บทความเรื่อง “Navigation System ระบบนำทางรถยนต์อัจฉริยะ ที่น่าทำความรู้จัก” เป็นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบนำทางรถยนต์ แต่สำหรับบทความชิ้นนี้ จะเป็นการเจาะลึกลงไปในระบบเนวิเกชั่นของคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์โดยเฉพาะ ว่ามีส่วนประกอบอะไร??? ทำอะไรได้บ้าง??? มีความละเอียดแค่ไหน??? มีคุณภาพหรือเปล่า??? มีข้อดีข้อเสียยังไง??? และเชื่อถือได้หรือไม่???
พื้นฐานเกี่ยวกับระบบนำทางรถยนต์ สำหรับมือใหม่
เนวิเกเตอร์ในคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์

เนวิเกเตอร์ในรถยนต์คัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ เป็นฝีมือการพัฒนาของบริษัทอีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการทางด้านระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System; GIS) ระดับแนวหน้าของโลก ระบบจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนเช่นเดียวกับระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไปคือ ส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ฮาร์ดแวร์จะประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่

1. แบล็คบ็อกซ์ (Black Box) หรือกล่องควบคุม เป็นของยี่ห้อ Garmin รุ่น GVN50 ไม่ต้องสงสัยหากไม่พบในแคตาล็อกของ Garmin เนื่องจากเป็นสินค้า OEM (Original Equipment Manufacturing) ซึ่งผลิตขึ้นเพื่อป้อนบริษัทผู้ผลิต ในที่นี้หมายถึงบริษัทโตโยต้า (ประเทศไทย) เท่านั้น
ภายในไม่มีฮาร์ดดิสก์ไว้คอยเก็บข้อมูลเหมือนอย่างที่หลายๆคนคิด แต่จะใช้เมมโมรี่การ์ดแบบ CF Card (Compact Flash) Type 2 เป็นที่เก็บข้อมูลแทน ข้อดีคือสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายเช่นเดียวกับ CF Card ทั่วไป ทำให้การอัพเดทข้อมูล โดยเฉพาะการอัพเดทแผนที่ เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
การ์มิน (Garmin) เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องรับสัญญาณ GPS ชั้นนำของโลก มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งเครื่อง GPS และเนวิเกเตอร์ ซึ่งล้วนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้ใช้ GPS ว่ามีคุณภาพสูงและเชื่อถือได้

2. เสารับสัญญาณ GPS เหตุที่ต้องมีอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็สืบเนื่องมาจากข้อจำกัดในการทำงานของระบบ GPS
หลักการทำงานเบื้องต้นของ GPS คือ
1. รับสัญญาณจากดาวเทียมที่โคจรอยู่เต็มท้องฟ้า 24 ดวง เป็นบริการฟรี เมื่อท่านซื้อ GPS มาใช้แล้ว การรับสัญญาณจากดาวเทียมจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
2. การที่ GPS จะรับทำงานได้ อย่างน้อยต้องรับสัญญาณจากดาวเทียม 3 ดวงขึ้นไป โดยถ้ารับสัญญาณได้ 4 ดวงขึ้นไปก็จะสามารถบ่งบอกพิกัดความสูงได้ด้วย
3. การที่ GPS จะรับสัญญาณได้นั้น จะต้องสามารถมองเห็นท้องฟ้า หรือไม่มีอะไรมาขวางกั้น ดังนั้นจึงมันจึงไม่สามารถทำงานได้ในตึก หรือในป่าทึบ
ในรถคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ แบล็คบ็อกซ์ซึ่งมีขนาดประมาณ 3x4 นิ้วจะถูกติดตั้งไว้ใต้คอนโซลหน้า ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ หากตัวรับสัญญาณ GPS อยู่ภายในแบล็คบ็อกซ์ด้วยแล้ว ก็คงใช้งานอะไรไม่ได้เลย เสาอากาศจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะถูกติดตั้งเอาไว้บริเวณคอนโซลหน้าด้านบนติดกับมุมล่างซ้ายของกระจกบังลมหน้า ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ในมุมที่กว้างที่สุด และไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาสำหรับรถที่ติดฟิล์มกรองแสงบริเวณกระจกหน้าแบบเต็มบาน จากการทดสอบของ ThaiMTB.com พบว่า ฟิล์มกรองแสงยี่ห้อที่โฆษณาว่าสามารถลดความร้อนได้มากที่สุด ที่ราคาแพงที่สุดในตลาดเมืองไทย ซึ่งมีการฉาบอะตอมโลหะเงินไว้บนแผ่นฟิล์มนั้น นอกจากจะกรองความร้อนและรังสียูวีได้ดีแล้ว ยังกรองสัญญาณดาวเทียมได้ดีอีกด้วย เครื่อง GPS ไม่สามารถรับสัญญาณใดๆได้เลย
ส่วนฟิล์มยี่ห้ออื่นที่ใช้เทคนิคการผลิตเดียวกัน คือมีการฉาบอะตอมโลหะไว้บนแผ่นฟิล์ม ก็มีปัญหาเช่นกัน แต่จะน้อยกว่าตามชนิดของโลหะ เครื่อง GPS สามารถรับสัญญาณได้บ้าง แต่ไม่ชัดเจน ซึ่งมีผลต่อความถูกต้องและความแม่นยำของการคำนวณหาพิกัดตำแหน่งปัจจุบันของรถ
ดังนั้น ผู้ที่คิดจะใช้เนวิเกเตอร์ในรถยนต์คงต้องทำใจไว้บ้าง มีวิธีแก้อยู่ 2 ทางคือ
1. ไม่ติดฟิล์มใดๆบริเวณกระจกบังลมหน้า เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
2. ติดฟิล์มบริเวณกระจกบังลมหน้า แต่เว้าช่องบริเวณเหนือเสาอากาศรับสัญญาณ GPS เอาไว้ เพื่อให้สามารถรับสัญญาณได้ แบบเดียวกับการ์ดทางด่วน

ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่สำคัญอีก 2 ชิ้นได้แก่ รีโมทคอนโทรล สำหรับควบคุมการทำงานของระบบ และรีโมทรีซีฟเวอร์ หรือแผงรับสัญญาณอินฟราเรด สำหรับรับคำสั่งจากรีโมทคอนโทรล ซึ่งจะถูกติดตั้งไว้ทางด้านซ้ายหลังพวงมาลัย
ตรงจุดนี้มีข้อน่าสังเกตคือ โตโยต้าประชาสัมพันธ์ว่า เครื่องเล่น DVD ในคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์มีหน้าจอแบบทัชสกรีน ขนาด 6.5 นิ้ว สามารถควบคุมการทำงานได้จากการสัมผัสที่หน้าจอ ข้อความดังกล่าวเป็น “จริง” แต่ ... กับเฉพาะระบบความบันเทิงภายในรถ อันได้แก่ DVD, VCD, MP3, CD-R, CD-RW, Audio CD, วิทยุ และเทปคาสเซ็ทเท่านั้น ไม่รวมถึงระบบนำทางแต่อย่างใด ดังนั้นรีโมทคอนโทรลจึงยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้งานเนวิเกเตอร์
ซอฟต์แวร์
ArcData Thailand คือชุดข้อมูลแผนที่ประเทศไทยในรูปแบบดิจิตอลประสิทธิภาพสูง เป็นผลงานการพัฒนาของบริษัทอีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) ซึ่งถูกนำมาใช้กับชุดเนวิเกเตอร์ในคัมรี่ เปิดตัวออกมาครั้งแรกเมื่อต้นปี 2547 พร้อมกับ Garmin iQue 3600 ซึ่งเป็นเครื่องพีดีเอที่มีความสามารถด้าน GPS และเนวิเกเตอร์ในตัว
เป็นที่ยอมรับกันในหมู่ผู้ใช้ GPS ว่า ArcData คือแผนที่ดิจิตอล ซึ่งประกอบด้วยโครงข่ายถนนหลักและโครงข่ายถนนในเมืองทั่วประเทศ ที่ละเอียด ครบถ้วน ถูกต้อง และแม่นยำมากที่สุดในขณะนี้ มีความละเอียด 2 ระดับ ได้แก่ 1:4,000 สำหรับโครงข่ายถนนหลัก และ 1:20,000 สำหรับโครงข่ายถนนในเมือง ครอบคลุมข้อมูลทางหลวงแผ่นดินตั้งแต่ 3 หลักขึ้นไป และ 4 หลักในบางเส้น

ความละเอียด 1:4,000 หมายความว่า 1 มิลลิเมตรในแผนที่ จะเท่ากับระยะทางจริง 4,000 มิลลิเมตร คร่าวๆก็คือ 1 พิกเซลบนจอภาพในรถคัมรี่จะเท่ากับระยะทางจริงประมาณ 4 เมตร ซึ่งถือว่ามีความละเอียดสูงมากสำหรับการใช้งานในระบบนำทาง ภาพด้านบนเป็นภาพขยายสูงสุดบริเวณสวนสาธารณะและคูเมืองเชียงใหม่

นอกจากเส้นทางคมนาคมแล้ว ไฟล์แผนที่ขนาดประมาณ 60 เมกะไบต์นี้ ยังมี POI (Point Of Interest) หรือจุดน่าสนใจต่างๆ ติดมาด้วย โดยแบ่งเป็นหมวดต่างๆ ได้แก่ โตโยต้าดีลเลอร์, จุดสนใจ, อาหารและเครื่องดื่ม, ที่พัก, บริการ, สถานบันเทิง, สถานที่น่าสนใจ, แหล่งช็อปปิ้ง และฉุกเฉินและราชการ ซึ่งแต่ละหมวดยังแบ่งย่อยออกไปได้อีก เช่น หมวดบริการ ก็จะมีหมวดย่อยเป็น เอทีเอ็ม, ธนาคาร, ไปรษณีย์, ปั๊มน้ำมัน และอู่ซ่อมรถ เป็นต้น

ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในชุดเนวิเกเตอร์ของคัมรี่ เช่น ข้อมูลแผนที่ ข้อมูล POI เมนูอินเตอร์เฟส และเสียงบอกทิศทาง จะเป็นภาษาไทย ซึ่งช่วยให้การสืบค้นข้อมูลต่างๆเป็นเรื่องง่าย เข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะกับผู้ใช้ซึ่งเป็นคนไทย ตรงกันข้ามกับตัวที่อยู่ใน iQue 3600 ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วน
อย่างไรก็ตาม โครงการ iQue 3600 เวอร์ชั่นภาษาไทย “ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา” ตามการเปิดเผยของ วิชัย แสงหิรัญวัฒนา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทอีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย)
สำหรับผู้ใช้คัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ที่ชอบภาษาอังกฤษมากกว่า ก็ “สามารถสวิทช์ในส่วนของเมนูอินเตอร์เฟสและเสียงบอกทาง ไม่รวมข้อมูลแผนที่ ไปเป็นภาษาอังกฤษได้เช่นกัน” ปิยะ เทวหสกุลทอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและผู้ดูแลโครงการระบบนำทางในรถยนต์โตโยต้าคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ กล่าว
การทำงาน

การทำงานของระบบนำทางในโตโยต้าคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์จะคล้ายกับเครื่อง Garmin รุ่น StreetPilot 2610 และ 2650 ซึ่งเป็นเครื่องเนวิเกเตอร์เช่นกัน หลังสตาร์ทรถหรือเปิดสวิตช์ เครื่องจะทำการค้นหาดาวเทียมเพื่อรับสัญญาณ GPS ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 2-3 นาทีก่อนสแตนด์บายและพร้อมใช้งาน
ในระหว่างนั้น หากรถมีการเคลื่อนที่ ระบบจะสวิตช์เข้าโหมด “Dead Rekoning” ซึ่งเป็นระบบชดเชยสัญญาณ GPS เพื่อให้ทราบพิกัดตำแหน่งปัจจุบันของรถในกรณีที่รับสัญญาณดาวเทียมได้ต่ำกว่า 3 ดวง ประมาณว่าถึงจะรับสัญญาณ GPS ไม่ได้ แต่ระบบก็ยังรู้ว่ารถอยู่ตรงตำแหน่งไหน ตัวอย่างเช่น ขับรถอยู่ในที่จอดรถใต้อาคาร
Dead Rekoning จะประมวลผลสัญญาณซึ่งรับจาก 3 แหล่ง คือ
1. สปีดเซ็นเซอร์ เพื่อให้รู้ความเร็วของรถ
2. สัญญาณไฟถอย เพื่อให้รู้ว่ารถกำลังเคลื่อนที่เดินหน้าหรือถอยหลัง
3. เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ในตัว GVN50 เพื่อให้รู้ว่ารถเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน ซึ่งเข็มทิศนี้จะทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะติดตั้งในลักษณะใดหรืออยู่ในสภาวะไหนก็ตาม
เมื่อระบบพร้อมทำงาน สิ่งที่เราเห็นก็คือพิกัดตำแหน่งรถในขณะนั้น บนแผนที่ดิจิตอล ซึ่งแสดงบนจอภาพที่ติดตั้งไว้ตรงกลางคอนโซลหน้ารถ อย่างไรก็ตามระบบคงไม่สามารถนำทางเราไปไหนได้ถ้าไม่รู้จุดหมายปลายทาง ดังนั้นเราจึงต้องป้อนจุดหมายของเราเข้าไป

