ศาลชั้นต้นประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์ “ พร้อมกลุ่มมือปืนรวม 7 ราย คดีฆ่าโหด คนสนิท “เสี่ยแป้งนาโหนด”
จากกรณี เหตุการณ์กลุ่มคนร้ายบุกใช้อาวุธสงคราม รุมยิงถล่ม นายประศาล คงนุ่น หรือ หมีขาว ป่าบอน อายุ 54 ปี คนสนิท ของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" จนเสียชีวิตริมถนนในหมู่บ้านสายทุ่งนา บ้านห้วยปลิง ม.4 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุพ.ต.อ.อสุสรณ์ ทองไสย ผกก.6.บก.ป.นำกำลังตำรวจ กก.6 บก.ป. ประสานกำลังร่วมกับ ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 9 และ ชุดสืบสวน สภ.ควนเนียง จ.สงขลา จัดทีมลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว จนทราบตัวผู้บงการหรืออยู่เบื้องหลังเหตุสังหาร คือ นายกรรัก ก่อฤกษ์คณิน หรือ เชษฐ์ ปาดัง อายุ 43 ปี นักการเมืองท้องถิ่น ที่ได้ว่าจ้าง กลุ่มมือปืนมาก่อเหตุฆ่านายประศาล หรือ หมีขาวป่าบอน เพื่อสางแค้นจากการที่เคยถูก นายประศาล ลูบคมยกพวกมาทวงหนี้ ซึ่งหลังสืบพบพยานหลักฐานการกระทำผิดแน่ชัดเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวจึงบูรณาการกำลังร่วมกันเปิดปฏิบัติการ เทกดาวน์มาเฟีย ล้างบางอิทธิพลเถื่อน ลุยค้น 15 จุด พัทลุง-สงขลา ก่อนจับกุมตัว นายกรรัก หรือ เชษฐ์ ปาดัง ผู้จ้างวาน พร้อมกลุ่มมือปืน รวม 8 ราย
ล่าสุด วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาประหารชีวิต นายธีระพงศ์ หรือเอ็ม สงเคราะห์ กับพวกรวม7 คน ในความผิดฐานจ้างวาน
ฆ่านายประศาล คงนุ่น หรือ หมีขาว ป่าบอน อายุ 54 ปี คนสนิท ของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" จนเสียชีวิตริมถนนในหมู่บ้านสายทุ่งนา บ้านห้วยปลิง ม.4 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา
คดีนี้พนักงานอัยการโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 7 ข้อหาร่วมกันใช้ จ้าง วาน ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2567 เวลากลางวัน จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 จำเลยที่ 6 และจำเลยที่ 7 ได้ร่วมกันเป็นตัวการก่อให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 กับนายธีรพงศ์ หรือบอย หนูแทน ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง และนายยุรนันท์ หรือเป้ คงจินดามณี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้กันไว้เป็นพยานในคดีนี้ ได้ร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำเดินทางไปยังที่เกิดเหตุแล้วใช้อาวุธปืนเล็กกลเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม. พร้อมลูกกระสุนปืนจำนวนหลายนัด และปืนเล็กกลอาร์ก้า ขนาด 7.62 มม. พร้อมลูกกระสุนปืนจำนวนหลายนัด ยิงนายประศาล หรือหมี คงนุ่น จำนวนหลายนัดโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระสุนปืนถูกที่บริเวณโหนกแก้มซ้าย กระสุนปืนสงครามทะลุผิวหนัง ผ่านกะโหลกศีรษะเข้าไปในสมอง ทำให้กะโหลกศีรษะและสมองได้รับบาดเจ็บอย่างมาก ลำคอด้านซ้าย กระสุนปืนทะลุเข้าช่องอกซ้าย และทะลุปอดซ้ายทั้งกลีบบนและล่างบางส่วนฝังอยู่ในช่องอกซ้าย บางส่วนทะลุกระดูก จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยที่ 1 กับพวก เนื่องจากสมองถูกทำลายจากบาดแผลกระสุนปืนสงคราม
นอกจากนี้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 กับนายธีรพงศ์ หรือบอย หนูแทน ซึ่งหลบหนี และนายยุรนันท์ หรือเป้ คงจินดามณี ซึ่งถูกกันไว้เป็นพยานในคดีนี้ ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนเล็กกลเอ็ม 16 ขนาด 5.56 มม. พร้อมลูกกระสุนปืนจำนวนหลายนัด และปืนพกสั้นพร้อมลูกกระสุนปืนจำนวนหลายนัด ไม่ทราบชนิดและขนาด ยิง นางสาวนงลักษณ์ หรือฝน หนูดวง ,นางสาวนิตยา หรือกบ จันทร์สกุล ,นางสาวสุจีรา หรือนุ้ย เพ่งเพชร ผู้เสียหายที่ 1-3และพวกผู้เสียหายอีกจำนวนหลายคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ โดยยิงจำนวนหลายนัด โดยมีเจตนาฆ่าพวกผู้เสียหายให้ถึงแก่ความตายและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยพวกจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากกระสุนปืนไม่ถูกผู้ใด ประกอบกับพวกผู้เสียหายทั้งสามกับพวกหลบได้ทัน ผู้เสียหายทั้งสามจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยที่ 1 กับพวก
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตกลุ่มจำเลยที่ทำหน้าที่เป็นมือปืน ประกอบด้วย นายธีระพงศ์ หรือเอ็ม สงเคราะห์ , นายนันทพงศ์ หรือเบ ศรียา และนายนัฐพล ลอยลิบ เเละพิพากษาตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิต
ส่วน กลุ่มผู้จ้างวาน ประกอบด้วย นายกรรัก หรือ เชษฐ์ ปาดัง อดีตนักการเมืองท้องถิ่น, นายไพฑูรย์ ย้อยอัด หรือ กำนันฑูรย์ , พ.ต.ท.ปัญญา ย้อยอัด อดีต สว.สอบสวน สภ.ปากพะยูน ,และ นายกิตติกร หรือหมึก หนูแทน เล่นเดียวกัน ส่วนนายยุรนันท์ หรือเป้ คงจินดามณี ถูกกันไว้เป็นพยาน


