xs
xsm
sm
md
lg

เชื่อคอนเทนต์ออนดีมานด์ไทยโตไททัชตั้งเป้าปีหน้ากวาด 350 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไททัชเชื่อตลาดระบบถ่ายทอดคอนเทนท์นานาชนิดบนทีวีหรือที่เรียกว่า Content on Demand ในสถานที่อย่างโรงภาพยนตร์ สถานีรถไฟฟ้า หรือแฟรนไชส์ร้านอาหารในประเทศไทยขยายตัวแน่นอน ประกาศชัดพัฒนาเองแบบครบวงจรไร้คู่แข่ง ตั้งเป้าปีหน้ากวาดรายได้ 350 ล้านบาท

นายจอห์นนี ซีโก ประธานที่ปรึกษาและซีอีโอ บริษัท Taitouch Marketing Consultant จำกัด ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ระบบมัลติมีเดียบอร์ดคาสติง กล่าวว่า ธุรกิจโซลูชันถ่ายทอด Content on Demand บนเครือข่ายทีวีในสถานที่อย่างโรงภาพยนตร์ แฟรนชายส์ร้านค้าร้านอาหาร หรือธนาคารในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการขยายตัว

"เป็นซอฟต์แวร์โซลูชันที่สามารถเอาไปใช้ได้ในหลายกลุ่ม ธนาคาร หน่วยงานภาครัฐฯ แฟรนชายส์ร้านค้าร้านอาหาร โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า โรงเรียนมหาวิทยาลัย ยกตัวอย่างเช่นร้านค้าแฟรนไซส์ นอกจากร้านจะต้องการฉายรายการทีวีทั่วไปให้ลูกค้าชมแล้ว บางครั้งอาจจะต้องการประชาสัมพันธ์ข้อมูลโปรโมชันของร้าน หรืออาจอยากมีพื้นที่สำหรับอัปเดทข่าวด่วน เหล่านี้เราสามารถรวมอยู่บนหน้าจอเดียวกันได้ ตลาดนี้เติบโตมหาศาลในหลายประเทศ ประเทศไทยนั้นกำลังอยู่ระหว่างการเติบโต"

การเติบโตของระบบ Content on Demand นั้นเห็นได้ชัดเจน สามารถสังเกตได้จากหน้าจอทีวีที่มีลักษณะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นกรอบหลายๆกรอบ โดยแต่ละกรอบจะถ่ายทอดเนื้อหาเรื่องราวที่แตกต่างกันไป หลักการทำงานคือหน้าจอทีวีจะถูกต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์นี้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไข รวบรวมคอนเทนท์ตามต้องการเพื่อจัดสรรให้แสดงผลบนหน้าจอเดียวได้ โดยไททัชนั้นให้บริการ Content on Demand ผ่านเว็บเบราเซอร์ด้วย

ไททัชทำตลาดในชื่อ e-TV 21 ย่อมาจาก Enformation TV แห่งศตวรรษที่ 21 เป็นการรวมเอาระหว่างเอนเตอร์เทนเมนท์และอินฟอร์เมชันเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การพัฒนาเองในประเทศไทย

เด่นที่พัฒนาเอง

"เราพัฒนาเอง ถ้าลูกค้าต้องการอินทีเกรทอะไรเราทำได้หมด ทั้งระบบไลฟ์เอสเอ็มเอส ระบบจัดหมายเลขคิว ไลฟ์ไอพีคาเมร่า หรือระบบประกาศข่าวข้อมูลแบบเรียลไทม์ ต่างกับบริษัทอื่นที่อยู่ในตลาดนี้ พวกนั้นนำเข้าซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ ซึ่งเมืองนอกอาจจะยอมแก้ไขหรือไม่ยอมแก้ไขซอฟต์แวร์เพื่อปรับตามความต้องการของลูกค้าก็ได้"

นอกจากจุดเด่นเรื่องการพัฒนาโดยคนไทย ไททัชยังมีจุดเด่นที่การใช้งานง่ายของโปรแกรม ผู้ใช้ระบบนี้สามารถเพิ่มช่องทางทำรายได้จากระบบด้วยการรับค่าโฆษณาได้ เอื้อประโยชน์ต่อการทำประชาสัมพันธ์ สามารถเรียกดูรีพอร์ทว่าระบบได้ถ่ายทอดคอนเทนท์ใดไป ซึ่งสามารถนำไปเป็นฐานข้อมูลประกอบการตัดสินใจอื่นๆได้

นายจอห์นนี่กล่าวว่า นอกจากระบบ Content on Demand ไททัชยังให้บริการถ่ายทอดสดผ่านเครือข่าย LAN WAN Internet และ Intranet ควบคุมจากเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง

