงานดังกล่าวจะกินพื้นที่ราว 46.7 เฮคเตอร์ (1 เฮคเตอร์เท่ากับ 1 หมือนตารางเมตร) คาดว่าจะมีการจ้างงานบุคลากรในท้องถิ่นราว 2,000 ราย เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญให้อุตสาหกรรมไอทีในเวียดนามเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"อินเทลและรัฐบาลเวียดนามสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกัน และได้ผ่านใบอนุญาตให้อินเทลเรียบร้อยแล้ว" เจ้าหน้าที่กระทรวงวางแผนการลงทุนของเวียดนาม หรือ Ministry of Planning and Investment กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
ด้านตัวแทนของอินเทลสาขาเวียดนามปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆในขณะนี้ โดยกล่าวเพียงว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการใน 2-3 วันข้างหน้า
ความคืบหน้าล่าสุดของอินเทลในเวียดนาม คือเมื่อปี 2003 ที่ผ่านมา อินเทลได้เซ็นสัญญากับบริษัท FPT บริษัทลูกครึ่งสัญชาติเวียดนามผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป โน้ตบุ๊ก และเซิร์ฟเวอร์แบรนด์ Elead ซึ่งเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของเวียดนาม ผลของสัญญาดังกล่าวทำให้อินเทลจำหน่ายซีพียู เมนบอร์ด และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์อื่นๆในราคาพิเศษ เพื่อให้ FPT นำชิ้นส่วนเหล่านี้ไปประกอบในผลิตภัณฑ์แบรนด์ Elead เพื่อจำหน่ายในประเทศเวียดนาม
"แน่นอนว่า การลงทุนของอินเทลจะช่วยสร้างงานให้กับประชากรเวียดนามจำนวนมาก" ตัวแทนของ FTP กล่าว "นอกจากนี้ เวียดนามยังได้รับประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่นการนำเอาเม็ดเงิน และเทคโนโลยีภูมิความรู้ รวมถึงการดึงดูดความสนใจบริษัทต่างชาติรายอื่นๆให้เข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนาม ส่งให้เวียดนามสามารถพัฒนาอุตาหกรรมไอทีในประเทศจนได้รับความสนใจในระดับโลกได้"
ทำไมต้องเป็นเวียดนาม
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า เหตุที่อินเทลเลือกประเทศเวียดนามเป็นที่ตั้งโรงงาน คืออัตราค่าแรงและความสามารถของบุคลากร
ตลาดเวียดนามถูกมองว่าจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต ประกอบกับบุคลากรเวียดนามมีความสามารถสูง ค่าแรงไม่แพง ขณะเดียวกัน อินเทลเองก็ต้องการกระจายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงใดๆที่อาจเกิดขึ้น
"นี่เป็นก้าวที่สำคัญมากของวงการไอทีเวียดนาม" เฮนรี่ เหวียน (Henry Nguyen) ผู้จัดการทั่วไปของไอดีจีสาขาเวียดนามกล่าว "วันนี้ เหตุผลที่อินเทลเลือกเวียดนามคือ ค่าแรงที่ถูก และความง่ายดายในการอบรมหรือฝึกฝนบุคลากร แต่ใน 2-3 ปีข้างหน้า ผมคิดว่า เวียดนามจะไม่หยุดอยู่ที่เพียงการเป็นภาคการผลิตเท่านั้น แต่เวียดนามจะสามารถสร้าง วิจัยพัฒนานวัตกรรมด้านไอทีได้เอง"
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พอล โอเทลลินี่ (Paul Otellini) ให้ข้อมูลว่ายอดขายของอินเทลในเวียดนามกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเวียดนามเป็นตลาดพีซีที่มีการเติบโตเร็วที่สุดใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ที่มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
โอเทลลินีเคยเดินทางไปประเทศเวียดนามเพื่อเซ็นสัญญากับรัฐบาลเวียดนาม ให้ประชาชนและภาครัฐสามารถเข้าใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศได้ง่ายดาย โดยอินเทลได้ตั้งมูลนิธิขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อทำหน้าที่ขยายโครงข่ายการเชื่อมต่อระหว่างกระทรวง ภาครัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงองค์กรต่างๆ ให้ทั้งหมดสามารถใช้ประโยชน์จากไอทีได้มากขึ้น
มกราคมที่ผ่านมา อินเทลประกาศตัวเลขผลกำไรในไตรมาสสี่ ปี 2005 ว่ามีมูลค่าราว 2.5 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วราว 16 เปอร์เซ็นต์ แม้จะต่ำกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
Company Related Links :
Intel
