แอปเปิลเผยโฉม “Final Cut Studio” ชุดโปรแกรมสำหรับการผลิตงานวิดีโอคุณภาพสูง ชูจุดเด่นรวมการทำงานของโปรแกรมตัดต่อและออกแบบเสียงชุดใหญ่ เน้นเจาะตลาดผู้ผลิตสื่อและโปรดักชั่นเฮาส์
นายร็อบโชเบน รองประธานฝ่ายการตลาดสำหรับซอฟต์แวร์ บริษัทแอปเปิล กล่าวว่า ความสามารถของ Final Cut Pro Studio คือการสร้างงานที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างภาพ เสียง และเอฟเฟ็กต์ให้ทำงานร่วมกับได้อย่างกลมกลืน
Final Cut Studio เป็นชุดโปรแกรมด้านการตัดต่อ ประกอบด้วยโปรแกรม Final Cut Pro 5, Soundtrack Pro, Motion 2 และ DVD Studio Pro 2 สามารถตัดต่องานในระบบ HD ได้หลากหลายรูปแบบ และมีการแสดงผลกราฟิกที่สวยงาม โดยหัวใจหลักของชุดซอฟต์แวร์ดังกล่าวคือ Final Cut Pro 5 เนื่องจากสามารถรองรับกับฟอร์แมตไฟล์ต่าง ๆ ได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตภาพจากงานคอนเสิร์ต หรืองานสัมมนา ที่มีกล้องหลายๆ มุม ซอฟต์แวร์ Final Cut Pro สามารถเล่นภาพจากมุมกล้องต่างกันได้มากถึง 16 มุมกล้องพร้อมกันแบบ Real Time
นอกจากนี้ Final Cut Pro 5 มี IMX codec เพิ่มเติมขึ้นมา ทำให้ผู้ใช้สามารถตัดต่องานระดับบรอดแคสต์ (broadcast) ที่ถ่ายทำโดยกล้องโซนี่ XDCAM ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และมีระบบ DynamicRT ช่วยปรับคุณภาพของภาพและจำนวนเฟรมต่อวินาทีโดยอัตโนมัติในขณะที่เล่นภาพ ผู้ใช้จึงสามารถชมงานวิดีโอที่ตัดต่อและใส่ effects แล้วได้ในแบบเรียลไทม์
จุดเด่นอีกประการหนึ่งของ Final Cut Pro 5 คือ DVD Studio Pro 4 เป็นโปรแกรมสำหรับเขียน DVD ระดับมืออาชีพโปรแกรมแรกที่ให้ผู้ใช้สามารถเขียนงานวิดีโอความละเอียดสูง (HD) ลงแผ่นได้
นายภาคภูมิ เสตะรัต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า เนื่องจากโปรแกรม Final Cut Studio เป็นโปรแกรมเฉพาะกลุ่ม โดยกลุ่มเป้าหมายของโปรแกรมคือผู้ทำงานตัดต่อและกลุ่มโปรดักชันเฮาส์ ซึ่งต้องสร้างสรรค์และผลิตผลงาน ซึ่งทางแอปเปิลมีแผนจะจัดกิจกรรมในเชิงเสวนาเพื่อประชาสัมพันธ์ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมากกว่า
สำหรับชุดซอฟต์แวร์ Final Cut Pro เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านในราคา 61,600 บาท ซึ่งผู้ที่ต้องการอัปเกรดจะมีราคา 25,100 บาท (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
Company Related Links :
Apple
นายร็อบโชเบน รองประธานฝ่ายการตลาดสำหรับซอฟต์แวร์ บริษัทแอปเปิล กล่าวว่า ความสามารถของ Final Cut Pro Studio คือการสร้างงานที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างภาพ เสียง และเอฟเฟ็กต์ให้ทำงานร่วมกับได้อย่างกลมกลืน
Final Cut Studio เป็นชุดโปรแกรมด้านการตัดต่อ ประกอบด้วยโปรแกรม Final Cut Pro 5, Soundtrack Pro, Motion 2 และ DVD Studio Pro 2 สามารถตัดต่องานในระบบ HD ได้หลากหลายรูปแบบ และมีการแสดงผลกราฟิกที่สวยงาม โดยหัวใจหลักของชุดซอฟต์แวร์ดังกล่าวคือ Final Cut Pro 5 เนื่องจากสามารถรองรับกับฟอร์แมตไฟล์ต่าง ๆ ได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตภาพจากงานคอนเสิร์ต หรืองานสัมมนา ที่มีกล้องหลายๆ มุม ซอฟต์แวร์ Final Cut Pro สามารถเล่นภาพจากมุมกล้องต่างกันได้มากถึง 16 มุมกล้องพร้อมกันแบบ Real Time
นอกจากนี้ Final Cut Pro 5 มี IMX codec เพิ่มเติมขึ้นมา ทำให้ผู้ใช้สามารถตัดต่องานระดับบรอดแคสต์ (broadcast) ที่ถ่ายทำโดยกล้องโซนี่ XDCAM ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และมีระบบ DynamicRT ช่วยปรับคุณภาพของภาพและจำนวนเฟรมต่อวินาทีโดยอัตโนมัติในขณะที่เล่นภาพ ผู้ใช้จึงสามารถชมงานวิดีโอที่ตัดต่อและใส่ effects แล้วได้ในแบบเรียลไทม์
จุดเด่นอีกประการหนึ่งของ Final Cut Pro 5 คือ DVD Studio Pro 4 เป็นโปรแกรมสำหรับเขียน DVD ระดับมืออาชีพโปรแกรมแรกที่ให้ผู้ใช้สามารถเขียนงานวิดีโอความละเอียดสูง (HD) ลงแผ่นได้
นายภาคภูมิ เสตะรัต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า เนื่องจากโปรแกรม Final Cut Studio เป็นโปรแกรมเฉพาะกลุ่ม โดยกลุ่มเป้าหมายของโปรแกรมคือผู้ทำงานตัดต่อและกลุ่มโปรดักชันเฮาส์ ซึ่งต้องสร้างสรรค์และผลิตผลงาน ซึ่งทางแอปเปิลมีแผนจะจัดกิจกรรมในเชิงเสวนาเพื่อประชาสัมพันธ์ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมากกว่า
สำหรับชุดซอฟต์แวร์ Final Cut Pro เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านในราคา 61,600 บาท ซึ่งผู้ที่ต้องการอัปเกรดจะมีราคา 25,100 บาท (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
Company Related Links :
Apple