ฟูจิซึนำทีมเทค แปซิฟิกและเคทีซีผุดเคมเปญสร้างสรรค์ “ปันแสงจันทร์กับฟูจิซึไลฟ์บุ๊คพี 7010” เคมเปญที่ทุกฝ่ายเน้นย้ำความตั้งใจในการช่วยเหลือสังคมโดยไม่มีการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ปันน้ำใจแก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนบ้านน้ำขุ่น ตำบลท่าก๊อ จังหวัดเชียงราย ที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนกว่า 10 กิโลเมตรทุกวัน รับการเปิดตลาดของ ”P7010” รุ่นสีดำ โน้ตบุ๊คสีดำรุ่นแรกจากฟูจิซึ ก่อนส่งสัญญาณเตรียมปรับแผนตลาดโน้ตบุ๊คครั้งใหม่ เลิกจำหน่ายโน้ตบุ๊คน้ำหนักมากกว่า 2.5 กิโล ย้ำทิศทางแนวโน้มการใช้งานโน้ตบุ๊คในอนาคตที่แบรนด์ ดีไซน์ และการบริการ จะเป็นตัวแปรสำคัญ พาชื่อฟูจิซึไปสู่เป้าหมายแบรนด์ในดวงใจของผู้บริโภค
ไม่ใช่แผนการตลาด
โครงการ “ปันแสงจันทร์กับฟูจิซึไลฟ์บุ๊คพี 7010” นี้ฟูจิซึ (Fujitsu Asia Pacific) ทำเก๋ ติดชื่อ-รูปถ่ายของเด็กที่ได้รับบริจาคไว้ที่ตัวเครื่อง ให้ผู้ซื้อ P7010 สามารถติดตามข่าวคราวการบริจาคจักรยานให้เด็กนักเรียนได้ การบริจาคจะมีสัดส่วนหนึ่งคนต่อการซื้อ P7010 หนึ่งเครื่อง ฟูจิซึตั้งเป้าหมายแรกไว้ที่ 200 เครื่อง 200 คัน กำหนดส่งมอบจักรยานในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวาระครบรอบพระชนมพรรษาของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
นายณภพ นุตสติ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ฟูจิซึ ซิสเต็มส์ บิสสิเนส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงเคมเปญนี้ว่าเป็นโครงการที่ฟูจิซึประเทศไทยต้องการคืนกำไรให้กับสังคม ไม่ได้หวังให้เป็นแผนส่งเสริมการตลาดของ P7010 สีดำ โน้ตบุ๊คสีดำตัวแรกของฟูจิซึแต่อย่างใด
“เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเทคแปซิฟิค ตัวแทนจำหน่าย จากเคทีซี และอบต. ตำบลท่าก๊อ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการช่วยเหลือสังคม นี่เป็นสิ่งเล็กๆที่เราทำได้ และเราอยากให้คนอื่นทำเลียนแบบ
ฟูจิซึวางราคาจำหน่ายรุ่นสีดำไว้ที่ 79,900 บาท ลดลงจากรุ่นสีขาว 10,000 บาท ให้ทั้งผู้ซื้อและเด็กนักเรียนได้ยิ้มถ้วนหน้า โดยฟีเจอร์ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นสีขาว สามารถผ่อนชำระ 10 งวดผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ฟูจิซึตั้งเป้าไว้ว่าอาจจะจำหน่ายถึง 700 เครื่อง หากจนถึงวันที่ 5 ธค. ยังจำหน่ายไม่ได้ตามเป้า 200 เครื่อง ฟูจิซึจะเป็นผู้เติมเงินลงไปเอง แต่หากเกินเป้า 200 เครื่อง ก็จะเปิดให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศส่งจดหมายมาขอได้อีก”
รีเซ็ตตลาด
นายณภพมองทิศทางต่อไปของแผนการจำหน่ายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของฟูจิซึ ว่าจะมีการรีเซ็ตตลาดหรือการปรับแผนครั้งใหม่ โดยฟูจิซึจะเริ่มหันไปจำหน่ายเฉพาะโน้ตบุ๊คที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 2.5 กิโลกรัม ราคาตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท ซึ่งจะวาง Positon ของแบรนด์ฟูจิซึไว้ที่การมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และการให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการพกพา เช่นน้ำหนักเบาและความสามารถในการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
