ตร.ไซเบอร์แถลงปฏิบัติการ “THE PURGE 2” ตร.ไซเบอร์ขยายผล Prince Group เครือข่ายเฉิน จื้อ แก๊งไฮบริดสแกม ยึดทรัพย์เพิ่มอีกกว่า 350 ล้านบาท
วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.ท.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ช่วยราชการ บช.สอท. พล.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.สอท.5 พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ตอท. ร่วมแถลงปฏิบัติการ “THE PURGE 2” ตร.ไซเบอร์ขยายผล Prince Group เครือข่ายเฉิน จื้อ แก๊งไฮบริดสแกม ยึดทรัพย์เพิ่มอีกกว่า 350 ล้านบาท
พล.ต.ท.สุรพลกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2566 ตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนสอบสวนคดีที่มีการกระทำความผิดเชื่อมโยงกันของคดีที่เกิดขึ้นจำนวนหลายคดี ทั้งคดีอาญาของ สน.ศาลาแดง ที่ 452/2565, คดีอาญาของ สน.ดินแดง ที่ 462/2564 และคดีอาญาของ สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ที่ 727/2564 ซึ่งเป็นกรณีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนในลักษณะ Hybrid Scam หรือ Pig Butchering Scam โดยคนร้ายใช้วิธีสุ่มติดต่อหาประชาชนผ่านแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลต่างๆ แล้วชักชวนพูดคุยให้เกิดความเชื่อใจ จากนั้นคนร้ายจะสอนการลงทุนเทรดคริปโทเคอเรนซีอ้างว่าลงทุนแล้วได้ผลกำไรดี แล้วหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีบัญชีม้า อ้างว่าเพื่อแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินสกุลดิจิทัล เพื่อโอนเข้าแอพพ์เทรดเหรียญดิจิทัลปลอม
ในส่วนคดีอาญาของ สน.ศาลาแดง ที่ 452/2565ได้นำไปสู่การเปิดปฏิบัติการ “Trust No One” EP.1–5 ตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน พร้อมเครือข่าย จนสามารถยึดทรัพย์ได้กว่า 2,000 ล้านบาท และนำไปสู่การเฉลี่ยทรัพย์เพื่อคืนเงินผู้เสียหายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในคดีของนายเซาเซียน ซู (Mr.Shaoxian Su) กับพวก
ต่อมา ปี พ.ศ.2567 ตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนขยายผลในส่วนคดีอาญาของ สน.ดินแดง ที่ 462/2564 จนพบว่าปลายทางของเส้นทางการเงินถูกนำไปผ่านกระบวนการฟอกเงินด้วยระบบการเงินใต้ดิน และพบว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการเป็นกลุ่มชาวจีน และชาวจีนสัญชาติพม่า โดยเป็นผู้จ้างวานเพื่อจดทะเบียนบริษัทนอมินี และนำข้อมูลบริษัทไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำมาใช้รับเงินจากการกระทำความผิด แล้วนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้ มาแปลงสภาพเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วโอนต่อไปหลายลำดับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและสร้างความยุ่งยากในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่
กระทั่งตำรวจพบหลักฐานทางการเงินที่ไม่สัมพันธ์กับฐานะของเจ้าของบัญชี และมีพยานหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม และยังพบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง การพนันออนไลน์ หรือยาเสพติดก็ตาม
และสุดท้ายได้นำไปสู่การเปิดปฏิบัติการ “The Purge” สามารถจับกุมชาวจีนพร้อมเครือข่าย สามารถตรวจยึดเงินสด จำนวน 80 ล้านบาท พร้อมทรัพย์สินอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 250 ล้านบาท พร้อมทั้งสืบสวนจนได้ข้อมูลทางคดี ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเงิน ข้อมูลการทำธุรกรรมผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล และข้อมูลความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อื่นๆ จนพบความเชื่อมโยงไปสู่กลุ่มบุคคลซึ่งอยู่ในเครือข่าย “Prince Group” ของนายเฉิน จื้อ (Chen Zhi)
พล.ต.ท.สุรพลกล่าวต่อว่า ล่าสุดตำรวจไซเบอร์ได้ทำการขยายผลกรณีดังกล่าว เพื่อหาผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดรวมถึงในคดีอาญาของ สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ที่ 727/2564 จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้แล้ว ในแต่ละคดีมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมจำนวน 75 คน และยังตรวจพบทรัพย์สินที่คาดว่าได้มาจากการกระทำผิดอีกจำนวนมาก จึงได้ประสานงานร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ที่ ย.293/2568 ลงวันที่ 2 ธ.ค.68 เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ และได้ร่วมกันขอหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นแหล่งทรัพย์สินดังกล่าว
ต่อมา ตำรวจไซเบอร์ได้เปิดปฏิบัติการ “The Purge 2” นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญ จำนวน 4 จุดได้แก่ ห้องพัก จำนวน 2 ห้อง ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งซอยสุขุมวิท 61 แยก 1 แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพฯ บ้านพักมูลค่ากว่า 38 ล้านบาท ในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ห้องพักในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านพร้อมพงษ์ ซอยสุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ และห้องพักในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ในซอยต้นสน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
ผลการตรวจค้น สามารถตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินต่างๆ อาทิ ห้องพัก ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวมกว่า 166 ล้านบาท ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ มูลค่า 102,900 ดอลลาร์ ธนบัตรจีน มูลค่า 55,000 หยวน กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 33 ใบ รองเท้าLouis Vuitton จำนวน 3 คู่ รถยนต์ Toyota Alphard จำนวน 1 คัน นาฬิกาหรู จำนวน 2 เรือน สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 10 เล่ม
อุปกรณ์บันทึกภาพกล้องวงจรปิด จำนวน 3 เครื่อง อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณ จำนวน 1 เครื่อง เมมโมรีการ์ด 2 อัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก (External Drive) 5 เครื่อง และเอกสารสำคัญต่างๆ รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดและอายัดได้ทั้งหมด รวมมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบอีกว่าเครือข่ายดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนในเครือข่ายสูงกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยขณะนี้ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการเร่งสืบสวนขยายผล หากตรวจสอบแล้วพบพยานหลักฐานว่าทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด ก็จะตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป


