xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ยธ. โชว์ผลงานปราบสแกมเมอร์ ยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด กว่า 19 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - พล.ต.ท.รุทธพล เผย ผลงานปราบปรามสแกมเมอร์ ดำเนินคดี-ยึดทรัพย์ 19.6 ล้านบาท เร่งตรวจสอบโครงการสแกนม่านตาแลกเงินดิจิทัล หวั่นเปิดช่องบัญชีม้ากว่า 1.2 ล้านบัญชี

วันนี้ (19 ธ.ค.) ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “นโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ในงานสัมมนาแนวทางการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา

พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยบูรณาการทุกภาคส่วน ซึ่งในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ตนได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีหลายหน่วยร่วมปฏิบัติ เช่น ปปง. , ตำรวจไซเบอร์ เป็นต้น ซึ่งได้ขับเคลื่อนงานในความรับผิดชอบมาตั้งแต่ 24 ต.ค.68 จนถึงปัจจุบันโดยมีแนวทางสำคัญในการดำเนินการ สรุปดังนี้

1.การเสริมสร้างขีดความสามารถทางดิจิทัลของหน่วยงานยุติธรรม โดยผลักดันการยกระดับความสามารถด้านดิจิทัลของเจ้าหน้าที่เพิ่มการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อให้สามารถติดตาม ตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานทางเทคโนโลยีได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และเป็นสากล

2.การพัฒนากฎหมายและมาตรการทางนโยบายที่ทันสมัย สอดรับกับอาชญากรรมยุคใหม่ โดยส่งเสริมการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถรับมือกับอาชญากรรมออนไลน์ที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

3.การเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ธนาคาร สถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และโทรคมนาคม เพื่อพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและมาตรการป้องกันล่วงหน้า รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันภัยออนไลน์

4.การขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อรับมืออาชญากรรมข้ามพรมแดน ส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานนานาชาติ ร่วมสืบสวนสอบสวนและสนับสนุนการปฏิบัติ

5.การคุ้มครองประชาชน และผู้เสียหายอย่างเป็นระบบ ผลักดันการพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้เสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมที่สะดวกและมาตรการช่วยเหลือด้านกฎหมาย


สำหรับผลการปฏิบัติที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมา (24 ต.ค. – 16 ธ.ค.68) ตนต้องขอขอบคุณทุกหน่วยที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนด้วยดี จนทำให้สามารถยึด อายัดทรัพย์สินผู้กระทำความผิด มูลค่ากว่า 19.6 ล้านบาท ช่วยเหลือเหยื่อ จำนวน 118 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 61.9 ล้านบาท ดำเนินคดีสำคัญที่น่าสนใจ เช่น คดี "เฉิน จื้อ" ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่ม บริษัท Prince Holding Group กลุ่มธุรกิจข้ามชาติในกัมพูชา หลอกลวงผู้เสียหายมูลค่ากว่า 373 ล้านบาท , คดี "ก๊ก อาน" ขบวนการเครือข่ายสแกมเมอร์ มูลค่าความเสียหายกว่า 467 ล้านบาท

คดี น.ส.แตงไทย บ้านมะหิพงษ์ ขบวนการเครือข่ายสแกมเมอร์ เกี่ยวโยงผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา มูลค่าความเสียหายกว่า 9,279 ล้านบาท และ ปฏิบัติการทลายเหมืองบิตคอยน์เถื่อน "Operation Copperhead" (โอเปอร์เรชั่น คอปเปอร์เฮด) เครือข่ายจีนเทาและเมียนมา มูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท

พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทั้งไทยและจีนกำลังเอาจริงและดำเนินการกับอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเข้มข้น และจากการหารือกับนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ทราบว่าล่าสุดมีการรับตัวชาวจีนที่เมียนมา กลับไปสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายที่จีนหลายพันคน นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่คือ กรณีการสแกนม่านตาแลกเงินดิจิทัล ซึ่งกำลังตรวจสอบการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU กับบริษัทสิงคโปร์

“ม่านตาถือว่าเป็นอัตลักษณ์ส่วนบุคคล เรากังวลว่าหากมีการนำข้อมูลตรงนี้ไปเปิดบัญชีม้า ก็จะได้บัญชีม้ากว่า 1.2 ล้านบัญชี อาจนำไปสู่การทำนิติกรรมที่ผิดกฎหมายหรือการหลอกลวงประชาชน ขอย้ำว่าอาชญากรรมทางเทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องไกลตัว” พล.ต.ท.รุทธพล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น