xs
xsm
sm
md
lg

"ประเสริฐ" พบ ดีเอสไอ ให้ข้อมูลทำ MOU บ.สิงคโปร์ สแกมม่านตา แลกเหรียญดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - "อดีต รมว.ดีอี" เข้าให้ปากคำพยาน ดีเอสไอ ชี้แจงลงนาม MOU บ.สิงคโปร์ รับสแกนม่านตา คนไทย 1.2 ล้านคน แลกเหรียญดิจิทัล หวั่นข้อมูลรั่ว

จากกรณี นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ประสานขอให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ สำนักงาน ปปง. ช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอีฯ ในยุคสมัยของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง และ บริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore หลังจากพบเส้นทางเชื่อมโยงขบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลก แต่ใน MOU ได้ระบุว่า จะร่วมกันจัดทำโครงการศูนย์กลาง ธุรกิจดิจิทัลและการเงิน (TIDC) โดยในภาพปรากฏมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ (ตำแหน่งในขณะนั้น) , นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย (ตำแหน่งในขณะนั้น) และ นายเบน สมิธ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม MOU ครั้งนั้นด้วย

โดย ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษที่ 148/2568 กรณีธุรกิจสแกนม่านตาแลกเหรียญคริปโตเคอเรนซี ภายใต้โครงการ Worldcoin ซึ่งจะดูในฐานความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ทั้งนี้ พบว่าในปี 2567 มีคนไทยจำนวนกว่า 1.2 ล้านคนทั่วประเทศได้ทำการสแกนม่านตาไปแล้วผ่านเครื่อง Orb สแกนม่านตาเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ (Proof of Human) และมอบเหรียญดิจิทัล Worldcoin (WLD) ให้กับผู้เข้าร่วม ซึ่งเรื่องทั้งหมดเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีการอ้างว่าเมื่อสแกนม่านตาแล้วจะมีการจ่ายเป็นเหรียญดิจิทัล

ล่าสุด วันนี้ (23 ธ.ค.) เวลา 14.40 น. ณ ห้องสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชั้น 8 ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมว.ดีอี และ นายวัลลภ รุจิรากร อดีต เลขานุการ รมว.ดีอี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 148/2568 เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ โดย นายประเสริฐ ระบุสั้นๆ ว่า วันนี้ตนเดินทางมาให้ข้อมูลดีเอสไอในฐานะพยาน ส่วนข้อมูลที่จะให้แก่ดีเอสไอ ถึงที่มาที่ไปของ MOU หรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบว่าคำถามมีอย่างไรบ้าง แต่ตนยืนยันว่าพร้อมให้ข้อมูลทุกอย่าง


ต่อมา เวลา 16.30 น. นายประเสริฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า ตนขออนุญาตว่าข้อมูลที่ให้ดีเอสไอถือเป็นความลับ ขอไม่เปิดเผย ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่นั้น ก็มองได้ และ MOU ฉบับดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 แต่เพิ่งมาเกิดประเด็นในตอนนี้ ก็มองได้ว่าเป็นประเด็นทางการเมือง ส่วนจะเป็นเหมือนการดิสเครดิตก่อนการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่นั้น อาจจะใช่ครับ

เมื่อถามว่า MOU ดังกล่าวเพื่อมุ่งหวังพัฒนาการเงินและเศรษฐกิจของไทยหรือไม่ นายประเสริฐ ตอบว่า เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายและมั่นใจว่าไม่มีประเด็นปัญหาใด ส่วนเรื่องการสแกนม่านตาจะมีผลระยะยาวใดหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเลย

เมื่อถามว่าใน MOU ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ไม่ได้มีการระบุถึงเรื่องการสแกนม่านตาเลยใช่หรือไม่ ปรากฏว่านายประเสริฐ ได้ยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชน ก่อนเข้าลิฟต์ลงจากศูนย์ราชการฯ อาคารบี กลับออกไป

ด้าน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยว่า นายประเสริฐ มาให้ปากคำในฐานะพยานในเรื่องการทำ MOU ฉบับดังกล่าวว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่มีการสแกนม่านตาคนไทย จำนวน 1.2 ล้านคน ว่าเอาไปเพื่ออะไร โดยนายประเสริฐ ให้การว่าไม่ทราบเรื่องการสแกนม่านตาว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้ให้การยืนยันกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่า มีคนหนึ่งในรูปภาพรวมหมู่ที่ปรากฏในเหตุการณ์การบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กับบริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี จากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 27 มี.ค. เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง MOU ฉบับดังกล่าว ซึ่งดีเอสไอจะได้เชิญมาสอบปากคำในฐานะพยานต่อไปด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น