การป้อนข้อมูล ก็เพียงเลือกเอาจาก POI ที่ค้นได้จากฐานข้อมูลที่ทางอีเอสอาร์ไอฯให้มากับข้อมูลแผนที่เท่านั้น แต่ถ้าจุดหมายของเราเป็นบ้านเพื่อน บ้านพี่ บ้านน้อง หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นความชอบความสนใจส่วนตัวแล้ว อันนี้คงต้องทำการมาร์คตำแหน่งเอาเอง ซึ่งระบบเปิดทางเอาไว้ให้ผู้ใช้สามารถกระทำได้ แบบเดียวกับ Favorite หรือ Bookmark ในโปรแกรมอินเทอร์เน็ตเบราเซอร์ หรือจะมาแก้ไขภายหลังหรือลบทิ้งก็สามารถทำได้เช่นกัน
สำหรับการค้นหาและเลือก POI นั้น สามารถทำได้ 3 รูปแบบคือ

1. ค้นหาภายในรัศมีที่กำหนด รอบตำแหน่งปัจจุบันที่เราอยู่
2. ค้นหาภายในรัศมีที่กำหนด รอบจุดที่เรากำหนด
3. ค้นหาจากชื่อสถานที่



โดยระบบจะโชว์รายละเอียดของ POI ออกมาใน 2 ลักษณะคือ แสดงเป็นจุด POI บนแผนที่ หรือแสดงเป็น List พร้อมที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ทิศที่ตั้ง และระยะทาง (อ้างอิงจากตำแหน่งปัจจุบันของเรา) ให้เราสามารถเลือกดูได้ตามความพอใจ
ตรงจุดนี้มีปัญหามากในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เวลาสืบค้นข้อมูลและแสดงข้อมูล แต่ได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชั่นที่ใช้กับคัมรี่ซึ่งเป็นภาษาไทยล้วน

เมื่อรู้จุดหมายปลายทางแล้ว ระบบจะทำการคำนวณเส้นทางที่จะไปยังจุดหมาย กระบวนการนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ใช้อยู่ 3 ทางเลือก ได้แก่ เส้นทางที่สั้นที่สุด, เส้นทางที่เร็วที่สุด และเส้นทางที่ตรงที่สุด ส่วนใหญ่ที่ใช้กันจะเป็น 2 แบบแรก ส่วนแบบที่ 3 นั้นเหมาะสำหรับรถออฟโรด ที่สามารถวิ่งผ่านทุ่งกว้างๆ ข้ามน้ำข้ามภูเขาได้
ถ้ากำหนดให้ระบบค้นหาเส้นทางที่สั้นที่สุด เส้นทางที่ปรากฏบนแผนที่จะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่จะนำเราไปถึงจุดหมาย รวมไปถึงการมุดเข้าออกตรอกซอกซอยต่างๆ ไม่ใช่เส้นทางที่ใช้เวลาน้อยที่สุดแต่อย่างใด
แต่หากกำหนดให้ระบบค้นหาเส้นทางที่เร็วที่สุดแล้ว ระบบจะคำนวณจากความเร็วที่ถนนเส้นนั้นทำได้ ซึ่งมีการสำรวจเกี่ยวกับสภาพการจราจรบนเส้นทางแล้วใส่เข้าไปเป็นข้อมูลเฉพาะสำหรับถนนแต่ละเส้นล่วงหน้า ไม่ใช่ข้อมูลเรียลไทม์ และระบบจะพยายามเลี่ยงการเข้าซอย เนื่องจากพบว่าความเร็วเฉลี่ยบนถนนสายหลักจะสูงกว่าความเร็วเฉลี่ยในซอย

หลังจากที่ได้เส้นทางและได้รับการยืนยันเส้นทางจากผู้ใช้แล้ว ระบบจะนำทางเราไปยังจุดหมายแบบ Turn-by-Turn

ขณะที่เราขับรถไปตามการนำทางของเนวิเกเตอร์ ในจอภาพจะเห็นรถกำลังวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ทิศทางจะแสดงได้ 2 รูปแบบ กรณีรถหยุด ขอบด้านบนของจอภาพจะเป็นทิศเหนือ แต่หากรถกำลังวิ่ง ขอบด้านบนของจอภาพจะเป็นทิศที่รถกำลังมุ่งหน้าไป นอกจากนี้ในจอภาพยังจะมีการโชว์ทิศทาง ระยะทาง และจุดเลี้ยว รวมถึงลักษณะของจุดเลี้ยวหรือโค้งต่างๆบนเส้นทางด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางไกลในช่วงเวลากลางคืน
“กรณีขับออกนอกเส้นทาง ระบบจะคำนวณเส้นทางใหม่ให้โดยอัตโนมัติ หรืออาจระบุให้ใช้เส้นทางที่อ้อมผ่าน จุด ก., ข., ค. ก่อนก็ได้ ในกรณีเดินทางท่องเที่ยวตามจุดแวะพักต่างๆ” วิชัยกล่าว

