อินเทลเปิดตัวชิป Pentium 4 ใหม่ 5 รุ่น ขยายแคชใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า ซัพพอร์ตเทคโนโลยี 64 บิต หยิบยืมเทคโนโลยีจัดการพลังงานจากตระกูลโมบายล์มาใช้เพื่อประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และมีซีเคียวริตี้ในตัว
บริษัทอินเทล (Intel) ผู้ผลิตโปรเซสเซอร์อันดับ 1 ของโลก เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2005 ว่า อินเทลได้เริ่มทำตลาดชิป Pentium 4 ใหม่จำนวน 4 รุ่น ทั้งหมดเป็นชิปสำหรับเดสก์ท็อปพีซี ซัพพอร์ตเทคโนโลยี 64 บิต หรือ Extended Memory 64 Technology (EM64T) เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต, ใช้แคชขนาด 2MB (เมกะไบต์) ใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า เพื่อสมรรถนะที่สูงขึ้น โดยเลี่ยงการแตะต้องกับความเร็วรอบการทำงาน, ใช้ "Enhanced SpeedStep" เทคโนโลยีจัดการพลังงานจากชิปตระกูลโมบายล์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดปัญหาความร้อน และมีความสามารถด้านซีเคียวริตี้ในตัว หรือที่เรียกว่าเทคโนโลยี NX (No-eXecute) ซึ่งต้องทำงานร่วมกับ Windows XP Service Pack 2 ของไมโครซอฟท์ (Microsoft)
แคช (Cache) คือหน่วยความจำที่อยู่ใกล้กับไมโครโปรเซสเซอร์มากที่สุด การเพิ่มขนาดแคชทำให้ระบบสามารถเก็บข้อมูลที่โปรเซสเซอร์ต้องใช้ในการประมวลผลบ่อยๆได้มากขึ้น ช่วยให้ใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลน้อยลง ผลที่ตามมาก็คือประสิทธิภาพโดยรวมของระบบที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงใช้เทคโนโลยี 90 นาโนเมตรในกระบวนการผลิต และยังคงใช้ฟรอนต์ไซด์บัส (FSB) ความเร็ว 800MHz
ฟรอนต์ไซด์บัส หรือเอฟเอสบี (FrontSide Bus; FSB) คือช่องทางการสื่อสารข้อมูลระหว่างโปรเซสเซอร์กับหน่วยความจำหลัก หรือแรม (RAM) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ
ชิปใหม่จะใช้ร่วมกับชิปเซ็ต Intel 925/915 Express และรองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP Professional x64 Edition ตามข้อมูลจากอินเทล
ก่อนหน้านี้อินเทลเคยออกมาประกาศว่าจะไม่คลอดชิป 32/64 บิตออกสู่ตลาดจนกว่าซอฟต์แวร์ ทั้งระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่น จะพร้อม ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่าง เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices; AMD) ที่ส่งโปรเซสเซอร์ประเภทดังกล่าวออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2002
ชิป 32/64 บิตจะมีคุณสมบัติดีกว่าในเรื่องประสิทธิภาพ เทียบกับชิป 32 บิตเพียวๆ โดยจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเมื่อมีการทำงานเกี่ยวกับวีดีโอ, เกม หรือแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้กำลังประมวลผลสูงๆ นอกจากนี้ ชิป 32/64 บิตยังสามารถรองรับหน่วยความจำขนาดใหญ่กว่า ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับแอพพลิเคชั่นที่มีความซับซ้อนหรือสมรรถนะสูงๆ ขณะที่ชิป 32 บิตรับหน่วยความจำได้เพียง 4GB เท่านั้น
ชิปใหม่ทั้ง 4 ตัวจะทำตลาดภายใต้แบรนด์ Pentium 4 ได้แก่ Pentium 4 660 ความเร็ว 3.6GHz (กิกะเฮิร์ตซ), Pentium 4 650 ความเร็ว 3.4GHz, Pentium 4 640 ความเร็ว 3.2GHz และ Pentium 4 630 ความเร็ว 3GHz
"เป้าหมายของเราอยู่ที่กลุ่มเอนเตอร์ไพรซ์" โรเบิร์ต ครูค (Robert Crooke) รองประธาน กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรธุรกิจ บริษัทอินเทล กล่าว
วันเดียวกันนี้ อินเทลยังได้วางตลาดชิป Pentium 4 Extreme Edition รุ่นใหม่อีก 1 รุ่นด้วย รันที่ความเร็ว 3.73GHz แต่ใช้ฟรอนต์ไซด์บัสความเร็ว 1.066GHz
สำหรับราคา Pentium 4 660 ราคา 605 ดอลลาร์ (ประมาณ 23,334 บาท), Pentium 4 650 ราคา 401 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,466 บาท), Pentium 4 640 ราคา 273 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,529 บาท), Pentium 4 630 ราคา 225 ดอลลาร์ (ประมาณ 8,678 บาท) และ Extreme Edition ราคา 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 38,531 บาท)
อินเทลมีแผนเริ่มทำตลาดชิปดูอัลคอร์ (Dual Core) ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป ขณะที่เอเอ็มดีมีแผนวางตลาดชิปประเภทดังกล่าวช่วงกลางปี
