ไมโครซอฟท์เปิดตัวโครงการนำร่อง Windows XP Starter Edition สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ระดับเริ่มต้น ในประเทศไทย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ชูจุดเด่นที่ราคาถูก ใช้งานง่ายด้วยภาษาท้องถิ่น โดยมีกำหนดวางตลาดพร้อมพีซีใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป และยังไม่มีแผนสำหรับซอฟต์แวร์สแตนด์อโลนแต่อย่างใด
Windows XP Starter Edition นั้นเป็นโครงการที่คลอดออกมาครั้งแรกเมื่อ 18 เดือนก่อน เป็นความพยายามของไมโครซอฟท์ที่จะเข้าร่วมกับรัฐบาลประเทศกำลังพัฒนาเพื่อขยายโอกาสในการมีและใช้คอมพิวเตอร์ของคนในประเทศเหล่านั้น ซึ่งย้ำจุดยืนของไมโครซอฟท์ในการลดช่องว่างให้ประชากรทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างทั่วถึง
ไมโครซอฟท์จะเริ่มทำตลาด Windows XP Starter Edition ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจะวางจำหน่ายผ่านบริษัทตัวแทนจำหน่าย OEM และบริษัทผู้ประกอบเครื่องใน 3 ประเทศก่อน ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ในเวอร์ชันภาษาท้องถิ่น
ไมโครซอฟท์นั้นประกาศว่าประเทศนำร่องในโครงการนี้จะมีทั้งหมด 5 ประเทศ ส่วนอีก 2 ประเทศนั้นยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าเป็นประเทศที่รัฐบาลสนับสนุนการใช้งานไอทีหรือไม่ และตลาดมีขนาดใหญ่เท่าไร โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นปีนี้
แม้ทางไมโครซอฟท์จะไม่เปิดเผยว่าเป็นประเทศอะไร แต่สำนักข่าวซีเน็ต (Cnet) รายงานว่า อาจเป็นบราซิล, รัสเซีย หรือจอร์แดน ซึ่งอุตสาหกรรมไอทีมีการขยายตัวจาก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 829 ล้านบาท) ไปเป็น 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16,500 ล้านบาท)
ไมค์ วิคสแตรนด์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ (แผนกวินโดวส์) ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชัน กล่าวถึงการออกแบบ Windows XP Starter Edition หรือการเลือกฟีเจอร์ใน Windows XP Starter Edition ว่ามาจากผลการวิจัยของยูสเซอร์หลายพันราย
“เราทุ่มเทให้กับการทำวิจัยในกลุ่มผู้บริโภคกว่า 2,000 ราย ก่อนจะผลิตและในขณะนี้เมื่อผลิตเสร็จแล้วก็มีการทดลองใช้ในกลุ่มตัวอย่าง 450 ราย ความคาดหวังใน Windows XP Starter Edition คือการรอดูว่าผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เหมาะสำหรับผู้ใช้หรือไม่ เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมหรือไม่ และเหมาะกับทุกๆฝ่ายหรือไม่”
อย่างจุดหนึ่งที่น่าสังเกตใน Windows XP Starter Edition คือการกำหนดขนาดหน้าจอไว้ที่ 800 x 600 พิกเซล หรือรูปวอลล์เปเปอร์บนหน้าจอที่ใช้ก็เป็นหนึ่งในผลการสำรวจที่ได้เช่นกัน
การทดลองใช้ในยูสเซอร์ 450 รายนี้จะมีการนำไปพัฒนาเพิ่มเติมก่อนการจำหน่ายจริงในเดือนตุลาคม ซึ่งไมโครซอฟท์จะศึกษาและประเมินผลโครงการนี้ภายในเวลา 12 เดือน ทั้งในกลุ่มผู้ยูสเซอร์ พันธมิตรอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ภาครัฐ และตัวบริษัทไมโครซอฟท์เอง ซึ่งหลังจากระยะเวลา 12 เดือนดังกล่าว ก็จะมีการพิจารณาศักยภาพของตลาดกำลังพัฒนาอื่นๆ อีกหลายตลาด โดยจะร่วมมือกับรัฐบาลในประเทศอื่นๆที่มีนโยบายในการสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชนต่อไป
แอนดรูว์ แม็คบีน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในการนำเสนอผลิตภัณฑ์วินโดวส์ที่ปรับเข้ากับตลาดผู้เริ่มใช้พีซี ความพยายามดังกล่าวทั้งหมดนี้เกิดจากความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและการตอบสนองความต้องการของทั้งอุตสาหกรรม ภาครัฐ และผู้บริโภค”