ความพิเศษของเนวิเกเตอร์นั้น “นอกจากใช้บอกทิศทางแล้ว ยังสามารถทำหน้าที่แทนหน้าปัดรถยนต์ได้อีกด้วย เช่น บอกความเร็วขณะนั้น ทิศทาง เวลา และความเร็วเฉลี่ย” ปิยะเสริม
เมื่อถึงจุดหมาย ระบบจะทำการบันทึกเส้นทางที่ผ่านมาเอาไว้เพื่อการตรวจสอบการใช้งานย้อนหลัง ฟีเจอร์นี้สามารถแก้ไขและลบได้ หรือจะปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้ก็ได้เช่นกัน
ผิดพลาดเล็กน้อย
ความคิดเห็นของผู้ใช้ iQue 3600 ที่โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ ThaiMTB.com ซึ่งทางอีเอสอาร์ไอฯยืนยันว่าใช้ข้อมูลแผนที่เวอร์ชั่นเดียวกันกับคัมรี่นั้น แสดงให้เห็นว่าข้อมูลแผนที่ยังมีความผิดพลาดอยู่บ้างเหมือนกัน เช่น ไม่รู้ว่าถนนเส้นนั้นวิ่งรถทางเดียว (วันเวย์), ไม่รู้ว่ามีทางเข้าอุทยานแห่งชาติบางแห่ง 2 ทาง, ไม่รู้ว่าร้านอาหารบางร้านปิดกิจการไปแล้ว และพิกัดตำแหน่งสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งยังผิดอยู่
“ต้องยอมรับว่าตัวแผนที่จะมีความผิดพลาดอยู่บ้าง เราไม่สามารถจะทำแผนที่ให้ถูกต้อง 100% ได้ ความผิดพลาดนี้เกิดจากการเก็บข้อมูลส่วนหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของระบบจราจรอีกส่วนหนึ่ง ความไม่ทันสมัยของตัวแผนที่ก็อาจจะมีบ้างในบางระดับ แต่ผมว่า 70%-80% เชื่อถือได้” วิชัย กล่าวและว่า “โดยปกติแล้ว ในคู่มือจะระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ขับต้องใช้วิจารณญาณในการขับขี่ ไม่ใช่ว่าจะเชื่อ 100% แม้แต่ในเมืองนอกก็ตาม ก็ไม่พ้นปัญหานี้”
วิชัยยังกล่าวเกี่ยวกับการที่มีบางคนบอกว่าแผนที่เมืองนอกดีกว่าละเอียดกว่าด้วยว่า “คำที่ว่าละเอียดหรือไม่ละเอียด ดีหรือไม่ดีนั้น มันขึ้นอยู่กับการรับรู้ของเขาว่าเขาได้มาจากที่ไหน เราเชื่อว่าของเราละเอียดที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งาน ... ต้องให้เขามาดูเอง”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่มีปัญหามากก็คือระบบการจราจร ถนนในเมืองไทยมีเป็นแสนๆ การจะเก็บให้ละเอียดให้ครบถูกต้อง 100% นั้น ค่อนข้างยาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หรืออีกอย่างหนึ่งที่บอกว่าของเมืองนอกดีกว่า บางส่วนก็อาจจะเป็นไปได้ว่าโครงสร้างถนนต่างประเทศไม่ซับซ้อน ผังเมืองเป็นระเบียบ แต่ของเมืองไทยนั้น ต้องยอมรับว่าปราบเซียนมากๆ
“แผนที่ไม่มีคำว่าดีที่สุด มีแต่เหมาะสมและใช้งานได้ แต่จะไม่ที่สุด เพราะในอนาคตก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เราไม่บอกเลยว่าของเราสมบูรณ์ 100% เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าใครบอกว่าแผนที่สมบูรณ์ 100% นั่นคือเขาโกหก” วิชัยกล่าว
การอัพเดทแผนที่
ระบบเนวิเกเตอร์ในคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ ผู้เป็นเจ้าของรถจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นสำหรับบริการและบริการหลังการขาย การอัพเดทก็เพียงขับรถเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะตามปกติ ตอนไปรับรถ ข้อมูลแผนที่ก็จะถูกอัพเดทเรียบร้อย พร้อมกับรถในสภาพสมบูรณ์ 100% พร้อมใช้งาน
ที่จริงการอัพเดทข้อมูลจะใช้เวลาไม่นาน เพราะแค่ถอดเปลี่ยนแผ่น CF Card ที่ใช้เก็บข้อมูลแผนที่เท่านั้น ก็ได้แผนที่ตัวใหม่มาใช้แล้ว ถึงตรงนี้หลายคนคงกำลังคิดว่า “งั้นเปลี่ยนเองก็ได้” คำตอบก็คือ “ได้” แต่ไม่แนะนำ ควรยกให้เป็นหน้าที่ของช่างเทคนิคที่มีประสบการณ์มีความรู้ความเชี่ยวชาญจะดีกว่า เพราะถึงอย่างไรระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนพอสมควร ที่สำคัญไม่ว่าจะเปลี่ยนเองหรือให้ช่างทำ ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่ดี
สำหรับความถี่ในการอัพเดทนั้น ถูกกำหนดไว้ที่ปีละ 1 ครั้ง
“ที่จริงแล้วเราอัพเดททุกวัน เรามีคน 500 คนออกภาคสนามอัพเดทข้อมูลตลอด แต่ในการนำข้อมูลมาใส่ลงแผนที่แล้วส่งมอบให้ลูกค้านั้น จำเป็นต้องมีคาบหรือรอบระยะเวลา เราไม่สามารถจะทำถี่เกินไปได้ เพราะถ้าถี่เกินไปก็จะทำให้เกิดการสับสน เช่น ไม่รู้ว่าแผนที่ที่ลูกค้าคนนี้ใช้เป็นเวอร์ชั่นอัพเดทล่าสุดแล้วหรือยัง แต่ถ้าแยกเป็นเวอร์ชั่นของปีนี้ปีนี้ มันจะง่ายกว่า” วิชัยอธิบาย
เขากล่าวด้วยว่า อีกไม่กี่เดือนจะมีรีลีสแผนที่เวอร์ชั่นใหม่ออกมาแล้ว และเนื่องจากแผนที่ชุดนี้ถูกใช้ในหลายๆสายผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเมื่อแผนที่มีการอัพเดท ทุกอุปกรณ์ก็จะถูกอัพเดทด้วยทั้งหมด ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าแผนที่ที่ได้ไปนั้น เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแน่นอน
ทางเทคนิค

