ไอที ซิตี้ เปิดสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต วิเคราะห์วงการไอทีไทยโตต่อเนื่องอีก3-5ปีข้างหน้า เหตุแรงหนุนจากภาครัฐผ่านทางโครงการต่างๆ ตั้งเป้าปี48ขยายออกต่างจังหวัดมุ่งแหล่งท่องเที่ยว เมืองธุรกิจและการศึกษา
นายเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งปี 2547ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1,714 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 54.68% และมีกำไรสุทธิ 51.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.09% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ไอที ซิตี้ มีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อนื่องโดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีก ล่าสุด เปิดไอที ซิตี้ ซูเปอร์สโตร์สาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย คือ สาขาไอทีเซียร์ รังสิต จากเดิมมีพื้นที่ 1,151 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 4,141 ตารางเมตร พร้อมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 แห่งอย่างเป็นทางการ ที่ พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เชียงใหม่, สาขาฟิวเจอร์พาร์ค บางแค และสาขาจัสโก้ รัชดาภิเษก เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานด้านอุปกรณ์ไอทีที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในตลาดกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
รูปแบบของร้านไอที ซิตี้ สาขาไอทีเซียร์ รังสิต และอีก 3 สาขาที่เปิดใหม่ จะแบ่งพื้นที่ภายในร้านออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. สินค้าหลัก ได้แก่ สินค้าที่ต้องมีการติดตั้งสำหรับการใช้งาน อาทิ คอมพิวเตอร์ พรินเตอร์ สแกนเนอร์ กล้องดิจิตอล 2. สินค้าอุปกรณ์เสริม (Accessories) ซึ่งมีลักษณะการขายแบบ Cash & Carry คือลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้แบบซูเปอร์มาร์เก็ต และ 3. ศูนย์อะไหล่ ซ่อม และบริการ โดยมีสินค้าไอทีให้เลือกกว่า 8,000 รายการ พร้อมการรับประกัน การบริการ และใช้นโยบาย One Price Policy คือราคาเดียวกันทุกสาขา
ปัจจุบัน ไอที ซิตี้ มีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 20 แห่งทั่วประเทศ ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตของไอที ซิตี้ จะเน้นเรื่องการเพิ่มจำนวนพื้นที่ในการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปี 2548 บริษัทวางแผนจะขยายพื้นที่ไปยังต่างจังหวัด โดยจะเน้นจังหวัดที่เป็นแหล่งธุรกิจ ท่องเที่ยว และเมืองการศึกษา อาทิเช่น จังหวัดขอนแก่น, ภูเก็ต, พิษณุโลก เป็นต้น ซึ่งตลาดผู้ใช้ไอทีในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น และเป็นตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้บริหารไอที ซิตี้ กล่าวว่าตลาดไอทีในประเทศไทยจะยังมีการเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่องในอีก3-5 ปีข้างหน้า เห็นได้จากฐานผู้ใช้อุปกรณ์ไอทีในประเทศไทยยังไม่ถึง 10 % ของจำนวนประชากรทั้งหมด ขณะที่ตัวเทคโนโลยีเองก็มีการพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น บวกกับราคาที่ปรัลลดต่ำลง และการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคอมพิวเตอร์ไอซีที, โครงการสมาร์ทการ์ด ที่ช่วยผลักดันให้วงการไอทีไทยขยายอย่างต่อเนื่อง
นายเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งปี 2547ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1,714 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 54.68% และมีกำไรสุทธิ 51.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.09% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ไอที ซิตี้ มีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อนื่องโดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีก ล่าสุด เปิดไอที ซิตี้ ซูเปอร์สโตร์สาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย คือ สาขาไอทีเซียร์ รังสิต จากเดิมมีพื้นที่ 1,151 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 4,141 ตารางเมตร พร้อมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 แห่งอย่างเป็นทางการ ที่ พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เชียงใหม่, สาขาฟิวเจอร์พาร์ค บางแค และสาขาจัสโก้ รัชดาภิเษก เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานด้านอุปกรณ์ไอทีที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในตลาดกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
รูปแบบของร้านไอที ซิตี้ สาขาไอทีเซียร์ รังสิต และอีก 3 สาขาที่เปิดใหม่ จะแบ่งพื้นที่ภายในร้านออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. สินค้าหลัก ได้แก่ สินค้าที่ต้องมีการติดตั้งสำหรับการใช้งาน อาทิ คอมพิวเตอร์ พรินเตอร์ สแกนเนอร์ กล้องดิจิตอล 2. สินค้าอุปกรณ์เสริม (Accessories) ซึ่งมีลักษณะการขายแบบ Cash & Carry คือลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้แบบซูเปอร์มาร์เก็ต และ 3. ศูนย์อะไหล่ ซ่อม และบริการ โดยมีสินค้าไอทีให้เลือกกว่า 8,000 รายการ พร้อมการรับประกัน การบริการ และใช้นโยบาย One Price Policy คือราคาเดียวกันทุกสาขา
ปัจจุบัน ไอที ซิตี้ มีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 20 แห่งทั่วประเทศ ส่วนแผนธุรกิจในอนาคตของไอที ซิตี้ จะเน้นเรื่องการเพิ่มจำนวนพื้นที่ในการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปี 2548 บริษัทวางแผนจะขยายพื้นที่ไปยังต่างจังหวัด โดยจะเน้นจังหวัดที่เป็นแหล่งธุรกิจ ท่องเที่ยว และเมืองการศึกษา อาทิเช่น จังหวัดขอนแก่น, ภูเก็ต, พิษณุโลก เป็นต้น ซึ่งตลาดผู้ใช้ไอทีในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น และเป็นตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้บริหารไอที ซิตี้ กล่าวว่าตลาดไอทีในประเทศไทยจะยังมีการเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่องในอีก3-5 ปีข้างหน้า เห็นได้จากฐานผู้ใช้อุปกรณ์ไอทีในประเทศไทยยังไม่ถึง 10 % ของจำนวนประชากรทั้งหมด ขณะที่ตัวเทคโนโลยีเองก็มีการพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น บวกกับราคาที่ปรัลลดต่ำลง และการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคอมพิวเตอร์ไอซีที, โครงการสมาร์ทการ์ด ที่ช่วยผลักดันให้วงการไอทีไทยขยายอย่างต่อเนื่อง