xs
xsm
sm
md
lg

“กาน เวลไฟร์” อ้างไม่ชำนาญทาง จึงเกิดการขับปาด-มีการโต้เถียงจนบันดานโทสะยิงผู้ตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ผบช.น.แถลงจับ “กาน เวลไฟร์” ผู้ต้องหาสารภาพไม่ชำนาญเส้นทาง เปลี่ยนเลนกระทันหัน จึงเกิดการขับปาด จากนั้นมีการโต้เถียงกันจนเกิดบันดานโทสะ ชักปืนยิงใส่ผู้ตาย

วันนี้ (25 ธ.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายสงกานต์ หรือ กาน เวลไฟร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืน” ซึ่งก่อเหตุขับรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า เวลไฟร์ ยิง นายอนุวรรตน์ อายุ 34 ปี เสียชีวิตภายในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า อัลติส บริเวณหลังด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษศรีรัช ด่านประชาชื่น ฝั่งขาเข้า แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กทม.

โดยลำดับเหตุการณ์คือ ผู้ต้องหาได้เดินทางไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนอีก 4 คน ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี จากนั้นผู้ต้องหาถูกภรรยาโทรตามให้กลับ จนกระทั่งเวลา 02.00 น. ผู้ต้องหาขับรถตระเวนส่งเพื่อนในย่านบางใหญ่และงามวงศ์วาน ก่อนขึ้นท่างด่วนจากถนนงามวงศ์วาน

กระทั่งก่อนเข้าด่านเก็บเงินประชาชื่น ได้พบกับรถผู้ตาย ก่อนมีการขับปาดกัน เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ชำนาญเส้นทางและมีการเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ก่อนที่จะเข้าช่องเก็บเงินข้างกัน หลังจากผ่านด่านเก็บเงินมาแล้ว รถเก๋งได้มีการลดกระจกตลอดเวลา ตนเองจึงขับมาเทียบแล้วลดกระลง ก่อนเกิดการโต้เถียงกัน

จากนั้นผู้ต้องหาได้หยิบอาวุธปืนที่อยู่ในรถขึ้นมาด้วยมือขวา โดยใช้มือซ้ายจับพวงมาลัย แล้วโน้มตัวไปยิงผ่านช่องกระจกของรถตัวเอง ไปยังรถเก๋งคู่กรณี โดยทำการยิง 3 นัด ทำให้กระสุนเข้าที่ร่างผู้ตาย 2 นัด ส่วนอีก 1 นัดนั้น กระสุนไปโดนรถที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย

จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับรถหนี โดยจุดแรกได้ขับลงทางด่วนพหลโยธิน และเข้าซอยซอยหนึ่งเพื่อทำการเปลี่ยนทะเบียนรถ และหลบหนีไปยัง จ.นครปฐม ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม และนำปลอกกระสุนปืน พร้อมซองปืน และปืนไปทิ้งที่ถังขยะหน้า โรงแรม

จากนั้นได้ทำการเรียกรถแท็กซี่เพื่อหลบหนีไปลงที่ อ.เชียงราก จ.ปทุมธานี แล้วเรียกแท็กซี่อีกคันไป จ.ระยอง ก่อนที่จะเปลี่ยนใจให้ไปส่งที่ จ.ตราด เพื่อไปยังเกาะช้าง พร้อมประสานลูกและภรรยาให้ไปรอเจอกันที่ท่าขึ้นเรือเกาะช้าง ก่อนที่จะข้ามไปยังเกาะช้าง

หลังจากที่ตัวผู้ต้องหาข้ามไปยังเกาะช้างแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เข้าติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่สะพานคึกฤทธิ์

ภายหลังการจับกุมได้มีการสอบปากคำ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ยิงผู้ตาย แต่ไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากไม่ได้มีการรูัจักกันมาก่อน เพียงแค่บันดาลโทสะจากการขับรถปาดหน้า แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีเจตนาจากพยานหลักฐาน และจากการยิงถึง 3 นัด บ่งบอกว่าได้เข้าข่ายเอาชีวิตแล้ว และจากแนวทางการสอบสวน ก็พบว่าทั้งคู่ไม่ได้รู้จักกันจริง และได้มาพบกันก่อนเข้าทางด่วนประชาชื่น

นอกจากนี้ ยังพบว่า ภายในรถคันก่อเหตุมีผู้ต้องหาเพียงคนเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดในทุกพื้นที่ที่ผู้ต้องหาไป ในช่วงระหว่างการหลบหนี กล้องสามารถจับภาพผู้ต้องหาได้เพียงผู้เดียว

ซึ่งการลงมือยิงเชื่อว่าผู้ต้องหาทำเพียงคนเดียว เนื่องจากผู้ต้องหามีทักษะในการยิงปืน เพราะมีการฝึกซ้อมที่สนามยิงใน จ.ชลบุรี บ่อยครั้ง ประกอบกับการจำลองเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะผู้ต้องหามีรูปร่างสูงเกือบ 180 เซนติเมตร ซึ่งสอดคล้องและสามารถทำได้จริง

ส่วนอาวุธปืนนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะเบื้องต้นพบว่าปืนมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผู้จดทะเบียนนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ส่วนเรื่องทะเบียนรถที่มีทะเบียนอีก 1 ป้าย ติดอยู่ในรถนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่า เพิ่งซื้อรถมาอยู่ระหว่างการค้างค่าชำระ หลบหนีไฟแนนซ์ จึงมีป้ายทะเบียนติดไว้ในการหลบหนีไฟแนนซ์ แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าเจ้าตัวมีป้ายไว้แล้ว เพราะอาจหลบหนีหมายจับคดีพยายามฆ่า เมื่อปี 67 ที่ จ.ชลบุรี

ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมผู้ต้องหาขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ จ.นครปฐม ทั้งที่ไม่ชำนาญทาง ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ชำนาญทางจึงมีการขับวนๆ จนเจอโรงแรมดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ต้องการหลบหนีและเพิ่มความยากในการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีบุคคลที่ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหานั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินคดี
กำลังโหลดความคิดเห็น