เนื่องจากชุดเนวิเกเตอร์นี้เป็นออปชั่น หรืออุปกรณ์เสริม ดังนั้นหลายๆคนจึงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า “สามารถรื้อไปติดคันอื่นได้หรือเปล่า”
“ได้ แต่ Warranty หมด ทางโตโยต้าจะรับประกัน 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร” วิชัยกล่าวและว่า “ขณะนี้มีแต่ของโตโยต้าเท่านั้น ส่วนจะมีสินค้าชุดเดียวกันนี้ในรถยี่ห้ออื่นๆหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้”
กับคำถามว่ามีการนำข้อมูลสภาพการจราจรมาร่วมในการคำนวณเส้นทางหรือไม่นั้น วิชัยให้คำตอบว่า “เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากจำเป็นต้องมีการลงทุนอีกมหาศาล แม้ในปัจจุบันเทคโนโลยีเอื้ออำนวย แผนที่เอื้ออำนวย แต่ปัจจุบันยังไม่มีใครลงทุน”
เขากล่าวว่า ภาครัฐควรจะเข้ามาช่วย ถ้าจะให้เอกชนลงทุนมองว่าไม่คุ้ม ที่ญี่ปุ่นจะมีการบรอดคาสต์สภาพการจราจรออกไป แล้วเครื่องเนวิเกเตอร์จะถอดรหัสเอาไปร่วมในการคำนวณเส้นทางด้วย แต่ปัญหาก็มี อย่างรายงานการจราจรไม่ถูกต้องหรือไม่ครบ เช่น ถนน 50 เส้น แต่รายงานเพียง 30 เส้น ผู้ใช้ก็ได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องด้วย
“สรุปว่าเครื่องนี้พาเราหนีรถติดยังไม่ได้ แต่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน หรือถ้าเจอรถติด เครื่องก็สามารถคำนวณเส้นทางใหม่ให้ได้ หรือถ้าเราไม่ไปตามเส้นทาง ออกนอกเส้นทาง เครื่องจะรับรู้ได้โดยอัตโนมัติ และจะทำการคำนวณเส้นทางใหม่ให้ หรือเราจะกำหนดให้เครื่องพาออกนอกเส้นทางหรืออ้อมเส้นทางไปก็ได้” วิชัยกล่าว
อนาคต
ระบบเนวิเกชั่นในประเทศไทย ที่มีปัญหามากและทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรก็คือแผนที่ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้ว แผนที่สมบูรณ์แล้ว
“เราเชื่อว่าเราทำดีที่สุด ผลงานคือสิ่งพิสูจน์ ถ้าดี มันจะเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคเอง ลูกค้าคือเครื่องพิสูจน์” วิชัยกล่าว
“ในอนาคต 3 มิติมีแน่นอน นี่คือก้าวต่อไป” วิชัยกล่าวทิ้งท้าย
พื้นฐานเกี่ยวกับระบบนำทางรถยนต์ สำหรับมือใหม่
เนวิเกเตอร์ในคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์
เนวิเกเตอร์ในรถยนต์คัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ เป็นฝีมือการพัฒนาของบริษัทอีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการทางด้านระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (Geographic Information System; GIS) ระดับแนวหน้าของโลก ระบบจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนเช่นเดียวกับระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไปคือ ส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ฮาร์ดแวร์จะประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่
1. แบล็คบ็อกซ์ (Black Box) หรือกล่องควบคุม เป็นของยี่ห้อ Garmin รุ่น GVN50 ไม่ต้องสงสัยหากไม่พบในแคตาล็อกของ Garmin เนื่องจากเป็นสินค้า OEM (Original Equipment Manufacturing) ซึ่งผลิตขึ้นเพื่อป้อนบริษัทผู้ผลิต ในที่นี้หมายถึงบริษัทโตโยต้า (ประเทศไทย) เท่านั้น
ภายในไม่มีฮาร์ดดิสก์ไว้คอยเก็บข้อมูลเหมือนอย่างที่หลายๆคนคิด แต่จะใช้เมมโมรี่การ์ดแบบ CF Card (Compact Flash) Type 2 เป็นที่เก็บข้อมูลแทน ข้อดีคือสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายเช่นเดียวกับ CF Card ทั่วไป ทำให้การอัพเดทข้อมูล โดยเฉพาะการอัพเดทแผนที่ เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
การ์มิน (Garmin) เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องรับสัญญาณ GPS ชั้นนำของโลก มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งเครื่อง GPS และเนวิเกเตอร์ ซึ่งล้วนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้ใช้ GPS ว่ามีคุณภาพสูงและเชื่อถือได้
2. เสารับสัญญาณ GPS เหตุที่ต้องมีอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็สืบเนื่องมาจากข้อจำกัดในการทำงานของระบบ GPS
หลักการทำงานเบื้องต้นของ GPS คือ
1. รับสัญญาณจากดาวเทียมที่โคจรอยู่เต็มท้องฟ้า 24 ดวง เป็นบริการฟรี เมื่อท่านซื้อ GPS มาใช้แล้ว การรับสัญญาณจากดาวเทียมจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
2. การที่ GPS จะรับทำงานได้ อย่างน้อยต้องรับสัญญาณจากดาวเทียม 3 ดวงขึ้นไป โดยถ้ารับสัญญาณได้ 4 ดวงขึ้นไปก็จะสามารถบ่งบอกพิกัดความสูงได้ด้วย
3. การที่ GPS จะรับสัญญาณได้นั้น จะต้องสามารถมองเห็นท้องฟ้า หรือไม่มีอะไรมาขวางกั้น ดังนั้นจึงมันจึงไม่สามารถทำงานได้ในตึก หรือในป่าทึบ
ในรถคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ แบล็คบ็อกซ์ซึ่งมีขนาดประมาณ 3x4 นิ้วจะถูกติดตั้งไว้ใต้คอนโซลหน้า ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ หากตัวรับสัญญาณ GPS อยู่ภายในแบล็คบ็อกซ์ด้วยแล้ว ก็คงใช้งานอะไรไม่ได้เลย เสาอากาศจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะถูกติดตั้งเอาไว้บริเวณคอนโซลหน้าด้านบนติดกับมุมล่างซ้ายของกระจกบังลมหน้า ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ในมุมที่กว้างที่สุด และไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาสำหรับรถที่ติดฟิล์มกรองแสงบริเวณกระจกหน้าแบบเต็มบาน จากการทดสอบของ ThaiMTB.com พบว่า ฟิล์มกรองแสงยี่ห้อที่โฆษณาว่าสามารถลดความร้อนได้มากที่สุด ที่ราคาแพงที่สุดในตลาดเมืองไทย ซึ่งมีการฉาบอะตอมโลหะเงินไว้บนแผ่นฟิล์มนั้น นอกจากจะกรองความร้อนและรังสียูวีได้ดีแล้ว ยังกรองสัญญาณดาวเทียมได้ดีอีกด้วย เครื่อง GPS ไม่สามารถรับสัญญาณใดๆได้เลย
