Frok Hyundai จับมือ Intel ทุบราคาตลาดคอมพิวเตอร์ เหลือเพียงเครื่องละ 9,999 บาท ฉีกหน้าคอมพิวเตอร์กระทรวงไอซีที ถือเป็นบันไดขั้นแรกของความร่วมมือ ก่อนมีการปรับโครงสร้างภายในอินเทลครั้งใหญ่เดือนสิงหาคมนี้ ขณะเดียวกันเตรียมเทคโนโลยีมุ่งเจาะตลาดล่าง-กลางที่มีกำลังซื้อสูง ตลาดใหญ่คิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ตั้งเป้ายอดขาย 20,000 เครื่องต่อเดือน ยอดรายได้รวมปีนี้ 9,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธจับมือพันธมิตรสร้างจุดแข็งด้านราคาที่ต่ำที่สุดในตลาด แต่คุณภาพมาตรฐานเดียวกัน
นายสมพร มหัธนบุรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายไอทีและสื่อสาร บริษัทเจพี เมก้า จำกัดเปิดเผยว่า หลังจากเมื่อเดือนพฤษภาคม บริษัทได้นำสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์น้องใหม่เข้าสู่ตลาด ในแบรนด์ “ฟอร์ก ฮุนได” ด้วยการใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่ต่ำสุด โดยจำหน่ายราคาเครื่องละ 10,999 บาท ภายใน 6 สัปดาห์สินค้าจำนวน 7,000 เครื่องถูกจำหน่ายออกไปทั้งหมด สร้างความประหลาดใจต่อตลาดเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อคอมพิวเตอร์มาตรฐานในราคาที่ไม่แพงนัก บริษัทจึงร่วมมือกับบริษัทอินเทล (ประเทศไทย) จำกัด จัดโครงการคอมพิวเตอร์ราคาถูกขึ้นอีกครั้ง ในชื่อ “มหัศจรรย์ 9999” โดยนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาตรฐานรุ่น Celeron 1.8GHz จำนวน 9,000 เครื่อง จำหน่ายในราคาเครื่องละ 9,999 บาทเท่านั้น เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม นอกจากนี้ในช่วงดังกล่าวยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นอื่น ๆ อาทิ เพนเทียมโฟร์ 2.4 จำนวน 4,000 เครื่อง และเพนเทียมโฟร์ 2.8 จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 2,000 เครื่อง รวมจำนวน 18,000 เครื่อง คาดว่าสินค้าจะจำหน่ายหมดภายใน 7 สัปดาห์
“ผมเรียนว่าราคานี้ ทุกคนคิดตรงกันหมด โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล คือกระทรวงไอซีทีต้องการราคานี้อย่างมาก แต่ยังไม่สามารถทำได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากระทรวงไอซีทีได้ประโยชน์ทางอ้อม จากที่เราจัดโครงการนี้ขึ้น เพราะก็ต้องการสนับสนุนรัฐในเรื่องคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ดังนั้น เหตุผลที่พยายามลดราคาลง เพราะอยากให้คนหันมาใช้คอมพิวเตอร์ เพราะคนไทย 100 คนใช้คอมพิวเตอร์เพียง 3 เครื่องและล้วนอยู่ในตัวเมืองทั้งสิ้น จากที่บริษัทนำกลยุทธ์ด้านราคามาใช้มีโรงเรียนอนุบาลดัง ๆ หลายแห่งมาพบเพื่อขอราคาพิเศษ และซื้อเป็นล็อตใหญ่ ๆ บางแห่ง 60 เครื่อง บางแห่ง 100 เครื่อง และจากการวิเคราะห์ตลาดของบริษัทพบว่าตลาดอนุบาลมีจำนวนสูงกว่า 3 ล้านคน ดังนั้น ยิ่งเราไปถึงระดับอนุบาล ผมถือว่าเดินมาถูกทาง ผมจึงไม่เชื่อทฤษฎีว่าคนรวยไม่ซื้อคอมพิวเตอร์กลุ่มล่าง และถือว่าทฤษฎีนี้ผิดเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป”