“โน้ตบุ๊คที่หนักกว่านี้ให้รายอื่นทำไป เราไม่ได้หวังว่าจะเป็นที่หนึ่งในตลาด แต่เราหวังให้ฟูจิซึเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค”
รักษา Position ของแบรนด์
นายณภพกล่าวอีกว่า “ในอนาคตฟีเจอร์ของโน้ตบุ๊คจะใกล้เคียงกันหมด จุดต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือแบรนด์ ผมมองว่าต่อไปข้างหน้าโน้ตบุ๊คจะคล้ายกับอุปกรณ์ 3 อย่าง หนึ่งคือนาฬิกาที่ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อเพื่อดูเวลา แต่จะเลือกซื้อเพราะสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้สวมใส่ได้ สองคือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะต้องมี 1 คนต่อ 1 เครื่อง สามคือโทรศัพท์มือถือที่จะต้องเปลี่ยนทุก 5 ปี ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับเรื่องจุดยืนภาพพจน์ของแบรนด์ ดีไซน์ของเครื่อง และงานบริการ”
นายณภพกล่าวว่าฟูจิซึวางภาพพจน์ของแบรนด์ไว้ที่การเป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จ มุ่งที่กลุ่มนักธุรกิจ นี่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าเพราะเหตุใดโน้ตบุ๊คของฟูจิซึจึงไม่มีการแข่งขันด้านราคาที่เป็นทิศทางการทำตลาดของแบรนด์โน้ตบุ๊คหลายแบรนด์ในขณะนี้
“การแข่งขันในตลาดประเทศไทย เป็นการแข่งขันด้านราคาอย่างเดียว เรื่องคุณภาพเป็นรอง วิธีการเหล่านี้ทำให้แบรนด์เสียหาย ในจุดนี้ฟูจิซึไม่ได้คำนึงถึงการเอาท์ซอร์สการผลิตเพื่อให้ต้นทุนราคาต่ำจนสามารถแข่งขันราคากับรายอื่นได้ เราพุ่งเป้าที่คุณภาพสินค้า ปิดโรงงานผลิตที่อื่นหมดจนเหลือโรงงานในคาวาซากิที่เดียวเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมคุณภาพสินค้า เรากลับไปในญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ที่ค่าแรงแพงที่สุด”
Company Related Links:
Fujitsu Asia Pacific
ไม่ใช่แผนการตลาด
โครงการ “ปันแสงจันทร์กับฟูจิซึไลฟ์บุ๊คพี 7010” นี้ฟูจิซึ (Fujitsu Asia Pacific) ทำเก๋ ติดชื่อ-รูปถ่ายของเด็กที่ได้รับบริจาคไว้ที่ตัวเครื่อง ให้ผู้ซื้อ P7010 สามารถติดตามข่าวคราวการบริจาคจักรยานให้เด็กนักเรียนได้ การบริจาคจะมีสัดส่วนหนึ่งคนต่อการซื้อ P7010 หนึ่งเครื่อง ฟูจิซึตั้งเป้าหมายแรกไว้ที่ 200 เครื่อง 200 คัน กำหนดส่งมอบจักรยานในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวาระครบรอบพระชนมพรรษาของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
นายณภพ นุตสติ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ฟูจิซึ ซิสเต็มส์ บิสสิเนส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงเคมเปญนี้ว่าเป็นโครงการที่ฟูจิซึประเทศไทยต้องการคืนกำไรให้กับสังคม ไม่ได้หวังให้เป็นแผนส่งเสริมการตลาดของ P7010 สีดำ โน้ตบุ๊คสีดำตัวแรกของฟูจิซึแต่อย่างใด
“เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเทคแปซิฟิค ตัวแทนจำหน่าย จากเคทีซี และอบต. ตำบลท่าก๊อ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการช่วยเหลือสังคม นี่เป็นสิ่งเล็กๆที่เราทำได้ และเราอยากให้คนอื่นทำเลียนแบบ