น.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวถึงการจับมือกับไมโครซอฟท์ในครั้งนี้ว่าไม่ได้เน้นการลดช่องว่างด้วยการปรับราคาซอฟต์แวร์ให้ถูกลงอย่างเดียว และไม่ได้นอกใจโอเพ่นซอร์สอย่างลินุกซ์แต่อย่างใด
“ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรไม่ได้เน้นที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายจะเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน นี่จึงเป็นทางเลือกใหม่ของประชาชน เพราะผมมองว่า รัฐไม่ควรมีทางเลือกเดียวให้ประชาชน ในส่วนนี้รัฐจะเข้าไปกระตุ้นในช่วงแรก เมื่อตลาดอยู่ตัวแล้ว รัฐจึงค่อยๆถอนตัวออกมาและเริ่มจับเรื่องใหม่ๆมีผลกระทบในวงกว้างต่อไป”
นอกจาก Windows XP Starter Edition ที่เป็นระบบปฏิบัติการแล้ว ไมโครซอฟท์ยังเตรียมออก Microsoft Office Basic 2003 ซึ่งเป็นชุดแพ็คเกจแอปพลิเคชันด้วย
สำหรับราคาที่จัดส่งให้กับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ นั้นยังไม่มีการเปิดเผยใดๆ นายชาญชัย พันธุ์โสภา ประธานฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์ประเทศไทย กล่าวแต่เพียงว่า ราคารวมของเครื่องพีซีที่ใช้ Windows XP Starter Edition จะอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท
“นี่ไม่ใช่ตลาดล่าง แต่เป็นตลาด secment ใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครจับมาก่อน นี่เป็นสิ่งที่เราพบและเราถือเป็นโอกาสที่ดี เราไม่สามารถระบุได้ว่าขนาดตลาดใหญ่เล็กเพียงใด เพราะการวิจัยของเราแต่ละครั้งนั้นยึดการวิจัยเพื่อการออกแบบซอฟท์แวร์มากกว่าการวิจัยเพื่อทราบขนาดตลาด”
แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขราคา แต่สำนักข่าวเอพี (AP) เคยรายงานไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2004 ว่า ไมโครซอฟท์ยินดีจำหน่าย Windows XP คู่กับ Microsoft Office เป็นแพ็คเกจให้กับรัฐบาลในราคาพิเศษเพียง 1,500 บาทเท่านั้น
ปกติ Windows XP Home Edition จะมีราคาอยู่ที่ 4,500 บาทและ Office XP มีราคาอยู่ที่ 15,000 บาท
"ราคาที่ต่ำจะช่วยแก้ปัญหาซอฟต์แวร์เถื่อนได้" แม็กกี ไวล์เดอร็อตเตอร์ (Maggie Wilderotter) รองประธานอาวุโส เวิลด์ไวด์พับลิกเซ็กเตอร์ บริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวและว่า เพราะ Starter Edition จะมีการซัพพอร์ตลูกค้าหลังการขาย เช่น มีอัพเดทและแพ็ตช์ให้ดาวน์โหลด ยิ่งกว่านั้น ราคาที่ต่ำยังทำให้คนเปลี่ยนใจจากลีนุกซ์ (Linux) ได้บางส่วนด้วย
ไมโครซอฟท์เลือกประเทศไทย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นประเทศนำร่องสำหรับโครงการ Starter Edition เพราะ 1.รัฐบาลสนับสนุนการใช้งานไอที และ 2.ตลาดมีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างผลกระทบกับไมโครซอฟท์ได้
อย่างไรก็ตาม บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ประธานบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า จีนไม่เหมาะกับ Starter Edition นั่นหมายความว่าจะไม่มี Windows XP Starter Edition สำหรับประเทศจีนแต่อย่างใด เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจน รัฐบาลประกาศชัดเจนว่าสนับสนุนลีนุกซ์ และมีการใช้งานภาษาจีนในวงกว้าง หากมี Starter Edition จะส่งผลต่อการทำตลาดของเวอร์ชั่นปกติอย่างแน่นอน
Starter Edition จะต่างไปจากเวอร์ชั่นปกติเล็กน้อย เช่น สกรีนเซฟเวอร์ที่เป็นโลคัลไลซ์ ทั้งภาพวิว, ธงชาติ และดีไซน์อื่นๆ, มีซีดีที่เป็นเสมือนตัวช่วยเหลือเรียกว่า "MySupport" ติดมาด้วย
อย่างไรก็ตามผู้ใช้จะสามารถรันโปรแกรมได้พร้อมกันเพียง 3 โปรแกรมเท่านั้น และไม่มีฟีเจอร์โฮมเน็ตเวิร์คกิ้งแต่อย่างใด ตามรายงานจากสำนักข่าวซีเน็ต