ส่วนฟิล์มยี่ห้ออื่นที่ใช้เทคนิคการผลิตเดียวกัน คือมีการฉาบอะตอมโลหะไว้บนแผ่นฟิล์ม ก็มีปัญหาเช่นกัน แต่จะน้อยกว่าตามชนิดของโลหะ เครื่อง GPS สามารถรับสัญญาณได้บ้าง แต่ไม่ชัดเจน ซึ่งมีผลต่อความถูกต้องและความแม่นยำของการคำนวณหาพิกัดตำแหน่งปัจจุบันของรถ
ดังนั้น ผู้ที่คิดจะใช้เนวิเกเตอร์ในรถยนต์คงต้องทำใจไว้บ้าง มีวิธีแก้อยู่ 2 ทางคือ
1. ไม่ติดฟิล์มใดๆบริเวณกระจกบังลมหน้า เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
2. ติดฟิล์มบริเวณกระจกบังลมหน้า แต่เว้าช่องบริเวณเหนือเสาอากาศรับสัญญาณ GPS เอาไว้ เพื่อให้สามารถรับสัญญาณได้ แบบเดียวกับการ์ดทางด่วน
ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่สำคัญอีก 2 ชิ้นได้แก่ รีโมทคอนโทรล สำหรับควบคุมการทำงานของระบบ และรีโมทรีซีฟเวอร์ หรือแผงรับสัญญาณอินฟราเรด สำหรับรับคำสั่งจากรีโมทคอนโทรล ซึ่งจะถูกติดตั้งไว้ทางด้านซ้ายหลังพวงมาลัย
ตรงจุดนี้มีข้อน่าสังเกตคือ โตโยต้าประชาสัมพันธ์ว่า เครื่องเล่น DVD ในคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์มีหน้าจอแบบทัชสกรีน ขนาด 6.5 นิ้ว สามารถควบคุมการทำงานได้จากการสัมผัสที่หน้าจอ ข้อความดังกล่าวเป็น “จริง” แต่ ... กับเฉพาะระบบความบันเทิงภายในรถ อันได้แก่ DVD, VCD, MP3, CD-R, CD-RW, Audio CD, วิทยุ และเทปคาสเซ็ทเท่านั้น ไม่รวมถึงระบบนำทางแต่อย่างใด ดังนั้นรีโมทคอนโทรลจึงยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้งานเนวิเกเตอร์
ซอฟต์แวร์
ArcData Thailand คือชุดข้อมูลแผนที่ประเทศไทยในรูปแบบดิจิตอลประสิทธิภาพสูง เป็นผลงานการพัฒนาของบริษัทอีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) ซึ่งถูกนำมาใช้กับชุดเนวิเกเตอร์ในคัมรี่ เปิดตัวออกมาครั้งแรกเมื่อต้นปี 2547 พร้อมกับ Garmin iQue 3600 ซึ่งเป็นเครื่องพีดีเอที่มีความสามารถด้าน GPS และเนวิเกเตอร์ในตัว
เป็นที่ยอมรับกันในหมู่ผู้ใช้ GPS ว่า ArcData คือแผนที่ดิจิตอล ซึ่งประกอบด้วยโครงข่ายถนนหลักและโครงข่ายถนนในเมืองทั่วประเทศ ที่ละเอียด ครบถ้วน ถูกต้อง และแม่นยำมากที่สุดในขณะนี้ มีความละเอียด 2 ระดับ ได้แก่ 1:4,000 สำหรับโครงข่ายถนนหลัก และ 1:20,000 สำหรับโครงข่ายถนนในเมือง ครอบคลุมข้อมูลทางหลวงแผ่นดินตั้งแต่ 3 หลักขึ้นไป และ 4 หลักในบางเส้น
ความละเอียด 1:4,000 หมายความว่า 1 มิลลิเมตรในแผนที่ จะเท่ากับระยะทางจริง 4,000 มิลลิเมตร คร่าวๆก็คือ 1 พิกเซลบนจอภาพในรถคัมรี่จะเท่ากับระยะทางจริงประมาณ 4 เมตร ซึ่งถือว่ามีความละเอียดสูงมากสำหรับการใช้งานในระบบนำทาง ภาพด้านบนเป็นภาพขยายสูงสุดบริเวณสวนสาธารณะและคูเมืองเชียงใหม่
นอกจากเส้นทางคมนาคมแล้ว ไฟล์แผนที่ขนาดประมาณ 60 เมกะไบต์นี้ ยังมี POI (Point Of Interest) หรือจุดน่าสนใจต่างๆ ติดมาด้วย โดยแบ่งเป็นหมวดต่างๆ ได้แก่ โตโยต้าดีลเลอร์, จุดสนใจ, อาหารและเครื่องดื่ม, ที่พัก, บริการ, สถานบันเทิง, สถานที่น่าสนใจ, แหล่งช็อปปิ้ง และฉุกเฉินและราชการ ซึ่งแต่ละหมวดยังแบ่งย่อยออกไปได้อีก เช่น หมวดบริการ ก็จะมีหมวดย่อยเป็น เอทีเอ็ม, ธนาคาร, ไปรษณีย์, ปั๊มน้ำมัน และอู่ซ่อมรถ เป็นต้น
ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในชุดเนวิเกเตอร์ของคัมรี่ เช่น ข้อมูลแผนที่ ข้อมูล POI เมนูอินเตอร์เฟส และเสียงบอกทิศทาง จะเป็นภาษาไทย ซึ่งช่วยให้การสืบค้นข้อมูลต่างๆเป็นเรื่องง่าย เข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะกับผู้ใช้ซึ่งเป็นคนไทย ตรงกันข้ามกับตัวที่อยู่ใน iQue 3600 ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วน
อย่างไรก็ตาม โครงการ iQue 3600 เวอร์ชั่นภาษาไทย “ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา” ตามการเปิดเผยของ วิชัย แสงหิรัญวัฒนา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทอีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย)
สำหรับผู้ใช้คัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ที่ชอบภาษาอังกฤษมากกว่า ก็ “สามารถสวิทช์ในส่วนของเมนูอินเตอร์เฟสและเสียงบอกทาง ไม่รวมข้อมูลแผนที่ ไปเป็นภาษาอังกฤษได้เช่นกัน” ปิยะ เทวหสกุลทอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและผู้ดูแลโครงการระบบนำทางในรถยนต์โตโยต้าคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ กล่าว
การทำงาน
การทำงานของระบบนำทางในโตโยต้าคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์จะคล้ายกับเครื่อง Garmin รุ่น StreetPilot 2610 และ 2650 ซึ่งเป็นเครื่องเนวิเกเตอร์เช่นกัน หลังสตาร์ทรถหรือเปิดสวิตช์ เครื่องจะทำการค้นหาดาวเทียมเพื่อรับสัญญาณ GPS ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 2-3 นาทีก่อนสแตนด์บายและพร้อมใช้งาน
ในระหว่างนั้น หากรถมีการเคลื่อนที่ ระบบจะสวิตช์เข้าโหมด “Dead Rekoning” ซึ่งเป็นระบบชดเชยสัญญาณ GPS เพื่อให้ทราบพิกัดตำแหน่งปัจจุบันของรถในกรณีที่รับสัญญาณดาวเทียมได้ต่ำกว่า 3 ดวง ประมาณว่าถึงจะรับสัญญาณ GPS ไม่ได้ แต่ระบบก็ยังรู้ว่ารถอยู่ตรงตำแหน่งไหน ตัวอย่างเช่น ขับรถอยู่ในที่จอดรถใต้อาคาร