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายไอทีสื่อสารบริษัทเจพีเมก้ายังเผยถึงเหตุผลที่สามารถดั้มราคาเครื่องคอมพิวเตอร์มาตรฐานลงมาต่ำได้ว่า เพราะ 1. เรามีโอกาส พาร์ทเนอร์ให้โอกาสเราโดยเฉพาะอินเทล 2. เราใช้การตลาดถูกทาง 3. เรามีความแข็งแกร่งด้านการเงิน 4. เราหวังผลกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ตรงคือตลาดโลว์เอนด์ หรือตลาดล่าง-กลาง คิดเป็นสัดส่วน 80 เปอร์เซ็นต์ และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ 5. เรามีจำนวนเพียงพอ ราคาจึงมาเป็นตัวสุดท้าย เพราะเมื่อทุกฝ่ายเชื่อมั่นเราหมดจะเก็บราคาไว้ทำไม เมื่อขายแล้วขายต่อได้ และเดือนหน้ายังขายได้อีก
ทั้งนี้ในเดือนสิงหาคม บริษัทจะจัดรายการครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงภายในอินเทล ซึ่งในเดือนสิงหาคมนี้อินเทลมีการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร จากเดิมที่เคยเรียกกันว่า เพนเทียมโฟร์ 2.2, 2.4 ต่อไปจะเรียกเป็นซีรี่ เหมือนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเป็นซีรี่ 3, 5, 7 แต่ละซีรี่ก็จะแตกย่อยออกไป นับเป็นการเปลี่ยนแปลงของอินเทลที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผลจากที่อินเทลเปลี่ยนแปลงจะกระทบต่อตลาดคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองประการคือ 1. โครงสร้างราคาเปลี่ยนไป 2. เทคโนโลยีเปลี่ยนไป โดยเทคโนโลยีสูงขึ้นแต่ราคาไม่ได้ขยับตาม ถามว่าผลกระทบกับเราจากการเปลี่ยนแปลงมีอะไรบ้าง ตนยืนยันว่าไม่มี เพราะเราลองเทอมกับอินเทลอยู่แล้ว
สำหรับการวางเป้ายอดขาย หลังเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป วางเป้าที่ 20,000 เครื่องต่อเดือน ซึ่งจะทำให้เป็น 1 ใน 5 ของบริษัทที่มียอดขายสูงสุด และยอดรายได้รวมในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 9,000 ล้านบาท
Company Related Links :
Intel
นายสมพร มหัธนบุรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายไอทีและสื่อสาร บริษัทเจพี เมก้า จำกัดเปิดเผยว่า หลังจากเมื่อเดือนพฤษภาคม บริษัทได้นำสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์น้องใหม่เข้าสู่ตลาด ในแบรนด์ “ฟอร์ก ฮุนได” ด้วยการใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่ต่ำสุด โดยจำหน่ายราคาเครื่องละ 10,999 บาท ภายใน 6 สัปดาห์สินค้าจำนวน 7,000 เครื่องถูกจำหน่ายออกไปทั้งหมด สร้างความประหลาดใจต่อตลาดเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อคอมพิวเตอร์มาตรฐานในราคาที่ไม่แพงนัก บริษัทจึงร่วมมือกับบริษัทอินเทล (ประเทศไทย) จำกัด จัดโครงการคอมพิวเตอร์ราคาถูกขึ้นอีกครั้ง ในชื่อ “มหัศจรรย์ 9999” โดยนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาตรฐานรุ่น Celeron 1.8GHz จำนวน 9,000 เครื่อง จำหน่ายในราคาเครื่องละ 9,999 บาทเท่านั้น เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม นอกจากนี้ในช่วงดังกล่าวยังมีเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นอื่น ๆ อาทิ เพนเทียมโฟร์ 2.4 จำนวน 4,000 เครื่อง และเพนเทียมโฟร์ 2.8 จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 2,000 เครื่อง รวมจำนวน 18,000 เครื่อง คาดว่าสินค้าจะจำหน่ายหมดภายใน 7 สัปดาห์