ฟูจิซึวางราคาจำหน่ายรุ่นสีดำไว้ที่ 79,900 บาท ลดลงจากรุ่นสีขาว 10,000 บาท ให้ทั้งผู้ซื้อและเด็กนักเรียนได้ยิ้มถ้วนหน้า โดยฟีเจอร์ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นสีขาว สามารถผ่อนชำระ 10 งวดผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ฟูจิซึตั้งเป้าไว้ว่าอาจจะจำหน่ายถึง 700 เครื่อง หากจนถึงวันที่ 5 ธค. ยังจำหน่ายไม่ได้ตามเป้า 200 เครื่อง ฟูจิซึจะเป็นผู้เติมเงินลงไปเอง แต่หากเกินเป้า 200 เครื่อง ก็จะเปิดให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศส่งจดหมายมาขอได้อีก”
รีเซ็ตตลาด
นายณภพมองทิศทางต่อไปของแผนการจำหน่ายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของฟูจิซึ ว่าจะมีการรีเซ็ตตลาดหรือการปรับแผนครั้งใหม่ โดยฟูจิซึจะเริ่มหันไปจำหน่ายเฉพาะโน้ตบุ๊คที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 2.5 กิโลกรัม ราคาตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท ซึ่งจะวาง Positon ของแบรนด์ฟูจิซึไว้ที่การมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และการให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการพกพา เช่นน้ำหนักเบาและความสามารถในการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
“โน้ตบุ๊คที่หนักกว่านี้ให้รายอื่นทำไป เราไม่ได้หวังว่าจะเป็นที่หนึ่งในตลาด แต่เราหวังให้ฟูจิซึเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค”
รักษา Position ของแบรนด์
นายณภพกล่าวอีกว่า “ในอนาคตฟีเจอร์ของโน้ตบุ๊คจะใกล้เคียงกันหมด จุดต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือแบรนด์ ผมมองว่าต่อไปข้างหน้าโน้ตบุ๊คจะคล้ายกับอุปกรณ์ 3 อย่าง หนึ่งคือนาฬิกาที่ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อเพื่อดูเวลา แต่จะเลือกซื้อเพราะสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้สวมใส่ได้ สองคือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะต้องมี 1 คนต่อ 1 เครื่อง สามคือโทรศัพท์มือถือที่จะต้องเปลี่ยนทุก 5 ปี ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับเรื่องจุดยืนภาพพจน์ของแบรนด์ ดีไซน์ของเครื่อง และงานบริการ”
นายณภพกล่าวว่าฟูจิซึวางภาพพจน์ของแบรนด์ไว้ที่การเป็นเครื่องมือสู่ความสำเร็จ มุ่งที่กลุ่มนักธุรกิจ นี่สามารถตอบโจทย์ได้ว่าเพราะเหตุใดโน้ตบุ๊คของฟูจิซึจึงไม่มีการแข่งขันด้านราคาที่เป็นทิศทางการทำตลาดของแบรนด์โน้ตบุ๊คหลายแบรนด์ในขณะนี้
“การแข่งขันในตลาดประเทศไทย เป็นการแข่งขันด้านราคาอย่างเดียว เรื่องคุณภาพเป็นรอง วิธีการเหล่านี้ทำให้แบรนด์เสียหาย ในจุดนี้ฟูจิซึไม่ได้คำนึงถึงการเอาท์ซอร์สการผลิตเพื่อให้ต้นทุนราคาต่ำจนสามารถแข่งขันราคากับรายอื่นได้ เราพุ่งเป้าที่คุณภาพสินค้า ปิดโรงงานผลิตที่อื่นหมดจนเหลือโรงงานในคาวาซากิที่เดียวเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมคุณภาพสินค้า เรากลับไปในญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ที่ค่าแรงแพงที่สุด”
Company Related Links:
Fujitsu Asia Pacific