Dead Rekoning จะประมวลผลสัญญาณซึ่งรับจาก 3 แหล่ง คือ
1. สปีดเซ็นเซอร์ เพื่อให้รู้ความเร็วของรถ
2. สัญญาณไฟถอย เพื่อให้รู้ว่ารถกำลังเคลื่อนที่เดินหน้าหรือถอยหลัง
3. เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ในตัว GVN50 เพื่อให้รู้ว่ารถเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน ซึ่งเข็มทิศนี้จะทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะติดตั้งในลักษณะใดหรืออยู่ในสภาวะไหนก็ตาม
เมื่อระบบพร้อมทำงาน สิ่งที่เราเห็นก็คือพิกัดตำแหน่งรถในขณะนั้น บนแผนที่ดิจิตอล ซึ่งแสดงบนจอภาพที่ติดตั้งไว้ตรงกลางคอนโซลหน้ารถ อย่างไรก็ตามระบบคงไม่สามารถนำทางเราไปไหนได้ถ้าไม่รู้จุดหมายปลายทาง ดังนั้นเราจึงต้องป้อนจุดหมายของเราเข้าไป
การป้อนข้อมูล ก็เพียงเลือกเอาจาก POI ที่ค้นได้จากฐานข้อมูลที่ทางอีเอสอาร์ไอฯให้มากับข้อมูลแผนที่เท่านั้น แต่ถ้าจุดหมายของเราเป็นบ้านเพื่อน บ้านพี่ บ้านน้อง หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นความชอบความสนใจส่วนตัวแล้ว อันนี้คงต้องทำการมาร์คตำแหน่งเอาเอง ซึ่งระบบเปิดทางเอาไว้ให้ผู้ใช้สามารถกระทำได้ แบบเดียวกับ Favorite หรือ Bookmark ในโปรแกรมอินเทอร์เน็ตเบราเซอร์ หรือจะมาแก้ไขภายหลังหรือลบทิ้งก็สามารถทำได้เช่นกัน
สำหรับการค้นหาและเลือก POI นั้น สามารถทำได้ 3 รูปแบบคือ
1. ค้นหาภายในรัศมีที่กำหนด รอบตำแหน่งปัจจุบันที่เราอยู่
2. ค้นหาภายในรัศมีที่กำหนด รอบจุดที่เรากำหนด
3. ค้นหาจากชื่อสถานที่
โดยระบบจะโชว์รายละเอียดของ POI ออกมาใน 2 ลักษณะคือ แสดงเป็นจุด POI บนแผนที่ หรือแสดงเป็น List พร้อมที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ทิศที่ตั้ง และระยะทาง (อ้างอิงจากตำแหน่งปัจจุบันของเรา) ให้เราสามารถเลือกดูได้ตามความพอใจ
ตรงจุดนี้มีปัญหามากในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เวลาสืบค้นข้อมูลและแสดงข้อมูล แต่ได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชั่นที่ใช้กับคัมรี่ซึ่งเป็นภาษาไทยล้วน
เมื่อรู้จุดหมายปลายทางแล้ว ระบบจะทำการคำนวณเส้นทางที่จะไปยังจุดหมาย กระบวนการนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ใช้อยู่ 3 ทางเลือก ได้แก่ เส้นทางที่สั้นที่สุด, เส้นทางที่เร็วที่สุด และเส้นทางที่ตรงที่สุด ส่วนใหญ่ที่ใช้กันจะเป็น 2 แบบแรก ส่วนแบบที่ 3 นั้นเหมาะสำหรับรถออฟโรด ที่สามารถวิ่งผ่านทุ่งกว้างๆ ข้ามน้ำข้ามภูเขาได้
ถ้ากำหนดให้ระบบค้นหาเส้นทางที่สั้นที่สุด เส้นทางที่ปรากฏบนแผนที่จะเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่จะนำเราไปถึงจุดหมาย รวมไปถึงการมุดเข้าออกตรอกซอกซอยต่างๆ ไม่ใช่เส้นทางที่ใช้เวลาน้อยที่สุดแต่อย่างใด
แต่หากกำหนดให้ระบบค้นหาเส้นทางที่เร็วที่สุดแล้ว ระบบจะคำนวณจากความเร็วที่ถนนเส้นนั้นทำได้ ซึ่งมีการสำรวจเกี่ยวกับสภาพการจราจรบนเส้นทางแล้วใส่เข้าไปเป็นข้อมูลเฉพาะสำหรับถนนแต่ละเส้นล่วงหน้า ไม่ใช่ข้อมูลเรียลไทม์ และระบบจะพยายามเลี่ยงการเข้าซอย เนื่องจากพบว่าความเร็วเฉลี่ยบนถนนสายหลักจะสูงกว่าความเร็วเฉลี่ยในซอย
หลังจากที่ได้เส้นทางและได้รับการยืนยันเส้นทางจากผู้ใช้แล้ว ระบบจะนำทางเราไปยังจุดหมายแบบ Turn-by-Turn
ขณะที่เราขับรถไปตามการนำทางของเนวิเกเตอร์ ในจอภาพจะเห็นรถกำลังวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ทิศทางจะแสดงได้ 2 รูปแบบ กรณีรถหยุด ขอบด้านบนของจอภาพจะเป็นทิศเหนือ แต่หากรถกำลังวิ่ง ขอบด้านบนของจอภาพจะเป็นทิศที่รถกำลังมุ่งหน้าไป นอกจากนี้ในจอภาพยังจะมีการโชว์ทิศทาง ระยะทาง และจุดเลี้ยว รวมถึงลักษณะของจุดเลี้ยวหรือโค้งต่างๆบนเส้นทางด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางไกลในช่วงเวลากลางคืน
“กรณีขับออกนอกเส้นทาง ระบบจะคำนวณเส้นทางใหม่ให้โดยอัตโนมัติ หรืออาจระบุให้ใช้เส้นทางที่อ้อมผ่าน จุด ก., ข., ค. ก่อนก็ได้ ในกรณีเดินทางท่องเที่ยวตามจุดแวะพักต่างๆ” วิชัยกล่าว
ความพิเศษของเนวิเกเตอร์นั้น “นอกจากใช้บอกทิศทางแล้ว ยังสามารถทำหน้าที่แทนหน้าปัดรถยนต์ได้อีกด้วย เช่น บอกความเร็วขณะนั้น ทิศทาง เวลา และความเร็วเฉลี่ย” ปิยะเสริม
เมื่อถึงจุดหมาย ระบบจะทำการบันทึกเส้นทางที่ผ่านมาเอาไว้เพื่อการตรวจสอบการใช้งานย้อนหลัง ฟีเจอร์นี้สามารถแก้ไขและลบได้ หรือจะปิดการทำงานของฟีเจอร์นี้ก็ได้เช่นกัน
ผิดพลาดเล็กน้อย
ความคิดเห็นของผู้ใช้ iQue 3600 ที่โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ ThaiMTB.com ซึ่งทางอีเอสอาร์ไอฯยืนยันว่าใช้ข้อมูลแผนที่เวอร์ชั่นเดียวกันกับคัมรี่นั้น แสดงให้เห็นว่าข้อมูลแผนที่ยังมีความผิดพลาดอยู่บ้างเหมือนกัน เช่น ไม่รู้ว่าถนนเส้นนั้นวิ่งรถทางเดียว (วันเวย์), ไม่รู้ว่ามีทางเข้าอุทยานแห่งชาติบางแห่ง 2 ทาง, ไม่รู้ว่าร้านอาหารบางร้านปิดกิจการไปแล้ว และพิกัดตำแหน่งสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งยังผิดอยู่
“ต้องยอมรับว่าตัวแผนที่จะมีความผิดพลาดอยู่บ้าง เราไม่สามารถจะทำแผนที่ให้ถูกต้อง 100% ได้ ความผิดพลาดนี้เกิดจากการเก็บข้อมูลส่วนหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของระบบจราจรอีกส่วนหนึ่ง ความไม่ทันสมัยของตัวแผนที่ก็อาจจะมีบ้างในบางระดับ แต่ผมว่า 70%-80% เชื่อถือได้” วิชัย กล่าวและว่า “โดยปกติแล้ว ในคู่มือจะระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ขับต้องใช้วิจารณญาณในการขับขี่ ไม่ใช่ว่าจะเชื่อ 100% แม้แต่ในเมืองนอกก็ตาม ก็ไม่พ้นปัญหานี้”