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า โรงงานดังกล่าวจะกินพื้นที่ราว 46.7 เฮคเตอร์ (1 เฮคเตอร์เท่ากับ 1 หมือนตารางเมตร) คาดว่าจะมีการจ้างงานบุคลากรในท้องถิ่นราว 2,000 ราย เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญให้อุตสาหกรรมไอทีในเวียดนามเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"อินเทลและรัฐบาลเวียดนามสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกัน และได้ผ่านใบอนุญาตให้อินเทลเรียบร้อยแล้ว" เจ้าหน้าที่กระทรวงวางแผนการลงทุนของเวียดนาม หรือ Ministry of Planning and Investment กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
ด้านตัวแทนของอินเทลสาขาเวียดนามปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆในขณะนี้ โดยกล่าวเพียงว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการใน 2-3 วันข้างหน้า
ความคืบหน้าล่าสุดของอินเทลในเวียดนาม คือเมื่อปี 2003 ที่ผ่านมา อินเทลได้เซ็นสัญญากับบริษัท FPT บริษัทลูกครึ่งสัญชาติเวียดนามผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป โน้ตบุ๊ก และเซิร์ฟเวอร์แบรนด์ Elead ซึ่งเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของเวียดนาม ผลของสัญญาดังกล่าวทำให้อินเทลจำหน่ายซีพียู เมนบอร์ด และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์อื่นๆในราคาพิเศษ เพื่อให้ FPT นำชิ้นส่วนเหล่านี้ไปประกอบในผลิตภัณฑ์แบรนด์ Elead เพื่อจำหน่ายในประเทศเวียดนาม
"แน่นอนว่า การลงทุนของอินเทลจะช่วยสร้างงานให้กับประชากรเวียดนามจำนวนมาก" ตัวแทนของ FTP กล่าว "นอกจากนี้ เวียดนามยังได้รับประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่นการนำเอาเม็ดเงิน และเทคโนโลยีภูมิความรู้ รวมถึงการดึงดูดความสนใจบริษัทต่างชาติรายอื่นๆให้เข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนาม ส่งให้เวียดนามสามารถพัฒนาอุตาหกรรมไอทีในประเทศจนได้รับความสนใจในระดับโลกได้"
ทำไมต้องเป็นเวียดนาม
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า เหตุที่อินเทลเลือกประเทศเวียดนามเป็นที่ตั้งโรงงาน คืออัตราค่าแรงและความสามารถของบุคลากร
ตลาดเวียดนามถูกมองว่าจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต ประกอบกับบุคลากรเวียดนามมีความสามารถสูง ค่าแรงไม่แพง ขณะเดียวกัน อินเทลเองก็ต้องการกระจายฐานการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงใดๆที่อาจเกิดขึ้น
"นี่เป็นก้าวที่สำคัญมากของวงการไอทีเวียดนาม" เฮนรี่ เหวียน (Henry Nguyen) ผู้จัดการทั่วไปของไอดีจีสาขาเวียดนามกล่าว "วันนี้ เหตุผลที่อินเทลเลือกเวียดนามคือ ค่าแรงที่ถูก และความง่ายดายในการอบรมหรือฝึกฝนบุคลากร แต่ใน 2-3 ปีข้างหน้า ผมคิดว่า เวียดนามจะไม่หยุดอยู่ที่เพียงการเป็นภาคการผลิตเท่านั้น แต่เวียดนามจะสามารถสร้าง วิจัยพัฒนานวัตกรรมด้านไอทีได้เอง"
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พอล โอเทลลินี่ (Paul Otellini) ให้ข้อมูลว่ายอดขายของอินเทลในเวียดนามกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเวียดนามเป็นตลาดพีซีที่มีการเติบโตเร็วที่สุดใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ที่มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
โอเทลลินีเคยเดินทางไปประเทศเวียดนามเพื่อเซ็นสัญญากับรัฐบาลเวียดนาม ให้ประชาชนและภาครัฐสามารถเข้าใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศได้ง่ายดาย โดยอินเทลได้ตั้งมูลนิธิขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อทำหน้าที่ขยายโครงข่ายการเชื่อมต่อระหว่างกระทรวง ภาครัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงองค์กรต่างๆ ให้ทั้งหมดสามารถใช้ประโยชน์จากไอทีได้มากขึ้น
มกราคมที่ผ่านมา อินเทลประกาศตัวเลขผลกำไรในไตรมาสสี่ ปี 2005 ว่ามีมูลค่าราว 2.5 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วราว 16 เปอร์เซ็นต์ แม้จะต่ำกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
Company Related Links :
Intel