ส่วนสิ่งที่เหมือนกับ Windows XP เวอร์ชั่นปกติคือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ความสามารถในการใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ (software and hardware compatibility) เช่น พริ้นเตอร์ ลำโพง และกล้องถ่ายรูป มี Windows Messenger และ Windows Media Player 9 Series ที่สำคัญคือมี Windows XP Service Pack 2
คุณสมบัติของ Windows XP Starter Edition
-ซัพพอร์ตที่ปรับให้เข้ากับผู้บริโภคท้องถิ่น (Localized and tailored support)
Windows XP Starter Edition มีระบบความช่วยเหลือที่ออกแบบใหม่อย่างสมบูรณ์ เรียกว่า ‘My Support’ ซึ่งรวมถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ‘Getting Started Guide’ นอกจากนี้ Windows XP Starter Edition ยังมาพร้อมกับซีดีพิเศษที่มีวีดีโอคำแนะนำเป็นภาษาท้องถิ่นออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้พีซีครั้งแรก
-การปรับตามความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น (Localized customization)
ด้วย Windows XP Starter Edition ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกวอลเปเปอร์และสกรีนเซฟเวอร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะในแต่ละประเทศได้ โดยมีภาพภูมิทัศน์ที่รู้จักกันดี ธงชาติ และภาพสถานที่ต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ
-การตั้งค่าที่ปรับมาให้เรียบร้อยแล้ว (Pre-configured settings)
Windows XP Starter Edition จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ในระดับเริ่มต้นในการตั้งค่าตัวเลือก โดยมีการตั้งค่าแบบแอดวานซ์ที่ปรับมาให้เรียบร้อยแล้วและยังมี Windows Firewall อีกด้วย
-การจัดการงานต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น (Simplified task management)
Windows XP Starter Edition ช่วยให้ผู้เริ่มใช้พีซีสามารถทำงานบน 3 โปรแกรมพร้อมกันได้ ด้วยการแสดงผลหน้าจอความละเอียด 800x600 พิกเซล แต่ไม่มีซัพพอร์ตสำหรับโฮมเน็ตเวิร์กกิ้งแบบพีซีต่อพีซี การแชร์พริ้นเตอร์ข้ามเน็ตเวิร์ค หรือการใช้งาน multiple user accounts ในพีซีเครื่องเดียวกัน
คุณสมบัติพื้นฐานที่เหมือนกับ Windows XP เวอร์ชั่นปกติ
-การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (Internet connectivity) เพื่อเข้าอินเตอร์เน็ตและท่องเว็บ
-การปรับใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ (software and hardware compatibility) พร้อมกับแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เช่น พริ้นเตอร์ ลำโพง และกล้องถ่ายรูป
-อินเตอร์เฟซผู้ใช้วินโดวส์ที่สามารถรับรู้ได้เอง (The intuitive Windows user interface) ที่ผู้ใช้คุ้นเคยและสามารถทำงานได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
-เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ล้ำหน้า (advanced security technologies) ใน Windows XP Service Pack 2 ที่จะช่วยให้ผู้ใช้เกาะติดกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่าเสมอ
-Windows Messenger เพื่อการสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัวผ่านการส่งข้อความแบบเรียลไทม์อย่างง่ายดาย
-การถ่ายภาพดิจิทัลด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ง่าย (digital photography support) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บและแบ่งปันภาพดูกันในครอบครัวและกับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่พริ้นท์ภาพออกมาด้วยเครื่องพิมพ์รุ่นใดรุ่นหนึ่งที่สนับสนุน Windows XP ในปัจจุบัน