วิชัยยังกล่าวเกี่ยวกับการที่มีบางคนบอกว่าแผนที่เมืองนอกดีกว่าละเอียดกว่าด้วยว่า “คำที่ว่าละเอียดหรือไม่ละเอียด ดีหรือไม่ดีนั้น มันขึ้นอยู่กับการรับรู้ของเขาว่าเขาได้มาจากที่ไหน เราเชื่อว่าของเราละเอียดที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งาน ... ต้องให้เขามาดูเอง”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่มีปัญหามากก็คือระบบการจราจร ถนนในเมืองไทยมีเป็นแสนๆ การจะเก็บให้ละเอียดให้ครบถูกต้อง 100% นั้น ค่อนข้างยาก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หรืออีกอย่างหนึ่งที่บอกว่าของเมืองนอกดีกว่า บางส่วนก็อาจจะเป็นไปได้ว่าโครงสร้างถนนต่างประเทศไม่ซับซ้อน ผังเมืองเป็นระเบียบ แต่ของเมืองไทยนั้น ต้องยอมรับว่าปราบเซียนมากๆ
“แผนที่ไม่มีคำว่าดีที่สุด มีแต่เหมาะสมและใช้งานได้ แต่จะไม่ที่สุด เพราะในอนาคตก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เราไม่บอกเลยว่าของเราสมบูรณ์ 100% เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าใครบอกว่าแผนที่สมบูรณ์ 100% นั่นคือเขาโกหก” วิชัยกล่าว
การอัพเดทแผนที่
ระบบเนวิเกเตอร์ในคัมรี่ไมเนอร์เชนจ์ ผู้เป็นเจ้าของรถจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นสำหรับบริการและบริการหลังการขาย การอัพเดทก็เพียงขับรถเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะตามปกติ ตอนไปรับรถ ข้อมูลแผนที่ก็จะถูกอัพเดทเรียบร้อย พร้อมกับรถในสภาพสมบูรณ์ 100% พร้อมใช้งาน
ที่จริงการอัพเดทข้อมูลจะใช้เวลาไม่นาน เพราะแค่ถอดเปลี่ยนแผ่น CF Card ที่ใช้เก็บข้อมูลแผนที่เท่านั้น ก็ได้แผนที่ตัวใหม่มาใช้แล้ว ถึงตรงนี้หลายคนคงกำลังคิดว่า “งั้นเปลี่ยนเองก็ได้” คำตอบก็คือ “ได้” แต่ไม่แนะนำ ควรยกให้เป็นหน้าที่ของช่างเทคนิคที่มีประสบการณ์มีความรู้ความเชี่ยวชาญจะดีกว่า เพราะถึงอย่างไรระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนพอสมควร ที่สำคัญไม่ว่าจะเปลี่ยนเองหรือให้ช่างทำ ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่ดี
สำหรับความถี่ในการอัพเดทนั้น ถูกกำหนดไว้ที่ปีละ 1 ครั้ง
“ที่จริงแล้วเราอัพเดททุกวัน เรามีคน 500 คนออกภาคสนามอัพเดทข้อมูลตลอด แต่ในการนำข้อมูลมาใส่ลงแผนที่แล้วส่งมอบให้ลูกค้านั้น จำเป็นต้องมีคาบหรือรอบระยะเวลา เราไม่สามารถจะทำถี่เกินไปได้ เพราะถ้าถี่เกินไปก็จะทำให้เกิดการสับสน เช่น ไม่รู้ว่าแผนที่ที่ลูกค้าคนนี้ใช้เป็นเวอร์ชั่นอัพเดทล่าสุดแล้วหรือยัง แต่ถ้าแยกเป็นเวอร์ชั่นของปีนี้ปีนี้ มันจะง่ายกว่า” วิชัยอธิบาย
เขากล่าวด้วยว่า อีกไม่กี่เดือนจะมีรีลีสแผนที่เวอร์ชั่นใหม่ออกมาแล้ว และเนื่องจากแผนที่ชุดนี้ถูกใช้ในหลายๆสายผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเมื่อแผนที่มีการอัพเดท ทุกอุปกรณ์ก็จะถูกอัพเดทด้วยทั้งหมด ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าแผนที่ที่ได้ไปนั้น เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแน่นอน
ทางเทคนิค
เนื่องจากชุดเนวิเกเตอร์นี้เป็นออปชั่น หรืออุปกรณ์เสริม ดังนั้นหลายๆคนจึงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า “สามารถรื้อไปติดคันอื่นได้หรือเปล่า”
“ได้ แต่ Warranty หมด ทางโตโยต้าจะรับประกัน 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร” วิชัยกล่าวและว่า “ขณะนี้มีแต่ของโตโยต้าเท่านั้น ส่วนจะมีสินค้าชุดเดียวกันนี้ในรถยี่ห้ออื่นๆหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้”
กับคำถามว่ามีการนำข้อมูลสภาพการจราจรมาร่วมในการคำนวณเส้นทางหรือไม่นั้น วิชัยให้คำตอบว่า “เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากจำเป็นต้องมีการลงทุนอีกมหาศาล แม้ในปัจจุบันเทคโนโลยีเอื้ออำนวย แผนที่เอื้ออำนวย แต่ปัจจุบันยังไม่มีใครลงทุน”
เขากล่าวว่า ภาครัฐควรจะเข้ามาช่วย ถ้าจะให้เอกชนลงทุนมองว่าไม่คุ้ม ที่ญี่ปุ่นจะมีการบรอดคาสต์สภาพการจราจรออกไป แล้วเครื่องเนวิเกเตอร์จะถอดรหัสเอาไปร่วมในการคำนวณเส้นทางด้วย แต่ปัญหาก็มี อย่างรายงานการจราจรไม่ถูกต้องหรือไม่ครบ เช่น ถนน 50 เส้น แต่รายงานเพียง 30 เส้น ผู้ใช้ก็ได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องด้วย
“สรุปว่าเครื่องนี้พาเราหนีรถติดยังไม่ได้ แต่สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน หรือถ้าเจอรถติด เครื่องก็สามารถคำนวณเส้นทางใหม่ให้ได้ หรือถ้าเราไม่ไปตามเส้นทาง ออกนอกเส้นทาง เครื่องจะรับรู้ได้โดยอัตโนมัติ และจะทำการคำนวณเส้นทางใหม่ให้ หรือเราจะกำหนดให้เครื่องพาออกนอกเส้นทางหรืออ้อมเส้นทางไปก็ได้” วิชัยกล่าว
อนาคต
ระบบเนวิเกชั่นในประเทศไทย ที่มีปัญหามากและทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรก็คือแผนที่ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้ว แผนที่สมบูรณ์แล้ว
“เราเชื่อว่าเราทำดีที่สุด ผลงานคือสิ่งพิสูจน์ ถ้าดี มันจะเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคเอง ลูกค้าคือเครื่องพิสูจน์” วิชัยกล่าว
“ในอนาคต 3 มิติมีแน่นอน นี่คือก้าวต่อไป” วิชัยกล่าวทิ้งท้าย