"การถ่ายทอดสดนี้สามารถนำมาใช้ได้กับทั้งการประชุมทางไกลและการเรียนทางไกล ตอนนี้เรามีโครงการ Aroma School จะเป็นการถ่ายทอดสดการสอนทำผลิตภัณฑ์อโรมา เราสามารถฟิกซ์ตารางเวลาเหมือนการเข้าคลาสในห้องเรียนได้ ด้านการศึกษาเรายังมีโครงการ UNET เป็นโครงการ Content on Demand กับมหาวิทยาลัยเอแบคและเกษตรศาตร์ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการทดลองใช้งาน ในอนาคตคาดว่าจะมีการรวมกันระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆ"

ไททัชมองว่าข้อจำกัดของระบบมัลติมีเดียบรอดคาสติงนั้นอยู่ที่การเป็นโซลูชันโปรดักที่ต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาตามความต้องการของตลาด ระยะเวลาในการดำเนินงานค่อนข้างนาน การลงทุนค่อนข้างสูง และยังขาดบุคลากรในการพัฒนาคอนเทนท์อยู่ในขณะนี้ แต่ข้อได้เปรียบคือการได้รับประโยชน์ในวงกว้าง

“ระยะเวลาพัฒนาราว 6 ถึง 10 เดือน อย่างระบบในธนาคารต้องใช้เวลาราวหนึ่งปี ความต้องการของลูกค้ามีมาก ธุรกิจนี้ไม่เหมือนกับการขายกระดาษ แต่ต้องอาศัยระยะเวลาพัฒนาและ educate ลูกค้า”

ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ ประกอบกับการเพิ่งเริ่มเปิดตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่งให้จำนวนเพลเยอร์ (player) หรือหน้าจอแสดงผลที่ใช้โปรแกรมของไททัชยังไม่แพร่หลายมากนัก

“ถ้าจะให้ประมาณมูลค่าตลาดในปีหน้า คงต้องบอกว่ามูลค่าในแต่ละฟิลด์ไม่เหมือนกัน โฆษณาก็อย่างหนึ่ง โรงพยาบาลก็อย่างหนึ่ง ตลาดค่อนข้างกว้างมาก มูลค่ามหาศาล แต่สำหรับเรา เราคาดการณ์ว่าปีหน้าทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รวมกันน่าจะประมาณ 350 ล้านบาท นี่คือ best ของเรา ที่ผ่านมาเรายังอยู่ในช่วงการตลาด จำนวนเพลเยอร์ยังน้อย ประมาณ 200 จุด”

ยังไม่เห็นคู่แข่ง

ผู้บริหารไททัชมั่นใจว่า ยังไม่มองว่าบริษัทใดเป็นคู่แข่ง ระบุว่ายังไม่มีบริษัทใดสามารถพัฒนาระบบเองได้ครบวงจรเช่นไททัช

"บางรายยังเป็นระบบแมนนวลอยู่ คอนเทนท์ทุกอย่างต้องบันทึกใส่ซีดีเพื่อเปิด"

ราคาของ e-TV จะคำนวณตามจำนวนเพลเยอร์ สนนราคาไลเซนส์ซอฟต์แวร์อย่างเดียวคือ 60,000 บาทต่อหนึ่งเพลเยอร์ต่อปี ประมาณ 100,000 บาทต่อฮาร์แวร์และซอฟต์แวร์หนึ่งชุด ส่วนแผนการพัฒนาในอนาคตคือการขยายวงไปสู่เครือข่ายไร้สาย และการเน้นที่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อย่างอุปกรณ์ setop box พร้อมเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศเวียดนาม จีน และไต้หวัน

“ตอนนี้ระบบเรารันบนวินโดวส์อย่างเดียว ในอนาคตเราจะพัฒนาเวอร์ชันลินุกซ์เพื่อลดต้นทุนค่าโอเอส เราจะขยายวงสู่ระบบ wireless broadcasting และอุปกรณ์ setop box เรากำลังเร่งทำการตลาด ออกโรดโชว์งานแสดงสินค้าต่างๆ เทรนด์ของตลาดเราเชื่อว่าในอนาคตจะขยายตัวขึ้น ต้นทุนก็จะลดลง”

ซอฟต์แวร์ e-TV 21 ได้รับรางวัล Thailand ICT Awards 2004 สาขา Entertainment Application จากงาน ICT expo 2004 เคยจัดโชว์ทั่วงาน Commart Comtech 2004 กว่า 30 จุด มีฐานลูกค้าในธุรกิจร้านอาหารทั่วกรุงเทพฯกว่า 50 ร้าน โรงภาพยนตร์อีจีวี จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ และกำลังอยู่ระหว่างการสร้างสรรค์โครงการกับบริษัททีทีแอนด์ที คาดว่าจะมีการเปิดตัวบริการใหม่ในเร็ววันนี้

Company Related Links:
กำลังโหลดความคิดเห็น