หุ้นอินเทลปิดที่ 24.02 ดอลลาร์ เพิ่ม 0.39 ดอลลาร์หรือ +1.65% ที่ตลาดแนสแดค หุ้นเอเอ็มดีปิดที่ 16.90 ดอลลาร์ ลด 0.16 ดอลลาร์หรือ -0.94% ที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2005
Company Related Links:
Intel
AMD
บริษัทอินเทล (Intel) ผู้ผลิตโปรเซสเซอร์อันดับ 1 ของโลก เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2005 ว่า อินเทลได้เริ่มทำตลาดชิป Pentium 4 ใหม่จำนวน 4 รุ่น ทั้งหมดเป็นชิปสำหรับเดสก์ท็อปพีซี ซัพพอร์ตเทคโนโลยี 64 บิต หรือ Extended Memory 64 Technology (EM64T) เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต, ใช้แคชขนาด 2MB (เมกะไบต์) ใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า เพื่อสมรรถนะที่สูงขึ้น โดยเลี่ยงการแตะต้องกับความเร็วรอบการทำงาน, ใช้ "Enhanced SpeedStep" เทคโนโลยีจัดการพลังงานจากชิปตระกูลโมบายล์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดปัญหาความร้อน และมีความสามารถด้านซีเคียวริตี้ในตัว หรือที่เรียกว่าเทคโนโลยี NX (No-eXecute) ซึ่งต้องทำงานร่วมกับ Windows XP Service Pack 2 ของไมโครซอฟท์ (Microsoft)
แคช (Cache) คือหน่วยความจำที่อยู่ใกล้กับไมโครโปรเซสเซอร์มากที่สุด การเพิ่มขนาดแคชทำให้ระบบสามารถเก็บข้อมูลที่โปรเซสเซอร์ต้องใช้ในการประมวลผลบ่อยๆได้มากขึ้น ช่วยให้ใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลน้อยลง ผลที่ตามมาก็คือประสิทธิภาพโดยรวมของระบบที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงใช้เทคโนโลยี 90 นาโนเมตรในกระบวนการผลิต และยังคงใช้ฟรอนต์ไซด์บัส (FSB) ความเร็ว 800MHz
ฟรอนต์ไซด์บัส หรือเอฟเอสบี (FrontSide Bus; FSB) คือช่องทางการสื่อสารข้อมูลระหว่างโปรเซสเซอร์กับหน่วยความจำหลัก หรือแรม (RAM) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ
ชิปใหม่จะใช้ร่วมกับชิปเซ็ต Intel 925/915 Express และรองรับระบบปฏิบัติการ Windows XP Professional x64 Edition ตามข้อมูลจากอินเทล
ก่อนหน้านี้อินเทลเคยออกมาประกาศว่าจะไม่คลอดชิป 32/64 บิตออกสู่ตลาดจนกว่าซอฟต์แวร์ ทั้งระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่น จะพร้อม ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่าง เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices; AMD) ที่ส่งโปรเซสเซอร์ประเภทดังกล่าวออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2002
ชิป 32/64 บิตจะมีคุณสมบัติดีกว่าในเรื่องประสิทธิภาพ เทียบกับชิป 32 บิตเพียวๆ โดยจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเมื่อมีการทำงานเกี่ยวกับวีดีโอ, เกม หรือแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้กำลังประมวลผลสูงๆ นอกจากนี้ ชิป 32/64 บิตยังสามารถรองรับหน่วยความจำขนาดใหญ่กว่า ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับแอพพลิเคชั่นที่มีความซับซ้อนหรือสมรรถนะสูงๆ ขณะที่ชิป 32 บิตรับหน่วยความจำได้เพียง 4GB เท่านั้น
ชิปใหม่ทั้ง 4 ตัวจะทำตลาดภายใต้แบรนด์ Pentium 4 ได้แก่ Pentium 4 660 ความเร็ว 3.6GHz (กิกะเฮิร์ตซ), Pentium 4 650 ความเร็ว 3.4GHz, Pentium 4 640 ความเร็ว 3.2GHz และ Pentium 4 630 ความเร็ว 3GHz
"เป้าหมายของเราอยู่ที่กลุ่มเอนเตอร์ไพรซ์" โรเบิร์ต ครูค (Robert Crooke) รองประธาน กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรธุรกิจ บริษัทอินเทล กล่าว
วันเดียวกันนี้ อินเทลยังได้วางตลาดชิป Pentium 4 Extreme Edition รุ่นใหม่อีก 1 รุ่นด้วย รันที่ความเร็ว 3.73GHz แต่ใช้ฟรอนต์ไซด์บัสความเร็ว 1.066GHz
สำหรับราคา Pentium 4 660 ราคา 605 ดอลลาร์ (ประมาณ 23,334 บาท), Pentium 4 650 ราคา 401 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,466 บาท), Pentium 4 640 ราคา 273 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,529 บาท), Pentium 4 630 ราคา 225 ดอลลาร์ (ประมาณ 8,678 บาท) และ Extreme Edition ราคา 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 38,531 บาท)
อินเทลมีแผนเริ่มทำตลาดชิปดูอัลคอร์ (Dual Core) ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป ขณะที่เอเอ็มดีมีแผนวางตลาดชิปประเภทดังกล่าวช่วงกลางปี
หุ้นอินเทลปิดที่ 24.02 ดอลลาร์ เพิ่ม 0.39 ดอลลาร์หรือ +1.65% ที่ตลาดแนสแดค หุ้นเอเอ็มดีปิดที่ 16.90 ดอลลาร์ ลด 0.16 ดอลลาร์หรือ -0.94% ที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2005
Company Related Links:
Intel
AMD