xs
xsm
sm
md
lg

รวบ 13 สมาชิกโรแมนซ์สแกมข้ามชาติ หลอกให้รัก-ตุ๋นลงทุนเสียหายรวม 50 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจกองปราบเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายโรแมนซ์สแกมข้ามชาติ หลอกให้รักก่อนตุ๋นลงทุนเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท ปูพรมค้น 9 จังหวัด รวบผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทย-ต่างชาติได้ 13 ราย

วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ ผบก.ป. พ.ต.อ.พีร ปยุทธนันท์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์ รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.กรพงศ์ วงษาลังกา สว.กก.2 บก.ป. ร่วมกันแถลงผล “ปฏิบัติการ CIB ผ่าขบวนการ Romance Scam ข้ามชาติ ความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท” หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุดใน 9 จังหวัด จับกุมผู้ต้องหาได้ 13 ราย ประกอบด้วยนายโรเจอร์ สัญชาติ สวิตเซอร์แลนด์ อายุ 63 ปี ,นายวรโชติ อายุ 37 ปี, น.ส.อัญชลี อายุ 39 ปี ,น.ส.สุภาภรณ์ อายุ 32 ปี , น.ส.ภัสสร อายุ 26 ปี ,นางณัฐภร อายุ 57 ปี, นายธีรยุทธ อายุ 34 ปี , น.ส.สมใจ อายุ 28 ปี ,นายวัฒนพงษ์ อายุ 29 ปี ,นายกันต์ธเดช อายุ 35 ปี, นายธนกร อายุ 22 ปี, นายชิษณุพงศ์ อายุ 18 ปี และ น.ส.วันเพ็ญ อายุ 54 ปีตามหมายจับศาลจังหวัดระยอง ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันทุจริต หรือหลอกลวง โดยนำเข้าสู่ระบบระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ และ ความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน”

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ หรือ ACSC โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ได้ทำการสืบสวน Case ID ที่มีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบ thaipoliceonline ว่า ถูกแก๊งโรแมนสแกม ทำทีตีสนิทจนไว้ใจ ก่อนหลอกยืมเงินและชักชวนร่วมลงทุนจนสูญเงินรวมกว่า 21,901,110 บาท โดยเคสแรกเป็นคดีของ Romance Scam โดยอาศัยเหยื่อเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คนร้ายได้เข้ามาตีสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยใช้เวลาถึง 2 ปี ก่อนจะหลอกให้ร่วมลงทุน โอนเงินไป 42 ครั้ง รวมจำนวน 21 ล้านบาท

ด้าน พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเคสที่สองเริ่มขึ้นเมื่อปี 2566 ผู้เสียหายรู้จักกับชายชาวต่างชาติผ่านเว็บไซต์เว็บหนึ่งชื่อว่า ThaiCupid โดยชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นชาวจอร์แดนเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวได้รับความเดือดร้อนจากการทำธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จทำให้มีความเป็นอยู่ลำบาก ตลอดระยะเวลาคนร้ายได้สร้างความไว้วางใจให้กับผู้เสียหายโดยพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ต่อเนื่องจนผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจก่อนจะหลอกลวงให้ทำธุรกิจในต่างประเทศด้วยกัน หากธุรกิจประสบความสำเร็จจะกลับมาใช้ชีวิตที่ประเทศไทย

พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวต่อว่าเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจะลงทุนทำธุรกิจร่วมกันจึงโอนเงินไป 42 ครั้ง รวมเป็นเงิน 21 ล้านบาท ตั้งแต่ ม.ค.67 - ก.ค.68 หลังจากโอนไปแล้วพบพิรุธว่าติดต่อผู้ต้องหาไม่ได้ การพูดคุยเริ่มน้อยลง จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงแจ้งความร้องทุกข์ผ่านเว็บไซต์ Thaipoliceonline เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้เกี่ยวข้องมีทั้งหมด 17 ราย แบ่งเป็นคนไทย 14 ราย ชาวแคนาดา 1 ราย คือ นายยาต อายุ 46 ปี อาชีพนักเทนนิส นายโรเจอร์ อายุ 63 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ และ นายคิม ชาวกัมพูชา 1 ราย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านฉาง ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 ราย และอีก 2 ราย ถูกคุมขังในข้อหายาเสพติด ส่วนชาวต่างชาติ 2 รายคือ นายยาต นักเทนนิสชาวแคนาดา และนายคิม ชาวกัมพูชา อยู่ระหว่างหลบหนี

พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นการกระทำความผิดแต่อย่างใด ส่วนผู้ต้องหาบางรายให้การว่าเป็นบุคคลที่รับซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิตอล บางรายให้การว่ามีผู้อื่นมาติดต่อจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารและได้นำบัญชีของตนเองติดตั้งแอปพลิเคชั่นธนาคารด้วย อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บัญชีม้าในเครือข่ายนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีคอลเซ็นเตอร์อื่น ๆ อีก 19 คดี ซึ่งสร้างความเสียหายเพิ่มเติมอีกกว่า 36 ล้านบาท เมื่อรวมกับคดีล่าสุดทำให้มีความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท

"ขอเตือนว่า อย่าหลงชื่อผ่านสื่อออนไลน์ หากมีการมาชักชวนให้ร่วมลงทุน ขอให้ปฏิเสธการโอนเงินในทุกกรณี หากไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้โอนเงินอย่าพึ่งรีบโอน ควรตรวจสอบที่มาให้ชัดเจนก่อนการทำธุรกรรมใด ๆ รวมถึงการซื้อขายบัญชีหรือซิมที่ลงทะเบียนแล้ว หากมีการซื้อขายเอกสารเหล่านี้จะมีความผิดในฐานะร่วมขบวนการมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 500,000 บาท พร้อมย้ำเตือนไปยังผู้ที่กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวหรือคนที่คิดจะกระทำความผิด ขอให้เลิกทำโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด" ผบก.ป.กล่าว

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้พิสูจน์แล้วว่าการติดต่อทางโซเชียลระยะเวลาอาจจะไม่ใช่ตัวแปรสำคัญในการไว้เนื้อเชื่อใจกับความสัมพันธ์ เคสนี้ใช้ระยะเวลาเป็นปีในการติดต่อทางโซเชียลโดยไม่ได้พบหน้ากันเลย ก่อนจะมีการหลอกให้เริ่มลงทุน ทั้งนี้ขอฝากเตือนประชาชนว่าการติดต่อกับคนที่อยู่ในโซเชียลมีความน่ากลัวและอันตรายแฝงอยู่










กำลังโหลดความคิดเห็น