-Windows Media Player 9 Series ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงและดูวีดีโอได้
Company Related Links
ไมโครซอฟท์
Windows XP Starter Edition นั้นเป็นโครงการที่คลอดออกมาครั้งแรกเมื่อ 18 เดือนก่อน เป็นความพยายามของไมโครซอฟท์ที่จะเข้าร่วมกับรัฐบาลประเทศกำลังพัฒนาเพื่อขยายโอกาสในการมีและใช้คอมพิวเตอร์ของคนในประเทศเหล่านั้น ซึ่งย้ำจุดยืนของไมโครซอฟท์ในการลดช่องว่างให้ประชากรทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างทั่วถึง
ไมโครซอฟท์จะเริ่มทำตลาด Windows XP Starter Edition ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจะวางจำหน่ายผ่านบริษัทตัวแทนจำหน่าย OEM และบริษัทผู้ประกอบเครื่องใน 3 ประเทศก่อน ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ในเวอร์ชันภาษาท้องถิ่น
ไมโครซอฟท์นั้นประกาศว่าประเทศนำร่องในโครงการนี้จะมีทั้งหมด 5 ประเทศ ส่วนอีก 2 ประเทศนั้นยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าเป็นประเทศที่รัฐบาลสนับสนุนการใช้งานไอทีหรือไม่ และตลาดมีขนาดใหญ่เท่าไร โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในสิ้นปีนี้
แม้ทางไมโครซอฟท์จะไม่เปิดเผยว่าเป็นประเทศอะไร แต่สำนักข่าวซีเน็ต (Cnet) รายงานว่า อาจเป็นบราซิล, รัสเซีย หรือจอร์แดน ซึ่งอุตสาหกรรมไอทีมีการขยายตัวจาก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 829 ล้านบาท) ไปเป็น 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16,500 ล้านบาท)
ไมค์ วิคสแตรนด์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ (แผนกวินโดวส์) ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชัน กล่าวถึงการออกแบบ Windows XP Starter Edition หรือการเลือกฟีเจอร์ใน Windows XP Starter Edition ว่ามาจากผลการวิจัยของยูสเซอร์หลายพันราย
“เราทุ่มเทให้กับการทำวิจัยในกลุ่มผู้บริโภคกว่า 2,000 ราย ก่อนจะผลิตและในขณะนี้เมื่อผลิตเสร็จแล้วก็มีการทดลองใช้ในกลุ่มตัวอย่าง 450 ราย ความคาดหวังใน Windows XP Starter Edition คือการรอดูว่าผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เหมาะสำหรับผู้ใช้หรือไม่ เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมหรือไม่ และเหมาะกับทุกๆฝ่ายหรือไม่”
อย่างจุดหนึ่งที่น่าสังเกตใน Windows XP Starter Edition คือการกำหนดขนาดหน้าจอไว้ที่ 800 x 600 พิกเซล หรือรูปวอลล์เปเปอร์บนหน้าจอที่ใช้ก็เป็นหนึ่งในผลการสำรวจที่ได้เช่นกัน
การทดลองใช้ในยูสเซอร์ 450 รายนี้จะมีการนำไปพัฒนาเพิ่มเติมก่อนการจำหน่ายจริงในเดือนตุลาคม ซึ่งไมโครซอฟท์จะศึกษาและประเมินผลโครงการนี้ภายในเวลา 12 เดือน ทั้งในกลุ่มผู้ยูสเซอร์ พันธมิตรอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ภาครัฐ และตัวบริษัทไมโครซอฟท์เอง ซึ่งหลังจากระยะเวลา 12 เดือนดังกล่าว ก็จะมีการพิจารณาศักยภาพของตลาดกำลังพัฒนาอื่นๆ อีกหลายตลาด โดยจะร่วมมือกับรัฐบาลในประเทศอื่นๆที่มีนโยบายในการสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชนต่อไป
แอนดรูว์ แม็คบีน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในการนำเสนอผลิตภัณฑ์วินโดวส์ที่ปรับเข้ากับตลาดผู้เริ่มใช้พีซี ความพยายามดังกล่าวทั้งหมดนี้เกิดจากความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและการตอบสนองความต้องการของทั้งอุตสาหกรรม ภาครัฐ และผู้บริโภค”
น.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวถึงการจับมือกับไมโครซอฟท์ในครั้งนี้ว่าไม่ได้เน้นการลดช่องว่างด้วยการปรับราคาซอฟต์แวร์ให้ถูกลงอย่างเดียว และไม่ได้นอกใจโอเพ่นซอร์สอย่างลินุกซ์แต่อย่างใด
“ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์เอื้ออาทรไม่ได้เน้นที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายจะเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน นี่จึงเป็นทางเลือกใหม่ของประชาชน เพราะผมมองว่า รัฐไม่ควรมีทางเลือกเดียวให้ประชาชน ในส่วนนี้รัฐจะเข้าไปกระตุ้นในช่วงแรก เมื่อตลาดอยู่ตัวแล้ว รัฐจึงค่อยๆถอนตัวออกมาและเริ่มจับเรื่องใหม่ๆมีผลกระทบในวงกว้างต่อไป”
นอกจาก Windows XP Starter Edition ที่เป็นระบบปฏิบัติการแล้ว ไมโครซอฟท์ยังเตรียมออก Microsoft Office Basic 2003 ซึ่งเป็นชุดแพ็คเกจแอปพลิเคชันด้วย
สำหรับราคาที่จัดส่งให้กับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ นั้นยังไม่มีการเปิดเผยใดๆ นายชาญชัย พันธุ์โสภา ประธานฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์ประเทศไทย กล่าวแต่เพียงว่า ราคารวมของเครื่องพีซีที่ใช้ Windows XP Starter Edition จะอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท
“นี่ไม่ใช่ตลาดล่าง แต่เป็นตลาด secment ใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครจับมาก่อน นี่เป็นสิ่งที่เราพบและเราถือเป็นโอกาสที่ดี เราไม่สามารถระบุได้ว่าขนาดตลาดใหญ่เล็กเพียงใด เพราะการวิจัยของเราแต่ละครั้งนั้นยึดการวิจัยเพื่อการออกแบบซอฟท์แวร์มากกว่าการวิจัยเพื่อทราบขนาดตลาด”
แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขราคา แต่สำนักข่าวเอพี (AP) เคยรายงานไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2004 ว่า ไมโครซอฟท์ยินดีจำหน่าย Windows XP คู่กับ Microsoft Office เป็นแพ็คเกจให้กับรัฐบาลในราคาพิเศษเพียง 1,500 บาทเท่านั้น
ปกติ Windows XP Home Edition จะมีราคาอยู่ที่ 4,500 บาทและ Office XP มีราคาอยู่ที่ 15,000 บาท
"ราคาที่ต่ำจะช่วยแก้ปัญหาซอฟต์แวร์เถื่อนได้" แม็กกี ไวล์เดอร็อตเตอร์ (Maggie Wilderotter) รองประธานอาวุโส เวิลด์ไวด์พับลิกเซ็กเตอร์ บริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวและว่า เพราะ Starter Edition จะมีการซัพพอร์ตลูกค้าหลังการขาย เช่น มีอัพเดทและแพ็ตช์ให้ดาวน์โหลด ยิ่งกว่านั้น ราคาที่ต่ำยังทำให้คนเปลี่ยนใจจากลีนุกซ์ (Linux) ได้บางส่วนด้วย
ไมโครซอฟท์เลือกประเทศไทย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นประเทศนำร่องสำหรับโครงการ Starter Edition เพราะ 1.รัฐบาลสนับสนุนการใช้งานไอที และ 2.ตลาดมีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างผลกระทบกับไมโครซอฟท์ได้
อย่างไรก็ตาม บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ประธานบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า จีนไม่เหมาะกับ Starter Edition นั่นหมายความว่าจะไม่มี Windows XP Starter Edition สำหรับประเทศจีนแต่อย่างใด เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจน รัฐบาลประกาศชัดเจนว่าสนับสนุนลีนุกซ์ และมีการใช้งานภาษาจีนในวงกว้าง หากมี Starter Edition จะส่งผลต่อการทำตลาดของเวอร์ชั่นปกติอย่างแน่นอน
Starter Edition จะต่างไปจากเวอร์ชั่นปกติเล็กน้อย เช่น สกรีนเซฟเวอร์ที่เป็นโลคัลไลซ์ ทั้งภาพวิว, ธงชาติ และดีไซน์อื่นๆ, มีซีดีที่เป็นเสมือนตัวช่วยเหลือเรียกว่า "MySupport" ติดมาด้วย
อย่างไรก็ตามผู้ใช้จะสามารถรันโปรแกรมได้พร้อมกันเพียง 3 โปรแกรมเท่านั้น และไม่มีฟีเจอร์โฮมเน็ตเวิร์คกิ้งแต่อย่างใด ตามรายงานจากสำนักข่าวซีเน็ต
ส่วนสิ่งที่เหมือนกับ Windows XP เวอร์ชั่นปกติคือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ความสามารถในการใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ (software and hardware compatibility) เช่น พริ้นเตอร์ ลำโพง และกล้องถ่ายรูป มี Windows Messenger และ Windows Media Player 9 Series ที่สำคัญคือมี Windows XP Service Pack 2
คุณสมบัติของ Windows XP Starter Edition
-ซัพพอร์ตที่ปรับให้เข้ากับผู้บริโภคท้องถิ่น (Localized and tailored support)
Windows XP Starter Edition มีระบบความช่วยเหลือที่ออกแบบใหม่อย่างสมบูรณ์ เรียกว่า ‘My Support’ ซึ่งรวมถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ‘Getting Started Guide’ นอกจากนี้ Windows XP Starter Edition ยังมาพร้อมกับซีดีพิเศษที่มีวีดีโอคำแนะนำเป็นภาษาท้องถิ่นออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้พีซีครั้งแรก
-การปรับตามความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น (Localized customization)
ด้วย Windows XP Starter Edition ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกวอลเปเปอร์และสกรีนเซฟเวอร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะในแต่ละประเทศได้ โดยมีภาพภูมิทัศน์ที่รู้จักกันดี ธงชาติ และภาพสถานที่ต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ
-การตั้งค่าที่ปรับมาให้เรียบร้อยแล้ว (Pre-configured settings)
Windows XP Starter Edition จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ในระดับเริ่มต้นในการตั้งค่าตัวเลือก โดยมีการตั้งค่าแบบแอดวานซ์ที่ปรับมาให้เรียบร้อยแล้วและยังมี Windows Firewall อีกด้วย
-การจัดการงานต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น (Simplified task management)
Windows XP Starter Edition ช่วยให้ผู้เริ่มใช้พีซีสามารถทำงานบน 3 โปรแกรมพร้อมกันได้ ด้วยการแสดงผลหน้าจอความละเอียด 800x600 พิกเซล แต่ไม่มีซัพพอร์ตสำหรับโฮมเน็ตเวิร์กกิ้งแบบพีซีต่อพีซี การแชร์พริ้นเตอร์ข้ามเน็ตเวิร์ค หรือการใช้งาน multiple user accounts ในพีซีเครื่องเดียวกัน
คุณสมบัติพื้นฐานที่เหมือนกับ Windows XP เวอร์ชั่นปกติ
-การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (Internet connectivity) เพื่อเข้าอินเตอร์เน็ตและท่องเว็บ
-การปรับใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ (software and hardware compatibility) พร้อมกับแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เช่น พริ้นเตอร์ ลำโพง และกล้องถ่ายรูป
-อินเตอร์เฟซผู้ใช้วินโดวส์ที่สามารถรับรู้ได้เอง (The intuitive Windows user interface) ที่ผู้ใช้คุ้นเคยและสามารถทำงานได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
-เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ล้ำหน้า (advanced security technologies) ใน Windows XP Service Pack 2 ที่จะช่วยให้ผู้ใช้เกาะติดกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่าเสมอ
-Windows Messenger เพื่อการสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัวผ่านการส่งข้อความแบบเรียลไทม์อย่างง่ายดาย
-การถ่ายภาพดิจิทัลด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ง่าย (digital photography support) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บและแบ่งปันภาพดูกันในครอบครัวและกับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่พริ้นท์ภาพออกมาด้วยเครื่องพิมพ์รุ่นใดรุ่นหนึ่งที่สนับสนุน Windows XP ในปัจจุบัน
-Windows Media Player 9 Series ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงและดูวีดีโอได้
Company Related Links
ไมโครซอฟท์