“ผมเรียนว่าราคานี้ ทุกคนคิดตรงกันหมด โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล คือกระทรวงไอซีทีต้องการราคานี้อย่างมาก แต่ยังไม่สามารถทำได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากระทรวงไอซีทีได้ประโยชน์ทางอ้อม จากที่เราจัดโครงการนี้ขึ้น เพราะก็ต้องการสนับสนุนรัฐในเรื่องคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ดังนั้น เหตุผลที่พยายามลดราคาลง เพราะอยากให้คนหันมาใช้คอมพิวเตอร์ เพราะคนไทย 100 คนใช้คอมพิวเตอร์เพียง 3 เครื่องและล้วนอยู่ในตัวเมืองทั้งสิ้น จากที่บริษัทนำกลยุทธ์ด้านราคามาใช้มีโรงเรียนอนุบาลดัง ๆ หลายแห่งมาพบเพื่อขอราคาพิเศษ และซื้อเป็นล็อตใหญ่ ๆ บางแห่ง 60 เครื่อง บางแห่ง 100 เครื่อง และจากการวิเคราะห์ตลาดของบริษัทพบว่าตลาดอนุบาลมีจำนวนสูงกว่า 3 ล้านคน ดังนั้น ยิ่งเราไปถึงระดับอนุบาล ผมถือว่าเดินมาถูกทาง ผมจึงไม่เชื่อทฤษฎีว่าคนรวยไม่ซื้อคอมพิวเตอร์กลุ่มล่าง และถือว่าทฤษฎีนี้ผิดเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป”
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายไอทีสื่อสารบริษัทเจพีเมก้ายังเผยถึงเหตุผลที่สามารถดั้มราคาเครื่องคอมพิวเตอร์มาตรฐานลงมาต่ำได้ว่า เพราะ 1. เรามีโอกาส พาร์ทเนอร์ให้โอกาสเราโดยเฉพาะอินเทล 2. เราใช้การตลาดถูกทาง 3. เรามีความแข็งแกร่งด้านการเงิน 4. เราหวังผลกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ตรงคือตลาดโลว์เอนด์ หรือตลาดล่าง-กลาง คิดเป็นสัดส่วน 80 เปอร์เซ็นต์ และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ 5. เรามีจำนวนเพียงพอ ราคาจึงมาเป็นตัวสุดท้าย เพราะเมื่อทุกฝ่ายเชื่อมั่นเราหมดจะเก็บราคาไว้ทำไม เมื่อขายแล้วขายต่อได้ และเดือนหน้ายังขายได้อีก
ทั้งนี้ในเดือนสิงหาคม บริษัทจะจัดรายการครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงภายในอินเทล ซึ่งในเดือนสิงหาคมนี้อินเทลมีการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร จากเดิมที่เคยเรียกกันว่า เพนเทียมโฟร์ 2.2, 2.4 ต่อไปจะเรียกเป็นซีรี่ เหมือนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเป็นซีรี่ 3, 5, 7 แต่ละซีรี่ก็จะแตกย่อยออกไป นับเป็นการเปลี่ยนแปลงของอินเทลที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผลจากที่อินเทลเปลี่ยนแปลงจะกระทบต่อตลาดคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองประการคือ 1. โครงสร้างราคาเปลี่ยนไป 2. เทคโนโลยีเปลี่ยนไป โดยเทคโนโลยีสูงขึ้นแต่ราคาไม่ได้ขยับตาม ถามว่าผลกระทบกับเราจากการเปลี่ยนแปลงมีอะไรบ้าง ตนยืนยันว่าไม่มี เพราะเราลองเทอมกับอินเทลอยู่แล้ว
สำหรับการวางเป้ายอดขาย หลังเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป วางเป้าที่ 20,000 เครื่องต่อเดือน ซึ่งจะทำให้เป็น 1 ใน 5 ของบริษัทที่มียอดขายสูงสุด และยอดรายได้รวมในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 9,000 ล้านบาท
Company Related Links :
Intel